- ข้อมูลเศรษฐกิจการเกษตร
- ภาวะเศรษฐกิจการเกษตร
- รายละเอียดภาวะเศรษฐกิจการเกษตร
ข้อมูลเศรษฐกิจการเกษตร
สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์ 17-23 มกราคม 2565
ข้าว
1.สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
1.1 มาตรการสินค้าข้าว
1) โครงการสำคัญภายใต้แผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปีการผลิต 2564/65 ดังนี้
1.1) ด้านการผลิต
(1) การจัดการปัจจัยการผลิต ได้แก่ โครงการผลิตและกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าว และมาตรการควบคุม
ค่าเช่าที่นา
(2) การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าว ได้แก่ โครงการระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ (นาแปลงใหญ่) โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ โครงการพัฒนาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิตพืช โครงการเพิ่มศักยภาพการผลิตข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้สู่มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โครงการพัฒนาและส่งเสริมการเกษตร (ข้าวพันธุ์ กข43 และข้าวเจ้าพื้นนุ่ม) โครงการรักษาระดับปริมาณและคุณภาพข้าว โครงการเพิ่มปริมาณ
น้ำต้นทุนและเพิ่มพื้นที่ระบบส่งน้ำให้พื้นที่เกษตรกรรม และการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับการผลิตข้าวยั่งยืน
(3) การควบคุมปริมาณการผลิตข้าว ได้แก่ โครงการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรตามแผนที่การเกษตรเชิงรุก (Zoning by Agri-Map) โครงการส่งเสริมการปลูกพืชหลากหลาย โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังฤดูทำนา โครงการส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์และกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่อง โครงการส่งเสริมการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
ผ่านระบบสหกรณ์ แผนการถ่ายทอดความรู้การผลิตพืชหลังนาและการใช้น้ำในการผลิตพืชอย่างมีประสิทธิภาพ และแผนการผลิตพันธุ์พืชและปัจจัยการผลิต
(4) การพัฒนาชาวนา ได้แก่ โครงการพัฒนาเกษตรกรปราดเปรื่อง (Smart Farmer)
(5) การวิจัยและพัฒนา ได้แก่ การปรับปรุงพันธุ์ข้าวเจ้าพื้นแข็ง และพันธุ์ข้าวเหนียว
(6) การประกันภัยพืชผล ได้แก่ โครงการประกันภัยข้าวนาปี
(7) การส่งเสริมการสร้างยุ้งฉางให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรทั่วประเทศ (รัฐชดเชยดอกเบี้ยร้อยละ 3)
1.2) ด้านการตลาด
(1) การพัฒนาตลาดสินค้าข้าว ได้แก่ โครงการเชื่อมโยงตลาดข้าวอินทรีย์ และข้าว GAP ครบวงจร
(2) การชะลอผลผลิตออกสู่ตลาด ได้แก่ โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก โครงการส่งเสริมผลักดันการส่งออกข้าว และโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว
(3) การจัดหาและเชื่อมโยงตลาดต่างประเทศ ได้แก่ โครงการกระชับความสัมพันธ์และรณรงค์สร้างการรับรู้ในศักยภาพข้าวไทย เพื่อขยายตลาดข้าวไทยในต่างประเทศ และโครงการ ลด/แก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้าข้าวไทยและเสริมสร้างความเชื่อมั่น
(4) การส่งเสริมภาพลักษณ์และประชาสัมพันธ์ข้าว ผลิตภัณฑ์ข้าว และนวัตกรรมข้าว ได้แก่ โครงการส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ข้าวไทยในงานแสดงสินค้านานาชาติ และโครงการเสริมสร้างศักยภาพสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทยเพื่อการต่อยอดเชิงพาณิชย์
(5) การประชาสัมพันธ์รณรงค์บริโภคข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวของไทยทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ
(6) การประชาสัมพันธ์ข้าวไทยในกลุ่มผู้บริโภคในต่างประเทศผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย
2) มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65
มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2564 อนุมัติโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/65 และมาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 อนุมัติโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/65 และมาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65 ดังนี้
2.1) โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/65 รอบที่ 1 โดยกำหนดชนิดข้าว ราคา และปริมาณประกันรายได้ (ณ ราคาความชื้นไม่เกิน 15%) ดังนี้ (1) ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาประกันตันละ 15,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 14 ตัน (2) ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ราคาประกันตันละ 14,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน (3) ข้าวเปลือกเจ้า ราคาประกันตันละ 10,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ตัน (4) ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ราคาประกันตันละ 11,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ตัน และ (5) ข้าวเปลือกเหนียว ราคาประกันตันละ 12,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน
2.2) มาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65 ประกอบด้วย
3 โครงการ ได้แก่
(1) โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2564/65 โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรในเขตพื้นที่ปลูกข้าวทั่วประเทศ เพื่อรักษาราคาข้าวเปลือกให้มีเสถียรภาพ
โดยให้มีการเก็บข้าวเปลือกไว้ในยุ้งฉางของเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร เพื่อชะลอผลผลิตออกสู่ตลาดพร้อมกันเป็นจำนวนมาก เป้าหมายจำนวน 2 ล้านตันข้าวเปลือก วงเงินสินเชื่อต่อตัน จำแนกเป็น ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 11,000 บาทข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 9,500 บาท ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 5,400 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 7,300 บาท และข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ตันละ 8,600 บาท รวมทั้งเกษตรกรที่เก็บข้าวเปลือกในยุ้งฉางตนเอง จะได้รับค่าฝากเก็บและรักษาคุณภาพข้าวเปลือกในอัตราตันละ 1,500 บาท สำหรับสถาบันเกษตรกรที่รับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้รับในอัตราตันละ 1,000 บาท และเกษตรกรผู้ขายข้าวเปลือก ได้รับในอัตราตันละ 500 บาท
(2) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปีการผลิต 2564/65โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อแก่สถาบันเกษตรกร ประกอบด้วย สหกรณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และศูนย์ข้าวชุมชน เพื่อรวบรวมข้าวเปลือกจำหน่าย และ/หรือเพื่อการแปรรูป วงเงินสินเชื่อเป้าหมาย 15,000 ล้านบาท
คิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ร้อยละ 4 ต่อปี โดยสถาบันเกษตรกรรับภาระดอกเบี้ย ร้อยละ 1 ต่อปี รัฐบาลรับภาระชดเชยดอกเบี้ยให้สถาบันเกษตรกรร้อยละ 3 ต่อปี
(3)โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต 2564/65 ผู้ประกอบการค้าข้าวรับซื้อข้าวเปลือกเพื่อเก็บสต็อก เป้าหมาย 4 ล้านตันข้าวเปลือก โดยสามารถรับซื้อจากเกษตรกร
ได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 - 31 มีนาคม 2565 (ภาคใต้ 1 มกราคม - 30 มิถุนายน 2565) และเก็บสต็อกในรูปข้าวเปลือกและข้าวสาร ระยะเวลาการเก็บสต็อกอย่างน้อย 60 - 180 วัน (2 - 6 เดือน) นับแต่วันที่รับซื้อ โดยรัฐชดเชยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 3
2.3) โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65
ธ.ก.ส. ดำเนินการจ่ายเงินให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ลดต้นทุนการผลิต ให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ในอัตราไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 20 ไร่ หรือครัวเรือนละไม่เกิน 20,000 บาท
1.2 ราคา
1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ
ข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 10,921 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 10,883 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.35
ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 7,870 บาท ราคาลดลงจากตันละ 7,971 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.26
2) ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 25,370 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 25,050 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.28
ข้าวขาว 5% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 12,650 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 12,450 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.61
3) ราคาส่งออกเอฟโอบี
ข้าวหอมมะลิไทย 100% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 750 ดอลลาร์สหรัฐฯ (24,618 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 715 ดอลลาร์สหรัฐฯ (23,698 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 4.90 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 920 บาท
ข้าวขาว 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 426 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,983 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 423 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,020 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.71 แต่ลดลงในรูปเงินบาทตันละ 37 บาท
ข้าวนึ่ง 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 423 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,885 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 420 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,920 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.71 แต่ลดลงในรูปเงินบาทตันละ 35 บาท
หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 32.8245 บาท
2. สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ
2.1 สถานการณ์ข้าวโลก
1) การผลิต
ผลผลิตข้าวโลก กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ได้คาดการณ์ผลผลิตข้าวโลกปี 2564/65 ณ เดือนมกราคม 2565 ผลผลิต 509.871 ล้านตันข้าวสาร เพิ่มขึ้นจาก 507.241 ล้านตันข้าวสาร ในปี 2563/64 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.52
2) การค้าข้าวโลก
บัญชีสมดุลข้าวโลก กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ได้คาดการณ์บัญชีสมดุลข้าวโลกปี 2564/65 ณ เดือน
มกราคม 2565 มีปริมาณผลผลิต 509.871 ล้านตันข้าวสาร เพิ่มขึ้นจากปี 2563/64 ร้อยละ 0.52 การใช้ในประเทศ 510.285 ล้านตันข้าวสาร เพิ่มขึ้นจากปี 2563/64 ร้อยละ 1.56 การส่งออก/นำเข้า 49.464 ล้านตันข้าวสาร ลดลงจาก
ปี 2563/64 ร้อยละ 2.16 และสต็อกปลายปีคงเหลือ 186.061 ล้านตันข้าวสาร ลดลงจากปี 2563/64 ร้อยละ 0.22
โดยประเทศที่คาดว่าจะส่งออกเพิ่มขึ้น ได้แก่ ออสเตรเลีย บราซิล ปากีสถาน ปารากวัย ไทย ตุรกี อุรุกวัย และเวียดนาม ส่วนประเทศที่คาดว่าจะส่งออกลดลง ได้แก่ อาร์เจนตินา เมียนมา กัมพูชา จีน อียู อินเดีย และสหรัฐอเมริกา
สำหรับประเทศที่คาดว่าจะนำเข้าเพิ่มขึ้น ได้แก่ บังกลาเทศ บราซิล จีน ไอเวอรี่โคสต์ อียิปต์ เอธิโอเปีย
อียู กานา กินี อิหร่าน อิรัก ญี่ปุ่น เคนย่า มาดากัสการ์ มาเลเซีย เม็กซิโก โมแซมบิค เนปาล ไนจีเรีย ฟิลิปปินส์ ซาอุดิอาระเบีย เซเนกัล แอฟริกาใต้ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา
ประเทศที่มีสต็อกคงเหลือปลายปีเพิ่มขึ้น ได้แก่ จีน อินเดีย อินโดนีเซีย ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ ไทย เวียดนาม และสหรัฐอเมริกา
2.2 สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ
เวียดนาม
สัปดาห์ที่ผ่านมา ภาวะราคาส่งออกข้าวค่อนข้างทรงตัวจากสัปดาห์ที่แล้วซึ่งเป็นระดับที่ต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่
26 สิงหาคม 2564 ท่ามกลางภาวการณ์ค้าที่ยังคงชะลอตัว เนื่องจากความต้องการข้าวจากต่างประเทศลดลง ขณะที่ผู้ค้าข้าวในประเทศลดการจัดซื้อข้าวในช่วงนี้ลง โดยราคาข้าวขาว 5% ราคาอยู่ที่ตันละ 395-405 ดอลลาร์สหรัฐฯ
เมื่อเทียบกับตันละ 395-400 ดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้า
The Oceanic Agency and Shipping Service รายงานว่า ในช่วงระหว่างวันที่14-23 มกราคม 2565 มีเรือบรรทุกสินค้า (breakbulk ships) อย่างน้อย 12 ลำ เข้ามารอรับสินค้าข้าวที่ท่าเรือ Ho Chi Minh City (HCMC) Port เพื่อรับมอบข้าวประมาณ 154,000 ตัน
ข้อมูลจากสำนักงานศุลกากร (the General Statistics Office) ระบุว่าในเดือนธันวาคม 2564 เวียดนามส่งออกข้าวประมาณ 490,219 ตัน ลดลงร้อยละ 13.4 เมื่อเทียบกับเดือนพฤศจิกายน 2564 และลดลงร้อยละ 10.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยในปี 2564 เวียดนามส่งออกข้าวประมาณ 6.24 ล้านตัน ลดลงร้อยละ 0.2
เมื่อเทียบกับปี 2563
สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงฮานอย รายงานว่า กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า (MOIT) รายงานว่าในปี 2564 การค้าระหว่างเวียดนามและสหภาพยุโรปมีมูลค่า 63,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.8 แม้จะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 โดยในปี 2564 เวียดนามส่งออกสินค้าไปยัง
สหภาพยุโรปมูลค่า 45,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า17,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.5
กระทรวงฯ ระบุว่าตั้งแต่ข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างสหภาพยุโรปและเวียดนาม (EVFTA) มีผลบังคับใช้ ทำให้การค้าเวียดนามและสหภาพยุโรปเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะรายได้จากการส่งออกผลิตภัณฑ์ที่ใช้ใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า (C/O) EUR.1 มีมูลค่าประมาณ 7,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการเวียดนามให้ความสำคัญกับข้อตกลงดังกล่าวมากขึ้น
ปัจจุบันผู้ประกอบการในประเทศประมาณร้อยละ 20 ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีส่งออกจาก EVFTA ด้วยใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า(C/O) EUR.1 สำหรับการจัดส่งสินค้าไปยังสหภาพยุโรปที่มีมูลค่าน้อยกว่า 6,000 ยูโร ผู้ประกอบการของเวียดนามจะได้รับอนุญาตให้รับรองแหล่งกำเนิดด้วยตนเอง ซึ่งช่วยให้ผู้ประกอบการขนาดเล็กไม่ต้องเสียเวลาสมัครขอใบรับรอง ในขณะที่ยังคงได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี
ที่มา : สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย
กัมพูชา
สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ณ ประจำกรุงปักกิ่ง รายงานว่า เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2564 บริษัท CCIC (ประเทศกัมพูชา) ระบุว่า ในช่วงตั้งแต่เดือนมกราคม-ตุลาคม 2564 บริษัท CCIC Group ได้ตรวจสอบ
และออกใบรับรองนำเข้าข้าวจากกัมพูชาประมาณ 2.27 แสนตัน ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 37 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
นายเฉินฉีเซิง ผู้จัดการของบริษัท CCIC เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ต้นปี 2564 ข้าวของกัมพูชาที่ส่งออกไปยังประเทศจีนไม่เพียงแต่มีคุณภาพดี แต่ยังมีปริมาณส่งออกเพิ่มขึ้น พร้อมกันนี้ นายอูกว๋อฉวน อัครราชทูตที่ปรึกษาการพาณิชย์ สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำกัมพูชา ยังกล่าวว่า องค์กรธุรกิจในจีนร่วมกันพัฒนาข้อได้เปรียบทางฝ่ายขายและ
การขายออนไลน์ในประเทศจีน เพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายและสร้างชื่อเสียงให้ข้าวของกัมพูชาเป็นที่รู้จักสู่สายตา
ของผู้บริโภคชาวจีน ภายใต้ภาพลักษณ์ คุณภาพดี สุขภาพดี ปลอดภัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ ในช่วงปลายเดือนตุลาคม 2564 บริษัท CCIC ได้ตรวจพบข้าวที่คุณภาพไม่ผ่านเกณฑ์ก่อนทำการบรรจุเพื่อขนส่ง จำนวน 22 ล็อต โดยมีปัญหาด้านความชื้นในเมล็ดข้าว และส่วนของเมล็ดข้าวที่แตกหัก
ที่มา : สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย
ฟิลิปปินส์
สำนักงานสถิติแห่งชาติ (the Philippine Statistics Agency; PSA) รายงานว่าสต็อกข้าว ณ วันที่
1 พฤศจิกายน 2564 มีจำนวนประมาณ 2.41843 ล้านตัน ซึ่งเพียงพอสำหรับบริโภคประมาณ 76 วัน (คำนวณจากความต้องการบริโภควันละประมาณ 32,000 ตัน) น้อยกว่าระดับที่รัฐบาลกำหนดไว้ที่ 90 วัน โดยปริมาณสต็อกข้าวเพิ่มขึ้นร้อยละ 23.7 เมื่อเทียบกับจำนวน 1.95472 ล้านตัน ในเดือนตุลาคม 2564 แต่ลดลงร้อยละ 23.4 เมื่อเทียบกับจำนวน 3.15854 ล้านตัน ในช่วงเดียวกันของปี 2563
ทั้งนี้ สต็อกในคลังขององค์การอาหารแห่งชาติ (The National Food Authority; NFA) มีจำนวนประมาณ 0.24432 ล้านตัน ลดลงร้อยละ 36.6 เมื่อเทียบกับจำนวน 0.38562 ล้านตัน ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว (คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 10.1 ของสต็อกข้าวทั้งหมด และเพียงพอสำหรับการบริโภคประมาณ 7 วัน) โดยสต็อกข้าวของ NFA เพิ่มขึ้นร้อยละ 46.9 เมื่อเทียบกับจำนวน 0.16634 ล้านตัน ในเดือนตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา
ขณะที่สต็อกในคลังของเอกชน (Commercial warehouses) มีจำนวน 0.84174 ล้านตัน ลดลงร้อยละ 12.6 เมื่อเทียบกับจำนวน 0.96352 ล้านตัน ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว (คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 34.8 ของสต็อกข้าวทั้งหมด และเพียงพอสำหรับการบริโภคประมาณ 26 วัน) แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.5 เมื่อเทียบกับจำนวน 0.72869 ล้านตัน
ในเดือนตุลาคม 2564 ส่วนสต็อกในภาคครัวเรือน (Household stocks) มีจำนวนประมาณ 1.33237 ล้านตัน ลดลงร้อยละ 26.4 เมื่อเทียบกับจำนวน 1.8094 ล้านตัน ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว (คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 55.1 ของสต็อกข้าวทั้งหมด และเพียงพอสำหรับการบริโภคประมาณ 42 วัน) แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.7 เมื่อเทียบกับจำนวน 1.05968 ล้านตัน ในเดือนตุลาคม 2564
ที่มา : สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
ราคาข้าวโพดภายในประเทศในช่วงสัปดาห์นี้ มีดังนี้
ราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นไม่เกิน 14.5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 8.80 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 8.76 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.46 และราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นเกิน 14.5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 7.08 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 7.03 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.71
ราคาข้าวโพดขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ ที่โรงงานอาหารสัตว์รับซื้อ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 10.80 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 10.73 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.65 และราคาขายส่งไซโลรับซื้อสัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 10.68 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 10.58 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.95
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี. สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 334.00 ดอลลาร์สหรัฐ (10,957.00 บาท/ตัน)สูงขึ้นจากตันละ 328.00 ดอลลาร์สหรัฐ (10,865.00 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.83 และสูงขึ้นในรูปของเงินบาทตันละ 92.00 บาท
2. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาต่างประเทศ
กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ คาดคะเนความต้องการใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของโลก ปี 2564/65มีปริมาณ 1,196.12 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 1,136.87 ล้านตัน ในปี 2563/64 ร้อยละ 5.21 โดยสหรัฐอเมริกา จีน สหภาพยุโรป บราซิล เม็กซิโก อินเดีย อียิปต์ แคนาดา ญี่ปุ่น อาร์เจนตินา อินโดนีเซีย แอฟริกาใต้ เกาหลีใต้ ไนจีเรีย และรัสเซีย มีความต้องการใช้เพิ่มขึ้น สำหรับการค้าของโลกมี 194.02 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 183.70 ล้านตัน ในปี 2563/64 ร้อยละ 5.62 โดยอาร์เจนตินา ยูเครน บราซิล สหภาพยุโรป รัสเซีย แอฟริกาใต้ และอินเดีย ส่งออกเพิ่มขึ้น ประกอบกับผู้นำเข้า เช่น เม็กซิโก ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป เวียดนาม อียิปต์ อิหร่าน และโคลัมเบีย มีการนำเข้าเพิ่มขึ้น
ราคาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดชิคาโกเดือนมีนาคม 2565 ข้าวโพดเมล็ดเหลืองอเมริกัน ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 609.00 เซนต์ (7,974.00 บาท/ตัน) เพิ่มขึ้นจากบุชเชลละ 597.00 เซนต์ (7,887.00 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.01 และเพิ่มขึ้นในรูปของเงินบาทตันละ 87.00 บาท
มันสำปะหลัง
สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
การผลิต
ผลผลิตมันสำปะหลัง ปี 2565 (เริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 – กันยายน 2565) คาดว่ามีพื้นที่เก็บเกี่ยว 9.664 ล้านไร่ ผลผลิต 32.730 ล้านตัน และผลผลิตต่อไร่ 3.387 ตัน เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่มีพื้นที่เก็บเกี่ยว 9.796 ล้านไร่ ผลผลิต 32.499 ล้านตัน และผลผลิตต่อไร่ 3.318 ตัน พบว่า พื้นที่เก็บเกี่ยว ลดลงร้อยละ 1.35 แต่ผลผลิต และผลผลิตต่อไร่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.71 และร้อยละ 2.08 ตามลำดับ โดยเดือนมกราคม 2565 คาดว่าจะมีผลผลิตออกสู่ตลาด 6.48 ล้านตัน (ร้อยละ 19.81 ของผลผลิตทั้งหมด)
ทั้งนี้ผลผลิตมันสำปะหลังปี 2565 จะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนมกราคม – มีนาคม 2565 ปริมาณ 20.30 ล้านตัน (ร้อยละ 62.02 ของผลผลิตทั้งหมด)
การตลาด
เป็นช่วงต้นฤดูการเก็บเกี่ยว หัวมันสำปะหลังออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้นและคุณภาพดี สำหรับลานมันเส้นและโรงงานแป้งมันสำปะหลังส่วนใหญ่เปิดดำเนินการ
ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศประจำสัปดาห์ สรุปได้ดังนี้
ราคาหัวมันสำปะหลังสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 2.29 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 2.24 บาทในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 2.23
ราคามันเส้นสัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 6.46 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 6.42 บาทในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.62
ราคาขายส่งในประเทศ
ราคาขายส่งมันเส้น (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต จ.ชลบุรี และ จ.อยุธยา) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ7.38 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 7.35 บาทในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.40
ราคาขายส่งแป้งมันสำปะหลังชั้นพิเศษ (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต กรุงเทพและปริมณฑล) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 15.10 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ราคาส่งออกมันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 245 ดอลลาร์สหรัฐฯ (8,042 บาทต่อตัน) ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน (8,120 บาทต่อตัน)
ราคาส่งออกแป้งมันสำปะหลัง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 488 ดอลลาร์สหรัฐฯ (16,018 บาทต่อตัน) ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน (16,174 บาทต่อตัน)
ปาล์มน้ำมัน
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร คาดว่าปี 2565 ผลผลิตปาล์มน้ำมันเดือนมกราคมจะมีประมาณ 0.986 ล้านตัน คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.177 ล้านตัน สูงขึ้นจากผลผลิตปาล์มทะลาย 0.929 ล้านตัน คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.167 ล้านตันของเดือนธันวาคม 2564 คิดเป็นร้อยละ 6.14 และร้อยละ 5.99 ตามลำดับ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาผลปาล์มทะลาย สัปดาห์นี้เฉลี่ย กก.ละ 10.77 บาท สูงขึ้นจาก กก.ละ 10.11 บาทในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 6.53
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาน้ำมันปาล์มดิบ สัปดาห์นี้เฉลี่ย กก.ละ 56.03 บาท สูงขึ้นจาก กก.ละ 54.15 บาทในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 3.47
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
สถานการณ์ในต่างประเทศ
ราคาน้ำมันปาล์มเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากตลาดมีความกังวลในเรื่องอุปทานของผู้ผลิตรายใหญ่อย่างอินโดนีเซียและมาเลเซีย และราคาน้ำมันถั่วเหลืองที่ปรับตัวสูงขึ้น สัญญาซื้อขายล่วงหน้า ส่งมอบเดือนเมษายนสูงขึ้นไปอยู่ที่ตันละ 5,322 ริงกิต โบรกเกอร์ในมาเลเซียคาดว่าในช่วงไตรมาสแรกของปี 2565 อุปทานในมาเลเซียจะยังคงตึงตัว และอินโดนีเซียได้ออกข้อบังคับในการส่งออกน้ำมันปาล์มใหม่ เพื่อช่วยบรรเทาราคาน้ำมันบริโภคภายในประเทศที่อยู่ในระดับสูง
ราคาในตลาดต่างประเทศ
ตลาดมาเลเซีย ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 5,399.14 ดอลลาร์มาเลเซีย (43.25 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 5,315.27 ดอลลาร์มาเลเซีย (42.99 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 1.58
ตลาดรอตเตอร์ดัม ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,344.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (44.69 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 1,323.75 ดอลลาร์สหรัฐฯ (44.44 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 1.53
หมายเหตุ : ราคาในตลาดต่างประเทศเฉลี่ย 5 วัน
อ้อยและน้ำตาล
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
ไม่มีรายงาน
2. สรุปภาวะการผลิต การตลาดและราคาในต่างประเทศ
ผู้สังเกตการณ์ในตลาด กล่าวว่า ราคาน้ำตาลล่วงหน้าตลาดนิวยอร์คที่พุ่งสูงขึ้นสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ เมื่อวันที่ 18 มกราคม เป็นผลมาจากราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มสูงขึ้น และจากการคาดการณ์ของ Goldman Sachs ว่าราคาน้ำมันดิบจะทะลุ 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ภายในสิ้นปีนี้ ด้าน Safras & Mercados แย้งว่า ในฤดูกาลนี้จะมีอ้อยเพิ่มขึ้นอีก อย่างไรก็ตามไม่ได้คาดหวังว่าน้ำมันดิบสูงกว่า 90 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จนถึงกลางปี 2565 นอกจากนี้ Traders ยังกล่าวอีกว่า อุปทานน้ำตาลในอินเดียและไทยมีเพียงพอที่จะจำกัดราคาตลาด
ตามข้อมูลของศุลกากรของจีน พบว่า ในเดือนธันวาคม 2564 จีนนำเข้าน้ำตาล 400,000 ตัน ลดลง 57% เมื่อเทียบกับปีก่อน ทำให้การนำเข้าน้ำตาลทั้งหมดในปี 2564 ทำสถิติสูงสุดที่ 5.67 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ทั้งนี้ในเดือนธันวาคมจีนนำเข้าข้าวโพด 1.33 ล้านตัน ลดลง 40% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ทำให้ยอดรวมในปี 2564 เป็น 28.35 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 152% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และยังทำสถิติสูงสุดอีกด้วย
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
ไม่มีรายงาน
2. สรุปภาวะการผลิต การตลาดและราคาในต่างประเทศ
ผู้สังเกตการณ์ในตลาด กล่าวว่า ราคาน้ำตาลล่วงหน้าตลาดนิวยอร์คที่พุ่งสูงขึ้นสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ เมื่อวันที่ 18 มกราคม เป็นผลมาจากราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มสูงขึ้น และจากการคาดการณ์ของ Goldman Sachs ว่าราคาน้ำมันดิบจะทะลุ 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ภายในสิ้นปีนี้ ด้าน Safras & Mercados แย้งว่า ในฤดูกาลนี้จะมีอ้อยเพิ่มขึ้นอีก อย่างไรก็ตามไม่ได้คาดหวังว่าน้ำมันดิบสูงกว่า 90 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จนถึงกลางปี 2565 นอกจากนี้ Traders ยังกล่าวอีกว่า อุปทานน้ำตาลในอินเดียและไทยมีเพียงพอที่จะจำกัดราคาตลาด
ตามข้อมูลของศุลกากรของจีน พบว่า ในเดือนธันวาคม 2564 จีนนำเข้าน้ำตาล 400,000 ตัน ลดลง 57% เมื่อเทียบกับปีก่อน ทำให้การนำเข้าน้ำตาลทั้งหมดในปี 2564 ทำสถิติสูงสุดที่ 5.67 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ทั้งนี้ในเดือนธันวาคมจีนนำเข้าข้าวโพด 1.33 ล้านตัน ลดลง 40% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ทำให้ยอดรวมในปี 2564 เป็น 28.35 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 152% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และยังทำสถิติสูงสุดอีกด้วย
ถั่วเหลือง
1. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วเหลืองชนิดคละสัปดาห์นี้ ไม่มีรายงานราคา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งถั่วเหลืองสกัดน้ำมันสัปดาห์นี้ ไม่มีรายงานราคา
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
ราคาในตลาดต่างประเทศ (ตลาดชิคาโก)
ราคาซื้อขายล่วงหน้าเมล็ดถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 1,398.05 เซนต์ (17.08 บาท/กก.)สูงขึ้นจากบุชเชลละ 1,372.84 เซนต์ (16.93 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 1.84
ราคาซื้อขายล่วงหน้ากากถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 395.48 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13.15 บาท/กก.)ลดลงจากตันละ 430.92 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14.47 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 8.22
ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันถั่วเหลืองสัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 61.43 เซนต์ (45.02 บาท/กก.)สูงขึ้นจากปอนด์ละ 58.48 เซนต์ (43.27 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 5.04
1. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วเหลืองชนิดคละสัปดาห์นี้ ไม่มีรายงานราคา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งถั่วเหลืองสกัดน้ำมันสัปดาห์นี้ ไม่มีรายงานราคา
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
ราคาในตลาดต่างประเทศ (ตลาดชิคาโก)
ราคาซื้อขายล่วงหน้าเมล็ดถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 1,398.05 เซนต์ (17.08 บาท/กก.)สูงขึ้นจากบุชเชลละ 1,372.84 เซนต์ (16.93 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 1.84
ราคาซื้อขายล่วงหน้ากากถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 395.48 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13.15 บาท/กก.)ลดลงจากตันละ 430.92 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14.47 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 8.22
ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันถั่วเหลืองสัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 61.43 เซนต์ (45.02 บาท/กก.)สูงขึ้นจากปอนด์ละ 58.48 เซนต์ (43.27 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 5.04
ยางพารา
ถั่วเขียว
สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดใหญ่คละ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 23.25 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 23.48 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.98
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดเล็กคละ และถั่วเขียวผิวดำคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 29.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 25.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 41.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 22.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 37.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 914.40 ดอลลาร์สหรัฐ (30.01 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 903.50 ดอลลาร์สหรัฐ (29.95 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.21 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.07 บาท
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 791.80 ดอลลาร์สหรัฐ (25.99 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 782.25 ดอลลาร์สหรัฐ (25.93 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.22 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.06 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,282.60 ดอลลาร์สหรัฐ (42.10 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 1,267.25 ดอลลาร์สหรัฐ (42.00 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.21 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.10 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 699.60 ดอลลาร์สหรัฐ (22.96 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 691.25 ดอลลาร์สหรัฐ (22.91 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.21 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.05 บาท
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,154.00 ดอลลาร์สหรัฐ (37.88 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 1,140.00 ดอลลาร์สหรัฐ (37.78 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.23 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.10 บาท
ถั่วลิสง
สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ความเคลื่อนไหวของราคาประจำสัปดาห์ มีดังนี้
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกแห้ง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 47.00 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 46.50 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.08
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 32.89 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 33.06 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.51
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดพิเศษ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 67.50 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดธรรมดา สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 64.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ฝ้าย
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้
ราคาฝ้ายรวมเมล็ดชนิดคละ ไม่มีการรายงานราคา
ราคาซื้อ-ขายล่วงหน้าตลาดนิวยอร์ก (New York Cotton Futures)
ราคาซื้อ-ขายล่วงหน้า เพื่อส่งมอบเดือนมีนาคม 2565 สัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 122.16 เซนต์(กิโลกรัมละ 89.54 บาท) เพิ่มขึ้นจากปอนด์ละ 117.08 เซนต์ (กิโลกรัมละ 86.66 บาท) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 4.34 (เพิ่มขึ้นในรูปของเงินบาทกิโลกรัมละ 2.88 บาท)
ไหม
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,756 บาท สูงขึ้นจาก กิโลกรัมละ 1,754 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.12 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,473 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 3 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,005 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ปศุสัตว์
สุกร
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
ภาวะตลาดสุกรสัปดาห์นี้ ราคาสุกรมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้น เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตเนื้อสุกรที่ออกสู่ตลาดมีน้อยกว่าความต้องการของผู้บริโภค แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือลดลงเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
สุกรมีชีวิตพันธุ์ผสมน้ำหนัก 100 กิโลกรัมขึ้นไป ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 102.20 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 95.68 คิดเป็นร้อยละ 6.81 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 85.93 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 92.54 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 111.33 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 100.88 บาท ส่วนราคาลูกสุกรตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 3,700 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งสุกรมีชีวิต ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 109.50 บาท สูงขึ้นจาก กิโลกรัมละ 107.50 บาท คิดเป็นร้อยละ 1.86 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา
ไก่เนื้อ
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
สัปดาห์นี้ราคาไก่เนื้อมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้นเล็กน้อยจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตที่ออกสู่ตลาดสอดรับกับความต้องการของผู้บริโภค แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 40.71 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 40.62 บาทคิดเป็นร้อยละ 0.22 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 35.00 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 41.04 บาท ภาคใต้ กิโลกรัมละ 44.38 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่เนื้อตามประกาศของบริษัท ซี.พี ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 15.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไก่มีชีวิตหน้าโรงฆ่า จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 38.00 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 37.50 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.32 จากสัปดาห์ที่ผ่านมา และราคาขายส่งไก่สดทั้งตัวรวมเครื่องใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 52.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ไข่ไก่
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
สถานการณ์ตลาดไข่ไก่สัปดาห์นี้ ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตไข่ไก่ที่ออกสู่ตลาดมีน้อยกว่าความต้องการของผู้บริโภค แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 301 บาท สูงขึ้นจากร้อยฟองละ 292 บาทคิดเป็นร้อยละ 3.26 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 313 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 298 บาท ภาคกลางร้อยฟองละ 300 บาท และภาคใต้ไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่ไข่ตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 26.00 บาท ลดลงจาก ตัวละ 28.00 บาท คิดเป็นร้อยละ 7.14 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่ไก่ (เฉลี่ยเบอร์ 0-4) ในตลาดกรุงเทพฯจากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 3.25 บาท ลดลงจากร้อยฟองละ 3.31 บาท คิดเป็นร้อยละ 1.81 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา
ไข่เป็ด
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่เป็ดที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 363 บาท สูงขึ้นจากร้อยฟองละ 359 บาท คิดเป็นร้อยละ 1.12 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 379 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 373 บาท ภาคกลางร้อยฟองละ 339 บาท และภาคใต้ร้อยฟองละ 378 บาท
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่เป็ดคละ ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 4.75 บาท ลดลงจากร้อยฟองละ 4.85 บาท คิดเป็นร้อยละ 2.06 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา
โคเนื้อ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาโคพันธุ์ลูกผสม (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 99.42 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 98.88 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.54 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 95.11 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 102.10 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 91.28 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 109.29 บาท
กระบือ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคากระบือ (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 81.96 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 82.72 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.92 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 89.33 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 80.54 บาท ภาคกลางและภาคใต้ไม่มีรายงาน
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
ภาวะตลาดสุกรสัปดาห์นี้ ราคาสุกรมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้น เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตเนื้อสุกรที่ออกสู่ตลาดมีน้อยกว่าความต้องการของผู้บริโภค แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือลดลงเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
สุกรมีชีวิตพันธุ์ผสมน้ำหนัก 100 กิโลกรัมขึ้นไป ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 102.20 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 95.68 คิดเป็นร้อยละ 6.81 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 85.93 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 92.54 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 111.33 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 100.88 บาท ส่วนราคาลูกสุกรตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 3,700 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งสุกรมีชีวิต ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 109.50 บาท สูงขึ้นจาก กิโลกรัมละ 107.50 บาท คิดเป็นร้อยละ 1.86 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา
ไก่เนื้อ
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
สัปดาห์นี้ราคาไก่เนื้อมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้นเล็กน้อยจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตที่ออกสู่ตลาดสอดรับกับความต้องการของผู้บริโภค แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 40.71 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 40.62 บาทคิดเป็นร้อยละ 0.22 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 35.00 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 41.04 บาท ภาคใต้ กิโลกรัมละ 44.38 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่เนื้อตามประกาศของบริษัท ซี.พี ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 15.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไก่มีชีวิตหน้าโรงฆ่า จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 38.00 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 37.50 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.32 จากสัปดาห์ที่ผ่านมา และราคาขายส่งไก่สดทั้งตัวรวมเครื่องใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 52.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ไข่ไก่
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
สถานการณ์ตลาดไข่ไก่สัปดาห์นี้ ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตไข่ไก่ที่ออกสู่ตลาดมีน้อยกว่าความต้องการของผู้บริโภค แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 301 บาท สูงขึ้นจากร้อยฟองละ 292 บาทคิดเป็นร้อยละ 3.26 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 313 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 298 บาท ภาคกลางร้อยฟองละ 300 บาท และภาคใต้ไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่ไข่ตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 26.00 บาท ลดลงจาก ตัวละ 28.00 บาท คิดเป็นร้อยละ 7.14 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่ไก่ (เฉลี่ยเบอร์ 0-4) ในตลาดกรุงเทพฯจากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 3.25 บาท ลดลงจากร้อยฟองละ 3.31 บาท คิดเป็นร้อยละ 1.81 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา
ไข่เป็ด
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่เป็ดที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 363 บาท สูงขึ้นจากร้อยฟองละ 359 บาท คิดเป็นร้อยละ 1.12 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 379 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 373 บาท ภาคกลางร้อยฟองละ 339 บาท และภาคใต้ร้อยฟองละ 378 บาท
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่เป็ดคละ ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 4.75 บาท ลดลงจากร้อยฟองละ 4.85 บาท คิดเป็นร้อยละ 2.06 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา
โคเนื้อ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาโคพันธุ์ลูกผสม (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 99.42 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 98.88 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.54 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 95.11 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 102.10 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 91.28 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 109.29 บาท
กระบือ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคากระบือ (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 81.96 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 82.72 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.92 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 89.33 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 80.54 บาท ภาคกลางและภาคใต้ไม่มีรายงาน
ประมง
สถานการณ์การผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
1. การผลิต
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (ระหว่างวันที่ 17 – 23 มกราคม 2565) ไม่มีรายงานปริมาณจากองค์การสะพานปลากรุงเทพฯ
2. การตลาด
ความเคลื่อนไหวของราคาสัตว์น้ำที่สำคัญประจำสัปดาห์นี้มีดังนี้ คือ
2.1 ปลาดุกบิ๊กอุย (ขนาด 3 - 4 ตัว/กก.)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 49.75 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 47.42 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 2.33 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้น
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.2 ปลาช่อน (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 81.07 บาท ราคาลดลงเล็กน้อยจากกิโลกรัมละ 81.88 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.81 บาท เนื่องจากผลผลิตออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้นสำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.3 กุ้งกุลาดำ
ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาด 60 ตัวต่อกิโลกรัมและราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาดกลาง (60 ตัว/กก.) ไม่มีรายงานราคา
2.4 กุ้งขาวแวนนาไม
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 178.89 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 176.29 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 2.60 บาท เนื่องจากมีปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดลดลงประกอบกับตลาดมีความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้น
สำหรับราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม เฉลี่ยกิโลกรัมละ 192.50 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 186.67 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 5.83 บาท
2.5 ปลาทู (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 71.57 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคคงที่สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.6 ปลาหมึกกระดอง (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 100.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคคงที่สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.7 ปลาเป็ดและปลาป่น
ราคาปลาเป็ดที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 7.43 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมาสำหรับราคาปลาป่นขายส่งกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ปลาป่นชนิดโปรตีน 60% ขึ้นไป
ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 34.00 บาท และปลาป่นชนิดโปรตีนต่ำกว่า 60% ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 29.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สถานการณ์การผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
1. การผลิต
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (ระหว่างวันที่ 17 – 23 มกราคม 2565) ไม่มีรายงานปริมาณจากองค์การสะพานปลากรุงเทพฯ
2. การตลาด
ความเคลื่อนไหวของราคาสัตว์น้ำที่สำคัญประจำสัปดาห์นี้มีดังนี้ คือ
2.1 ปลาดุกบิ๊กอุย (ขนาด 3 - 4 ตัว/กก.)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 49.75 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 47.42 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 2.33 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้น
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.2 ปลาช่อน (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 81.07 บาท ราคาลดลงเล็กน้อยจากกิโลกรัมละ 81.88 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.81 บาท เนื่องจากผลผลิตออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้นสำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.3 กุ้งกุลาดำ
ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาด 60 ตัวต่อกิโลกรัมและราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาดกลาง (60 ตัว/กก.) ไม่มีรายงานราคา
2.4 กุ้งขาวแวนนาไม
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 178.89 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 176.29 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 2.60 บาท เนื่องจากมีปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดลดลงประกอบกับตลาดมีความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้น
สำหรับราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม เฉลี่ยกิโลกรัมละ 192.50 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 186.67 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 5.83 บาท
2.5 ปลาทู (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 71.57 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคคงที่สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.6 ปลาหมึกกระดอง (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 100.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคคงที่สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.7 ปลาเป็ดและปลาป่น
ราคาปลาเป็ดที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 7.43 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมาสำหรับราคาปลาป่นขายส่งกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ปลาป่นชนิดโปรตีน 60% ขึ้นไป
ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 34.00 บาท และปลาป่นชนิดโปรตีนต่ำกว่า 60% ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 29.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา