สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์ 3-9 กรกฎาคม 2563

 

ข้าว
 
สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
1.1 มาตรการสินค้าข้าว
1) แผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปีการผลิต 2562/63
มติคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ครั้งที่ 1/2562 เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2562 เห็นชอบแผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปีการผลิต 2562/63และมติที่ประชุม นบข. ครั้งที่ 2/2562 เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2562 เห็นชอบในหลักการตามแผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปีการผลิต 2562/63 ตามมติที่ประชุมคณะอนุกรรมการกำกับติดตามแผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2562 การดำเนินงานประกอบด้วย 5 ช่วง ดังนี้
ช่วงที่ 1 การกำหนดอุปสงค์ อุปทานข้าว ได้กำหนดอุปสงค์ 32.48 ล้านตันข้าวเปลือกอุปทาน 34.16
ล้านตันข้าวเปลือก
ช่วงที่ 2 ช่วงการผลิตข้าว ได้แก่
1.1) การกำหนดพื้นที่เป้าหมายส่งเสริมการปลูกข้าว เป้าหมายรอบที่ 1 จำนวน 58.99 ล้านไร่
โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ประกาศพื้นที่เป้าหมายส่งเสริมการปลูกข้าวแล้ว เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2562 และรอบที่ 2 จำนวน 13.81 ล้านไร่
1.2) การขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว เป้าหมาย รอบที่ 1 จำนวน 4.00 ล้านครัวเรือน และ รอบที่ 2 จำนวน 0.30 ล้านครัวเรือน
1.3) การจัดการปัจจัยการผลิต ได้แก่ โครงการผลิตและกระจายเมล็ดพันธุ์ดี และควบคุมค่าเช่าที่นา
1.4) การปรับปรุงพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ได้แก่ การจัดรูปที่ดินและปรับระดับพื้นที่นา
1.5) การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าว ได้แก่ (1) โครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่  
(นาแปลงใหญ่) (2) โครงการส่งเสริมการผลิตและการตลาดข้าวพันธุ์ กข43 (3) โครงการส่งเสริมระบบเกษตรแบบแม่นยำสูง (4) โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวหอมมะลิคุณภาพชั้นเลิศ (5) โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ (6) โครงการรักษาระดับปริมาณการผลิตและคุณภาพข้าวหอมมะลิ (7) โครงการปรับเปลี่ยนระบบการผลิตข้าวในพื้นที่ลุ่มต่ำ 13 ทุ่ง (8) โครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ไม่เหมาะสมกับการปลูกข้าวไปเป็นพืชอื่น (Zoning by Agri-Map) (9) โครงการส่งเสริมการปลูกพืชหลากหลาย (10) โครงการปลูกพืชปุ๋ยสด และ (11) โครงการประกันภัยพืชผล
ช่วงที่ 3 ช่วงการเก็บเกี่ยวและหลังเก็บเกี่ยว ได้แก่ (1) โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ
รถเกี่ยวนวดข้าว และ (2) โครงการยกระดับมาตรฐานโรงสี กลุ่มเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชน เพื่อเพิ่มศักยภาพ
การเชื่อมโยงตลาดข้าวนาแปลงใหญ่
ช่วงที่ 4 ช่วงการตลาดในประเทศ ได้แก่ (1) โครงการเชื่อมโยงตลาดข้าวอินทรีย์และข้าว GAP ครบวงจร
(2) โครงการรณรงค์บริโภคข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวของไทยทั้งตลาดในประเทศ และต่างประเทศ พ.ศ. 2563-2565
(3) โครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมและสร้างการรับรู้ถึงคุณประโยชน์ของการบริโภคผลผลิตภัณฑ์น้ำนมข้าว
(4) โครงการรณรงค์บริโภคข้าวสาร Q และข้าวพันธุ์ กข43 ปีการผลิต 2561/62 (5) โครงการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยว
และปรับปรุงคุณภาพข้าว (6) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร (7) โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการในการเก็บสต็อก และ (8) โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือก
ช่วงที่ 5 ช่วงการตลาดต่างประเทศ ได้แก่ (1) การจัดหาและเชื่อมโยงตลาดต่างประเทศ (2) การส่งเสริมภาพลักษณ์และประชาสัมพันธ์ข้าว ผลิตภัณฑ์ และนวัตกรรมข้าว (3) การส่งเสริมพัฒนาการค้าสินค้ามาตรฐานและปกป้องคุ้มครองเครื่องหมายการค้า/เครื่องหมายรับรองข้าวหอมมะลิไทย และ (4) การประชาสัมพันธ์การบริโภคข้าวและผลิตภัณฑ์ของไทยทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ
2) โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2562/63 รอบที่ 1
มติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2562 เห็นชอบในหลักการโครงการประกันรายได้เกษตรกร
ผู้ปลูกข้าว ปี 2562/63 รอบที่ 1 ภายในกรอบวงเงินงบประมาณ 21,495.74 ล้านบาท เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านราคาไม่ให้ประสบปัญหาขาดทุน ลดภาระค่าใช้จ่ายของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาราคาข้าว และให้กลไกตลาดทำงานเป็นปกติ โดยดำเนินการในพื้นที่เพาะปลูกข้าวทั่วประเทศ ดังนี้
2.1) ชนิดข้าว ราคา และปริมาณประกันรายได้ (ณ ราคาความชื้นไม่เกิน 15%) โดยชดเชยเป็นจำนวนตันในแต่ละชนิดข้าว ดังนี้
ชนิดข้าว ราคาประกันรายได้ ครัวเรือนละไม่เกิน
(บาท/ตัน) (ตัน)
ข้าวเปลือกหอมมะลิ 15,000 14
ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ 14,000 16
ข้าวเปลือกเจ้า 10,000 30
ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี 11,000 25
ข้าวเปลือกเหนียว 12,000 16
กรณีเกษตรกรเพาะปลูกข้าวมากกว่า 1 ชนิด ได้สิทธิ์ไม่เกินจำนวนขั้นสูงของข้าวแต่ละชนิด เมื่อรวมกันต้องไม่เกินขั้นสูงของชนิดข้าวที่กำหนดไว้สูงสุดและได้สิทธิ์ตามลำดับระยะเวลาที่แจ้งเก็บเกี่ยวข้าวแต่ละชนิด
2.2) เกษตรกรผู้มีสิทธิได้รับการชดเชย เป็นเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2562/63 (รอบที่ 1) กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ปลูกข้าวระหว่างวันที่ 1 เมษายน - 31 ตุลาคม 2562 ยกเว้นภาคใต้ ระหว่างวันที่ 16 มิถุนายน 2562 - 28 กุมภาพันธ์ 2563
2.3) ระยะเวลาที่ใช้สิทธิขอชดเชย เกษตรกรสามารถใช้สิทธิระหว่างวันที่ 15 ตุลาคม 2562 -
28 กุมภาพันธ์ 2563 ยกเว้นภาคใต้ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ - 31 พฤษภาคม 2563 โดยสามารถใช้สิทธิได้ตั้งแต่
วันที่เก็บเกี่ยวเป็นต้นไป ยกเว้นเกษตรกรที่เก็บเกี่ยวก่อนวันที่กำหนดให้ใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันเริ่มโครงการ
2.4) การประกาศราคาเกณฑ์กลางอ้างอิง คณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการฯ ได้ประกาศราคาอ้างอิง งวดที่ 1 - 4 ทุก 15 วัน โดยจ่ายเงินครั้งแรก ในวันที่ 15 ตุลาคม 2562 สำหรับเกษตรกรได้รับสิทธิตั้งแต่วันที่เก็บเกี่ยว - 15 ตุลาคม 2562 สำหรับงวดที่ 5 เป็นต้นไป ได้ปรับการประกาศใหม่เป็นทุกวันศุกร์
(ทุก 7 วัน) เพื่อให้ราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงมีความสอดคล้องกับข้อเท็จจริงในช่วงที่เกษตรกรเก็บเกี่ยว และจำหน่ายข้าว
3) โครงการสนับสนุนต้นทุนการผลิตให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2562/63
มติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2562 เห็นชอบในหลักการโครงการสนับสนุนต้นทุนการผลิต
ให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2562/63 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่เกษตรกร และช่วยลดต้นทุนการผลิต โดยดำเนินการในพื้นที่เพาะปลูกข้าวทั่วประเทศ วงเงินงบประมาณ 25,482.06 ล้านบาท ดังนี้
3.1) กลุ่มเป้าหมาย เป็นเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2562/63 (รอบที่ 1) ประมาณ 4.31 ล้านครัวเรือน โดยจะได้รับเงินช่วยเหลือไร่ละ 500 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 20 ไร่
3.2) ระยะเวลาจ่ายเงินสนับสนุน ตั้งแต่ 1 สิงหาคม - 31 ธันวาคม 2562 ยกเว้นภาคใต้ ตั้งแต่ 1 สิงหาคม - 30 เมษายน 2563
4) โครงการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว ปีการผลิต 2562/63
มติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2562 เห็นชอบโครงการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว
ปีการผลิต 2562/63 จำนวน 26,458.89 ล้านบาท เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้เกษตรกรสามารถดำรงชีพ
อยู่ได้ และลดภาระค่าใช้จ่ายในการเก็บเกี่ยวข้าวและปรับปรุงคุณภาพข้าวให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้น รวมถึง
เพิ่มขีดความสามารถในการประกอบอาชีพ และยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกร
4.1) กลุ่มเป้าหมาย เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 2562 กับกรมส่งเสริมการเกษตร (กสก.) จำนวนประมาณ 4.57 ล้านครัวเรือน โดยจะได้รับเงินช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าวเฉพาะเกษตรกรรายย่อย อัตราไร่ละ 500 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 20 ไร่ หรือครัวเรือนละไม่เกิน 10,000 บาท โดยพื้นที่เพาะปลูก
ที่ได้รับการช่วยเหลือต้องไม่ซ้ำซ้อนกับพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติที่ได้รับเงินช่วยเหลือจากโครงการเยียวยาผู้ประสบภัยธรรมชาติจากรัฐบาลแล้ว เว้นแต่เกษตรกรจะนำพื้นที่ประสบภัยนั้นไปแจ้ง กสก. เพื่อเพาะปลูกข้าวใหม่ทันในช่วงเวลาเพาะปลูกรอบที่ 1
4.2) ระยะเวลาโครงการ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2562 - 30 กันยายน 2563
1.2 ราคา
1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ
ข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิ สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 14,736 บาท ราคาลดลงจากตันละ 14,835 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.08
ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 8,953 บาท ราคาลดลงจากตันละ 8,963 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.99
2) ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (ใหม่) สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 32,217 บาท ราคาลดลงจากตันละ 32,550 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.02
ข้าวขาว5% (ใหม่) สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 14,483 บาท ราคาลดลงจากตันละ 14,950 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 3.12
3) ราคาส่งออกเอฟโอบี
ข้าวหอมมะลิไทย 100% (ใหม่) สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 1,010 ดอลลาร์สหรัฐฯ (31,208 บาท/ตัน) ราคา
ลดลงจากตันละ 1,054 ดอลลาร์สหรัฐฯ (32,332 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 4.17 และลดลงในรูปเงินบาทตันละ1,124 บาท
ข้าวขาว 5% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 478 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,770 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 510ดอลลาร์สหรัฐฯ (15,644 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 6.27 และลดลงในรูปเงินบาทตันละ 874 บาท
ข้าวขาว 25% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 466 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,399 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 491ดอลลาร์สหรัฐฯ (15,062 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 5.09 และลดลงในรูปเงินบาทตันละ 663 บาท
ข้าวนึ่ง 5% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 507 ดอลลาร์สหรัฐฯ (15,666 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 529 ดอลลาร์สหรัฐฯ (16,227 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 4.16 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 561 บาท
หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 30.8993
2. สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ
เวียดนาม
ภาวะราคาข้าวปรับตัวสูงขึ้นโดยข้าวขาว 5% ประมาณตันละ 415-450 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากตันละ 405-450 ดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยข้าวจากฤดูการผลิตฤดูหนาว-ฤดูใบไม้ผลิต (The winter-spring rice) ราคาตันละ 450 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่ข้าวจากฤดูการผลิตฤดูร้อน-ฤดูใบไม้ร่วง (The winter-spring rice) ราคาปรับสูงขึ้นมาอยู่ที่ตันละ 415-420 ดอลลาร์สหรัฐฯ จากตันละ 405-410 ดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ในช่วงนี้ความต้องการข้าวจากต่างประเทศมีน้อยลง แต่ราคาข้าวของฤดูการผลิตฤดูร้อน-ฤดูใบไม้ร่วงที่กำลังเก็บเกี่ยวได้ปรับสูงขึ้น เป็นผลมาจากภาวะฝนที่ตกหนักในเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขงทำให้การเก็บเกี่ยวต้องหยุดชะงักลงส่งผลให้อุปทานข้าวในตลาดมีจำกัด ขณะที่วงการค้าคาดว่า สภาพอากาศที่มีฝนตกในพื้นที่เก็บเกี่ยวที่สำคัญจะเริ่ม
เบาบางลงในช่วงกลางเดือนกรกฎาคมนี้ซึ่งจะทำให้คุณภาพข้าวดีขึ้นจากความชื้นที่ลดลง
The Oceanic Agency and Shipping Service รายงานว่าในช่วงระหว่างวันที่ 22 มิถุนายน-20 กรกฎาคมนี้
มีเรือบรรทุกสินค้าอย่างน้อย 8 ลำ ที่กำหนดเข้ามารอรับมอบข้าวที่ท่าเรือ Ho Chi Minh City Port เพื่อขนถ่ายสินค้าข้าวประมาณ 162,000 ตัน ขณะที่วงการค้ารายงานโดยอ้างข้อมูลจากกรมศุลการกรเวียดนามว่า ในช่วงตั้งแต่วันที่
1-27 มิถุนายน 2563 เวียดนามส่งออกข้าวแล้วประมาณ 387,600 ตัน โดยส่งไปยังประเทศฟิลิปปินส์มากที่สุด
ประมาณ 83,400 ตัน
ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักงานสถิติแห่งชาติ (the General Statistics Office; GSO) รายงานเบื้องต้นว่าในเดือนมิถุนายน 2563 คาดว่าเวียดนามส่งออกข้าวได้ประมาณ 450,000 ตัน มูลค่าส่งออกประมาณ 228 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งปริมาณและมูลค่าลดลงร้อยละ 24.7 และร้อยละ 14.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
โดยในช่วงครึ่งปีแรก (มกราคม-มิถุนายน 2563) คาดว่า เวียดนามส่งออกข้าวได้ประมาณ 3.542 ล้านตัน มูลค่าส่งออก 
ประมาณ 1.73 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยปริมาณและมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.6 และร้อยละ 19.3 เมื่อเทียบกับ
ช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา
ที่มา : สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย
 
เมียนมา
รัฐบาลเมียนมาได้ผ่อนคลายมาตรการจำกัดการส่งออกข้าวท่ามกลางภาวะความต้องการข้าวจากตลาด ต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยรัฐบาลจะขยายวันหมดอายุของใบอนุญาตส่งออกเป็น 60 วัน นับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-กันยายน หลังจากเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาที่รัฐบาลได้ลดอายุของใบอนุญาตส่งออกเหลือ 45 วัน เนื่องจากการระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ทำให้เกิดความวิตกกังวลว่าจะเกิดภาวะขาดแคลนข้าวในประเทศ
ทางด้านเลขาธิการสหพันธ์ข้าวแห่งเมียนมา (The Secretary of the Myanmar Rice Federation; MRF) ระบุว่ารัฐบาลจะมีการขยายเวลาของใบอนุญาตส่งออกเป็น 90 วัน อีกครั้งในภายหลัง เมื่อสถานการณ์ของเชื้อไวรัส COVID-19 มีทิศทางที่ดีขึ้น และคาดว่ามาตรการจำกัดโควตาการส่งออกก็จะมีการยกเลิกด้วยในอนาคต
ทั้งนี้ รัฐบาลคาดว่าในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม จะมีการส่งออกข้าวเดือนละประมาณ 150,000 ตัน และประมาณ 100,000 ตัน ในเดือนกันยายนนี้ ซึ่งนับตั้งแต่ช่วงวันที่ 1 ตุลาคม 2562-12 มิถุนายน 2563 เมียนมาส่งออกข้าวและข้าวหักรวมประมาณ 2 ล้านตัน มูลค่าประมาณ 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ที่มา : สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย
 
อิหร่าน
รัฐบาลอิหร่านได้พิจารณาลดภาษีนำเข้าข้าวเพื่อจัดการกับราคาข้าวในประเทศที่ปรับตัวสูงขึ้น หลังจากรัฐบาลหยุดให้การอุดหนุนการนำเข้าข้าว ทำให้ผู้ค้าข้าวถูกบังคับให้ต้องรับเงินตราต่างประเทศที่จำเป็นสำหรับการนำเข้า
ในตลาดแลกเปลี่ยนรองซึ่งนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของราคาข้าวในประเทศ
ทั้งนี้ สื่อท้องถิ่นรายงานว่า รัฐบาลได้พิจารณาปรับลดภาษีนำเข้าข้าวสารที่สีแล้วบางส่วน (semi-milled rice) ลงเหลืออัตราร้อยละ 4 ขณะที่สำนักงานศุลกากรอิหร่าน (The Iranian Customs Office; IRICA) คาดว่าจะเก็บภาษี
นำเข้าสำหรับข้าวสารที่สีทั้งหมด (wholly milled rice) ที่อัตราร้อยละ 10
การปรับลดภาษีนำเข้าในครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่สองแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา รัฐบาลได้ปรับลดภาษีลงจากอัตราร้อยละ 25 เหลือร้อยละ 10
นอกจากการลดภาษีศุลกากรแล้ว รัฐบาลยังได้ใช้มาตรการตรวจสอบและควบคุมคุณภาพข้าวที่นำเข้าให้ เข้มงวดยิ่งขึ้น อีกทั้งยังส่งเสริมให้ผู้นำเข้าข้าวส่งข้าวไปยังตลาดอื่นๆ ด้วย
ที่มา : สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย


กราฟราคาที่เกษตรกรขายได้ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% และราคาขายส่งตลาด กทม. ข้าวสารเจ้า 5%
 
 


ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์

1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
ราคาข้าวโพดภายในประเทศในช่วงสัปดาห์นี้ มีดังนี้
ราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นไม่เกิน 14.5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 7.91 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 8.01 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.25 และราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ ความชื้นเกิน 14.5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 5.87 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 6.00 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.17
ราคาข้าวโพดขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ ที่โรงงานอาหารสัตว์รับซื้อสัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ  9.11 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 9.20 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.98 และราคาขายส่งไซโลรับซื้อ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 8.61 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 8.78 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.94
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี. สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 300.67 ดอลลาร์สหรัฐ (9,290 บาท/ตัน) ลดลงจากตันละ 305.00 ดอลลาร์สหรัฐ (9,347 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.42 และลดลงในรูปของเงินบาทตันละ 57 บาท
ราคาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดชิคาโกเดือนกันยายน 2563 ข้าวโพดเมล็ดเหลืองอเมริกันชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 346.15 เซนต์ (4,259 บาท/ตัน) เพิ่มขึ้นจากบุชเชลละ 335.08 เซนต์ (4,104 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 3.30 และเพิ่มขึ้นในรูปของเงินบาทตันละ 155 บาท


 


มันสำปะหลัง
 
สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
การผลิต
ผลผลิตมันสำปะหลัง ปี 2563 (เริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนตุลาคม 2562 – กันยายน 2563) คาดว่ามีพื้นที่เก็บเกี่ยว 8.74 ล้านไร่ ผลผลิต 28.531 ล้านตัน ผลผลลิตต่อไร่ 3.27 ตัน เมื่อเทียบกับปี 2562 ที่มีพื้นที่เก็บเกี่ยว 8.67 ล้านไร่ ผลผลิต 31.080 ล้านตัน และผลผลิตต่อไร่ 3.59 ตัน พบว่า พื้นที่เก็บเกี่ยว เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.83 แต่ผลผลิตและผลผลิตต่อไร่ ลดลงร้อยละ 8.20 และร้อยละ 8.95 ตามลำดับ โดยเดือนกรกฎาคม 2563 คาดว่าจะมีผลผลิตออกสู่ตลาด 0.34 ล้านตัน (ร้อยละ 1.19 ของผลผลิตทั้งหมด)
ทั้งนี้ผลผลิตมันสำปะหลังปี 2563 จะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนมกราคม – มีนาคม 2563 ปริมาณ 18.40 ล้านตัน (ร้อยละ 64.50 ของผลผลิตทั้งหมด)
การตลาด
ผลผลิตมันสำปะหลังออกสู่ตลาดลดลง และหัวมันสำปะหลังมีเชื้อแป้งต่ำ เนื่องจากมีฝนตกชุกและเป็นช่วงปลายฤดูกาลเก็บเกี่ยว สำหรับลานมันเส้นและโรงงานแป้งมันสำปะหลังส่วนใหญ่หยุดดำเนินการ
ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศประจำสัปดาห์ สรุปได้ดังนี้
ราคาหัวมันสำปะหลังสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1.62 ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 1.63 บาท ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.61
ราคามันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 4.88 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 5.78 บาท ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 15.57
ราคาขายส่งในประเทศ
ราคาขายส่งมันเส้น (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต จ.ชลบุรี และ จ.อยุธยา) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 6.13 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาขายส่งแป้งมันสำปะหลังชั้นพิเศษ (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต กรุงเทพและปริมณฑล) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 12.95 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 12.89 บาท ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.47
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ราคาส่งออกมันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 235 ดอลลาร์สหรัฐฯ (7,265 บาทต่อตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 230 ดอลลาร์สหรัฐฯ (7,055 บาทต่อตัน) ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 2.17
ราคาส่งออกแป้งมันสำปะหลัง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 433 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,386 บาทต่อตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 423 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12,976 บาทต่อตัน) ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 2.36


 


ปาล์มน้ำมัน

1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร คาดว่าปี 2563 ผลผลิตปาล์มน้ำมันเดือนกรกฎาคมจะมีประมาณ 1.502 ล้านตัน คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.270 ล้านตัน ลดลงจากผลผลิตปาล์มทะลาย 1.545 ล้านตัน คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.278 ล้านตัน ของเดือนมิถุนายน คิดเป็นร้อยละ 2.78 และร้อยละ 2.88 ตามลำดับ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาผลปาล์มทะลาย สัปดาห์นี้เฉลี่ย กก.ละ 2.86 บาท สูงขึ้นจาก กก.ละ 2.80 บาทในสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 2.14
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาน้ำมันปาล์มดิบ สัปดาห์นี้เฉลี่ย กก.ละ 19.13 บาท ลดลงจาก กก.ละ 19.58 บาทในสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 2.30                      
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
สถานการณ์ในต่างประเทศ
ราคาอ้างอิง เดือนกันยายน ตลาดเบอร์ซามาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.08 เปอร์เซ็นต์ เป็น 2,409 ริงกิตต่อตัน (วันที่ 9 ก.ค. 63) ราคาน้ำมันถั่วเหลืองที่สูงขึ้น ทำให้ราคาฟิวเจอร์สน้ำมันปาล์มสูงขึ้นในวันที่ 9 ก.ค. 63 แต่ยังมีความกังวลเรื่องราคาน้ำมันดิบที่ลดลง สต็อกน้ำมันปาล์มมาเลเซีย เดือน มิถุนายน ลดลง 5 เปอร์เซ็นต์ จากเดือนพฤษภาคม เนื่องจากมีการส่งออกเพิ่มขึ้นหลังจากสถานการณ์โควิด-19 ผ่อนคลายขึ้น 
ราคาในตลาดต่างประเทศ
ตลาดมาเลเซีย ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 2,443.70 ดอลลาร์มาเลเซีย (18.06 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 2,432.31 ดอลลาร์มาเลเซีย (17.81 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 0.47  
ตลาดรอตเตอร์ดัม ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 618.13 ดอลลาร์สหรัฐฯ (19.37 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 583.13 ดอลลาร์สหรัฐฯ (18.14 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 6.00
หมายเหตุ  :  ราคาในตลาดต่างประเทศเฉลี่ย 5 วัน

 


อ้อยและน้ำตาล

        1. สรุปภาวะการผลิต  การตลาดและราคาในประเทศ    
         
           ไม่มีรายงาน

 
        2. สรุปภาวการณ์ผลิตการตลาดและราคาในต่างประเทศ
        
รายงานการส่งออกน้ำตาลทรายของอินเดีย
        โรงงานน้ำตาลอินเดียได้ทำสัญญาส่งออกน้ำตาลทรายจำนวน 5.20 ล้านตัน ตั้งแต่เปิดฤดูการผลิตวันที่ 1 ตุลาคม 2562 โดยส่งออกไปแล้ว 4.20 ล้านตัน เป็นน้ำตาลทรายดิบประมาณ 2.40 ล้านตัน และน้ำตาลทรายขาว 2.00 ล้านตัน ส่งออกไปยังประเทศปลายทาง ได้แก่ อิหร่าน โซมาเลีย อินโดนีเซีย ศรีลังกา และอัฟกานิสถาน ทั้งนี้ในฤดูการผลิตนี้คาดว่าจะส่งออกน้ำตาลทรายได้ 6.00 ล้านตัน


       
 

 
ถั่วเหลือง

1. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วเหลืองชนิดคละ สัปดาห์นี้ ไม่มีรายงานราคา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งถั่วเหลืองสกัดน้ำมัน สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
ราคาในตลาดต่างประเท (ตลาดชิคาโก)
ราคาซื้อขายล่วงหน้าเมล็ดถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 896.60 เซนต์ (10.32 บาท/กก.) สูงขึ้นจากบุชเชลละ 880.32 เซนต์ (10.06 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 1.85
ราคาซื้อขายล่วงหน้ากากถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 293.85 ดอลลาร์สหรัฐฯ (9.21 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 287.02 ดอลลาร์สหรัฐฯ (8.93 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 2.38
ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันถั่วเหลืองสัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 28.46 เซนต์ (19.65 บาท/กก.) สูงขึ้นจากปอนด์ละ 27.79 เซนต์ (19.05 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 2.41


 

 
ยางพารา

 

 
สับปะรด

 

 
ถั่วเขียว

สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดใหญ่คละ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 23.75 บาท
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดเล็กคละ และถั่วเขียวผิวดำคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 31.00 บาท ลดลงจากราคากิโลกรัมละ 31.40 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.27
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 29.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน  
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 31.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 17.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 40.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี        
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,067.67  ดอลลาร์สหรัฐ (32.99 บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจากตันละ 1,050.80  ดอลลาร์สหรัฐ (32.23 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.61 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.76 บาท
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 970.67  ดอลลาร์สหรัฐ (29.99 บาท/กิโลกรัม) ลดลงจากตันละ 978.60  ดอลลาร์สหรัฐ (30.02 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.81 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.03 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,035.67 ดอลลาร์สหรัฐ (32.00 บาท/กิโลกรัม) ลดลงจากตันละ 1,044.40 ดอลลาร์สหรัฐ (32.04 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.84 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.04 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 579.67 ดอลลาร์สหรัฐ (17.91 บาท/กิโลกรัม) ลดลงจากตันละ 584.60 ดอลลาร์สหรัฐ (17.93 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.84 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.02 บาท
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,323.00 ดอลลาร์สหรัฐ (40.88 บาท/กิโลกรัม) ลดลงจากตันละ 1,333.20 ดอลลาร์สหรัฐ (40.90 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.77 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.02 บาท
  

 

 
ถั่วลิสง
 
สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ความเคลื่อนไหวของราคาประจำสัปดาห์ มีดังนี้ 
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกแห้ง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 41.11 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 40.00 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.78
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 24.80 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 25.36 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.21 
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดพิเศษ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 60.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดธรรมดา สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 56.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน


 

 
ฝ้าย

1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้
ราคาฝ้ายรวมเมล็ดชนิดคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาซื้อ-ขายล่วงหน้าตลาดนิวยอร์ก (New York Cotton Futures)
ราคาซื้อ-ขายล่วงหน้า เพื่อส่งมอบเดือนตุลาคม 2563 สัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 64.06 เซนต์(กิโลกรัมละ 44.24 บาท) สูงขึ้นจากปอนด์ละ 61.70 เซนต์ (กิโลกรัมละ 42.32 บาท) ของสัปดาห์ก่อน ร้อยละ 3.82 (สูงขึ้นในรูปของเงินบาทกิโลกรัมละ 1.92 บาท)

 
 

 
ไหม

ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,837 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 1,832 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.27
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,508 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 1,521 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.85
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 3 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 867 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา


 

 
ปศุสัตว์

สุกร
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
  
สถานการณ์ตลาดสุกรสัปดาห์นี้ ราคาสุกรมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากความต้องการบริโภคเนื้อสุกรที่มีมากขึ้น เพราะมีวันหยุดนักขัตฤกษ์และมีวันหยุดยาวติดต่อกัน  แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะสูงขึ้นเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
สุกรมีชีวิตพันธุ์ผสมน้ำหนัก 100 กิโลกรัมขึ้นไป ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ  70.64 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 69.22 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 2.05 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 67.48 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 65.91 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 72.83 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 71.50 บาท ส่วนราคาลูกสุกรตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้  ตัวละ 2,600 บาท สูงขึ้นจากตัวละ 2,400 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 8.33
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งสุกรมีชีวิต ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 78.50 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 76.50 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 2.61


ไก่เนื้อ
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ

สัปดาห์นี้ราคาไก่เนื้อมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้ค่อนข้างทรงตัวจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากเนื่องจากผลผลิตไก่เนื้อออกสู่ตลาดใกล้เคียงกับความต้องการบริโภคไก่เนื้อที่เริ่มมีมากขึ้น แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 34.52 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 34.46 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.17  โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 35.00 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 33.86 บาท ภาคใต้ กิโลกรัมละ 40.66 บาท และภาคตะวันออกเฉียงเหนือไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่เนื้อตามประกาศของบริษัท ซี.พี ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 12.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา  
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไก่มีชีวิตหน้าโรงฆ่า จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 33.50 บาท และราคาขายส่งไก่สดทั้งตัวรวมเครื่องใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 50.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา


ไข่ไก่
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
   

เนื่องจากตลาดหลักของไข่ไก่คือ สถานศึกษาเริ่มทยอยเปิดภาคเรียน ส่งผลให้ภาวะตลาดไข่ไก่เริ่มคึกคักและคล่องตัว แนวโน้มคาดว่าสัปดาห์หน้าราคาจะสูงขึ้น ตามความต้องการบริโภคที่จะเพิ่มขึ้นในช่วงสถานศึกษาเปิดภาคเรียน
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 278 บาท สูงขึ้นจากร้อยฟองละ 266 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 4.51 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 295 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 270 บาท ภาคกลางร้อยฟองละ 276 บาท และภาคใต้ไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่ไข่ตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 26.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา   
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่ไก่ (เฉลี่ยเบอร์ 0-4) ในตลาดกรุงเทพฯจากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 295 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา


ไข่เป็ด
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่เป็ดที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 343 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 370 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 360 บาท ภาคกลาง ร้อยฟองละ 308 บาท และภาคใต้ ร้อยฟองละ 351 บาท
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่เป็ดคละ ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 380 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
 

โคเนื้อ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
   
ราคาโคพันธุ์ลูกผสม (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 92.34 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 92.49 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.16 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 90.77 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 92.99 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 85.64 บาท และภาคใต้ ไม่มีรายงานราคา


กระบือ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ

ราคากระบือ (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 71.26 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 71.22 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.06 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 90.12 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 67.61 บาท  ภาคกลางและภาคใต้ไม่มีรายงานราคา

 
 

 

 
ประมง

สถานการณ์การผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
1. การผลิต
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (ระหว่างวันที่ 3 – 9 กรกฎาคม 2563) ไม่มีรายงานปริมาณจากองค์การสะพานปลากรุงเทพฯ
 2. การตลาด
ความเคลื่อนไหวของราคาสัตว์น้ำที่สำคัญประจำสัปดาห์นี้มีดังนี้ คือ
2.1 ปลาดุกบิ๊กอุย (ขนาด 3 - 4 ตัว/กก.) ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 50.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
  สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 70.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.2 ปลาช่อน (ขนาดกลาง) ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 83.70 บาท ราคาสูงขึ้น จากกิโลกรัมละ 83.17 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.53 บาท
  สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 130.00 บาท ราคา  ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.3 กุ้งกุลาดำ ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาด 60 ตัวต่อกิโลกรัมและราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาดกลาง (60 ตัว/กก.) ไม่มีรายงานราคา
2.4 กุ้งขาวแวนนาไม ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม เฉลี่ยกิโลกรัมละ 146.54 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 149.13 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 2.59 บาท
 สำหรับราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม เฉลี่ยกิโลกรัมละ 152.00 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 151.67 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.33 บาท
2.5 ปลาทู (ขนาดกลาง) ราคาปลาทูสดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 66.36 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 68.61 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 2.25 บาท
  สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 85.00 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 87.14 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 2.14 บาท
2.6 ปลาหมึกกระดอง (ขนาดกลาง) ราคาปลาหมึกกระดองสดที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้ ไม่มีรายงานราคา
  สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 200.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.7 ปลาเป็ดและปลาป่น ราคาปลาเป็ดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 9.74 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา              
 สำหรับราคาขายส่งกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ปลาป่นชนิดโปรตีน 60% ขึ้นไป เฉลี่ยกิโลกรัมละ 32.67 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 32.00 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.67 บาท และปลาป่นชนิดโปรตีนต่ำกว่า 60% เฉลี่ยกิโลกรัมละ 26.67 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 26.00 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.67 บาท