- ข้อมูลเศรษฐกิจการเกษตร
- สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์
- รายละเอียดสถานการณ์ผลิดและการตลาด
สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์ 11-17 ธันวาคม 2563
ข้าว
1.สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
1.1 มาตรการสินค้าข้าว
1) แผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปีการผลิต 2563/64 ประกอบด้วย 5 ช่วง ดังนี้
ช่วงที่ 1 การกำหนดอุปสงค์และอุปทานข้าว ได้กำหนดอุปสงค์ 28.786 ล้านตันข้าวเปลือกอุปทาน 30.865 ล้านตันข้าวเปลือก
ช่วงที่ 2 ช่วงการผลิตข้าว
2.1) การวางแผนการผลิตข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีการวางแผนการผลิตข้าว ปี 2563/64
รวม 69.409 ล้านไร่ คาดการณ์ผลผลิต 30.865 ล้านตันข้าวเปลือก จำแนกเป็น รอบที่ 1พื้นที่ 59.884 ล้านไร่ คาดการณ์ผลผลิต 24.738 ล้านตันข้าวเปลือก และรอบที่ 2 พื้นที่ 9.525 ล้านไร่ คาดการณ์ผลผลิต 6.127 ล้านตันข้าวเปลือก โดยสามารถปรับสมดุลการผลิตได้ในการวางแผนรอบที่ 2 หากราคามีความอ่อนไหว ความต้องการใช้ข้าวลดลง และสถานการณ์น้ำน้อย รวมทั้งการปรับลดพื้นที่การปลูกข้าวไปปลูกพืชอื่น โดยจะมีการทบทวนโครงการ
ลดรอบการปลูกข้าวก่อนฤดูกาลเพาะปลูกข้าวรอบที่ 2
2.2) การจัดทำพื้นที่เป้าหมายส่งเสริมการปลูกข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีการจัดทำพื้นที่เป้าหมายส่งเสริมการปลูกข้าว ปี 2563/64 รอบที่ 1 จำนวน 59.884 ล้านไร่ แยกเป็น 1) ข้าวหอมมะลิ 27.500 ล้านไร่ ผลผลิต 9.161 ล้านตันข้าวเปลือก 2) ข้าวหอมไทย 2.084 ล้านไร่ ผลผลิต 1.396 ล้านตันข้าวเปลือก 3) ข้าวเจ้า 13.488 ล้านไร่ ผลผลิต 8.192 ล้านตันข้าวเปลือก 4) ข้าวเหนียว 16.253 ล้านไร่ ผลผลิต 5.770 ล้านตันข้าวเปลือก และ 5) ข้าวตลาดเฉพาะ 0.559 ล้านไร่ ผลผลิต 0.219 ล้านตันข้าวเปลือก
2.3) การจัดการปัจจัยการผลิต ได้แก่ โครงการผลิตและกระจายเมล็ดพันธุ์ดี และควบคุมค่าเช่าที่นา
2.4) การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าว ได้แก่โครงการส่งเสริมระบบนาแบบแปลงใหญ่โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ โครงการส่งเสริมการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิตพืช โครงการเพิ่มศักยภาพการผลิตข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้สู่มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวกข43 และข้าวเจ้าพื้นนุ่ม (กข79) และโครงการรักษาระดับปริมาณการผลิตและคุณภาพข้าว
2.5) การควบคุมปริมาณการผลิตข้าว ได้แก่ โครงการส่งเสริมการปลูกพืชหลากหลาย
2.6) การพัฒนาชาวนา ได้แก่ โครงการชาวนาปราดเปรื่อง
2.7) การวิจัยและพัฒนา ได้แก่ โครงการปรับปรุงและการรับรองพันธุ์ข้าวคุณภาพดีเพื่อการแข่งขัน และโครงการปรับปรุงและการรับรองพันธุ์ข้าวเจ้าพื้นนุ่มพันธุ์ใหม่
2.8) การประกันภัยพืชผล ได้แก่ โครงการประกันภัยข้าวนาปี
ช่วงที่ 3 ช่วงการเก็บเกี่ยวและหลังเก็บเกี่ยว ได้แก่ โครงการสินเชื่อเพื่อสร้างยุ้งฉางให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกร
ช่วงที่ 4 ช่วงการตลาดในประเทศ
4.1) การพัฒนาตลาดสินค้าข้าว ได้แก่ โครงการเชื่อมโยงตลาดข้าวอินทรีย์และข้าว GAP ครบวงจร และโครงการรณรงค์บริโภคข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวของไทยทั้งตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ
4.2) การชะลอผลผลิตออกสู่ตลาด ได้แก่โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปีโครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกรโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อกและโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว
ช่วงที่ 5 ช่วงการตลาดต่างประเทศ
5.1) การจัดหาและเชื่อมโยงตลาดต่างประเทศ ได้แก่ การเจรจาขยายตลาดข้าวและกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าในต่างประเทศ โครงการกระชับความสัมพันธ์ และรณรงค์สร้างการรับรู้ในศักยภาพข้าวไทยเพื่อขยายตลาดไทยในต่างประเทศ และโครงการ ลด/แก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้าข้าวไทยและเสริมสร้างความเชื่อมั่น
5.2) ส่งเสริมภาพลักษณ์และประชาสัมพันธ์ข้าว ผลิตภัณฑ์ข้าวและนวัตกรรมข้าว ได้แก่ โครงการส่งเสริมและขยายตลาดข้าวไทยเชิงรุก โครงการผลักดันข้าวหอมมะลิไทยคุณภาพดีจากแหล่งผลิตสู่ตลาดโลก โครงการส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ข้าวไทยในงานแสดงสินค้านานาชาติ โครงการจัดประชุม Thailand Rice Convention 2021 และโครงการเสริมสร้างศักยภาพสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทยเพื่อการต่อยอดเชิงพาณิชย์
5.3) ส่งเสริมพัฒนาการค้าสินค้ามาตรฐาน และปกป้องคุ้มครองเครื่องหมายการค้า/เครื่องหมายรับรองข้าวหอมมะลิไทย
5.4) ประชาสัมพันธ์รณรงค์บริโภคข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวของไทยในตลาดข้าวต่างประเทศ
2) มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64
มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2563 อนุมัติโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2563/64มาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64 และโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64 และงบประมาณ ดังนี้
2.1) โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2563/64 รอบที่ 1โดยกำหนดชนิดข้าว ราคา และปริมาณประกันรายได้ (ณ ราคาความชื้นไม่เกิน 15%) ดังนี้ (1) ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาประกันตันละ 15,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 14 ตัน (2) ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ราคาประกันตันละ 14,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน (3) ข้าวเปลือกเจ้า ราคาประกันตันละ 10,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ตัน (4) ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ราคาประกันตันละ 11,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ตัน และ (5) ข้าวเปลือกเหนียว ราคาประกันตันละ 12,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน
2.2) มาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64 ประกอบด้วย
3 มาตรการ ได้แก่
(1) โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2563/64โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรในเขตพื้นที่ปลูกข้าวทั่วประเทศ เพื่อชะลอข้าวเปลือกไว้ในยุ้งฉางเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร จำนวน 1.50 ล้านตันข้าวเปลือก วงเงินสินเชื่อต่อตัน จำแนกเป็น ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 11,000 บาทข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 9,500 บาท ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 5,400 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 7,300 บาท และข้าวเปลือกเหนียวตันละ 8,600บาทรวมทั้งเกษตรกรที่เก็บข้าวเปลือกในยุ้งฉางตนเอง จะได้รับค่าฝากเก็บและรักษาคุณภาพข้าวเปลือกในอัตราตันละ 1,500 บาท สำหรับสถาบันเกษตรกรที่รับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรที่
เข้าร่วมโครงการฯ ได้รับในอัตราตันละ 1,000 บาท และเกษตรกรผู้ขายข้าวเปลือก ได้รับในอัตราตันละ 500 บาท
(2) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกรปีการผลิต 2563/64โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อแก่สถาบันเกษตรกร ประกอบด้วย สหกรณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และศูนย์ข้าวชุมชน เพื่อรวบรวมข้าวเปลือกจำหน่าย และ/หรือเพื่อการแปรรูป วงเงินสินเชื่อเป้าหมาย 15,000 ล้านบาท
คิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ร้อยละ 4 ต่อปี โดยสถาบันเกษตรกรรับภาระดอกเบี้ย ร้อยละ 1 ต่อปี รัฐบาลรับภาระชดเชยดอกเบี้ยให้สถาบันเกษตรกรร้อยละ 3 ต่อปี
(3) โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต 2563/64 ผู้ประกอบการค้าข้าวรับซื้อข้าวเปลือกเพื่อเก็บสต็อก เป้าหมาย 4 ล้านตันข้าวเปลือก โดยสามารถรับซื้อจากเกษตรกรได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2563 - 31 มีนาคม 2564 (ภาคใต้ 1 มกราคม - 30 มิถุนายน 2564) และเก็บสต็อกในรูปข้าวเปลือกและข้าวสาร ระยะเวลาการเก็บสต็อกอย่างน้อย 60 - 180 วัน (2 - 6 เดือน)นับแต่วันที่รับซื้อ โดยรัฐชดเชยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 3
3) โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64
ธ.ก.ส. ดำเนินการจ่ายเงินให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ลดต้นทุนการผลิต ให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ในอัตราไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 20 ไร่ (ครัวเรือนละไม่เกิน 20,000 บาท) ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ขอดำเนินการจ่ายเงินเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว
ปีการผลิต 2563/64 รอบที่ 1 กับกรมส่งเสริมการเกษตร ในอัตราไร่ละ 500 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 20 ไร่ หรือครัวเรือนละไม่เกิน 10,000 บาท ก่อนในเบื้องต้น
1.2 ราคา
1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ
ข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 11,059 บาท ราคาลดลงจากตันละ 11,115 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.51
ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น15% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 8,387 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 8,329 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.70
2) ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 30,050 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ข้าวขาว5% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 14,390 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 13,950 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 3.15
3) ราคาส่งออกเอฟโอบี
ข้าวหอมมะลิไทย 100% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 898 ดอลลาร์สหรัฐฯ (26,732 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 899 ดอลลาร์สหรัฐฯ (26,829 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.11 และลดลงในรูปเงินบาทตันละ 97 บาท
ข้าวขาว 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 525 ดอลลาร์สหรัฐฯ (15,628 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 515 ดอลลาร์สหรัฐฯ (15,369 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.94 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 259 บาท
ข้าวนึ่ง 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 522 ดอลลาร์สหรัฐฯ (15,539 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 512 ดอลลาร์สหรัฐฯ (15,280 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.95 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 259 บาท
หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 29.7679 บาท
2. สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ
เมียนมา: ตั้งเป้าส่งออกข้าว 2 ล้านตัน ในปีงบประมาณ 2563/64
กระทรวงพาณิชย์เมียนมารายงานว่า รัฐบาลเมียนมาตั้งเป้าที่จะส่งออกข้าวและข้าวหักรวม 2 ล้านตัน
ในปีงบประมาณ 2563-2564 ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้นับถึงวันที่ 27 พฤศจิกายน 2563 ของปีงบประมาณปัจจุบัน เมียนมาส่งออกข้าว 232,841 ตัน และข้าวหัก 117,418 ตัน ซึ่งทำรายได้รวมมากกว่า 13 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 3.93 พันล้านบาท) โดยส่งออกผ่านทางด่านชายแดนร้อยละ 41.17 และส่วนที่เหลือผ่านทางทะเล
ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมการค้าของกระทรวงฯ กล่าวว่า การส่งออกข้าวของประเทศขึ้นอยู่กับราคาตลาด
ในประเทศและความต้องการส่งออก โดยเมียนมาสามารถส่งออกข้าวได้ประมาณ 2 ล้านตัน ในปีงบประมาณก่อนหน้า ขณะที่ข้อมูลจากสหพันธ์ข้าวเมียนมา (MRF) ระบุว่า เมียนมาบรรลุเป้าหมายการส่งออกข้าวที่ 2.5 ล้านตัน ในช่วงปีงบประมาณ 2562-2563
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังระบุว่า ประเทศมาเลเซียได้แสดงความสนใจที่จะซื้อข้าวจากเมียนมาจำนวนประมาณ 15,000 ตัน โดยคาดว่ามาเลเซียจะมีการจัดประมูลในช่วงเดือนธันวาคมนี้
ที่มา: xinhuathai.com , สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย
อินเดีย
ภาวะราคาข้าวในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวสูงขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 3 ซึ่งสูงกว่าในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากค่าเงินรูปีแข็งค่าขึ้น ประกอบกับมีคำสั่งซื้อจากประเทศในแถบเอเชีย เช่น จีน และประเทศในแถบแอฟริกา
เข้ามา ขณะที่รัฐบาลบังคลาเทศได้ตกลงซื้อข้าวนึ่งจากอินเดียเพิ่มอีก 50,000 ตัน จากที่ตกลงซื้อแล้ว 50,000 ตัน
ในการประมูลครั้งแรก ส่งผลให้ราคาข้าวนึ่ง 5% ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ตันละ 378-383 ดอลลาร์สหรัฐฯ สูงขึ้นจากตันละ 375-381 ดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้า นอกจากปัญหาค่าเงินรูปีที่แข็งค่าแล้ว ผู้ส่งออกกำลังประสบปัญหา
ค่าระวางเรือที่ปรับสูงขึ้นทำให้ผู้ส่งออกต้องปรับราคาส่งออกเพิ่มขึ้นด้วย
ที่มา: สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย
จีน
สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (China's National Bureau of Statistics) รายงานว่า ในปี 2563 ประเทศจีนสามารถผลิตข้าวได้ประมาณ 211.86 ล้านตัน เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 1.1 เมื่อเทียบกับจำนวน 209.6 ล้านตัน
ในปี 2562 โดยพื้นที่เพาะปลูกเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เนื่องจากรัฐบาลให้การสนับสนุน
การเพาะปลูกข้าวท่ามกลางการระบาดของเชื้อ COVID-19
ทั้งนี้ ผลผลิตธัญพืชทั้งหมด (ข้าวโพด ข้าวสาลี ข้าว ถั่วเหลือง) ในปี 2563 นี้ มีประมาณ 626.38 ล้านตัน เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 0.7 เมื่อเทียบกับจำนวน 622.06 ล้านตัน ในปีที่ผ่านมา สำหรับพื้นที่เพาะปลูกธัญพืชทั้งหมด
มีประมาณ 730 ล้านไร่ เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 0.6 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
ที่มา: สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย
กราฟราคาที่เกษตรกรขายได้ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% และราคาขายส่งตลาด กทม. ข้าวสารเจ้า 5%
1.1 มาตรการสินค้าข้าว
1) แผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปีการผลิต 2563/64 ประกอบด้วย 5 ช่วง ดังนี้
ช่วงที่ 1 การกำหนดอุปสงค์และอุปทานข้าว ได้กำหนดอุปสงค์ 28.786 ล้านตันข้าวเปลือกอุปทาน 30.865 ล้านตันข้าวเปลือก
ช่วงที่ 2 ช่วงการผลิตข้าว
2.1) การวางแผนการผลิตข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีการวางแผนการผลิตข้าว ปี 2563/64
รวม 69.409 ล้านไร่ คาดการณ์ผลผลิต 30.865 ล้านตันข้าวเปลือก จำแนกเป็น รอบที่ 1พื้นที่ 59.884 ล้านไร่ คาดการณ์ผลผลิต 24.738 ล้านตันข้าวเปลือก และรอบที่ 2 พื้นที่ 9.525 ล้านไร่ คาดการณ์ผลผลิต 6.127 ล้านตันข้าวเปลือก โดยสามารถปรับสมดุลการผลิตได้ในการวางแผนรอบที่ 2 หากราคามีความอ่อนไหว ความต้องการใช้ข้าวลดลง และสถานการณ์น้ำน้อย รวมทั้งการปรับลดพื้นที่การปลูกข้าวไปปลูกพืชอื่น โดยจะมีการทบทวนโครงการ
ลดรอบการปลูกข้าวก่อนฤดูกาลเพาะปลูกข้าวรอบที่ 2
2.2) การจัดทำพื้นที่เป้าหมายส่งเสริมการปลูกข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีการจัดทำพื้นที่เป้าหมายส่งเสริมการปลูกข้าว ปี 2563/64 รอบที่ 1 จำนวน 59.884 ล้านไร่ แยกเป็น 1) ข้าวหอมมะลิ 27.500 ล้านไร่ ผลผลิต 9.161 ล้านตันข้าวเปลือก 2) ข้าวหอมไทย 2.084 ล้านไร่ ผลผลิต 1.396 ล้านตันข้าวเปลือก 3) ข้าวเจ้า 13.488 ล้านไร่ ผลผลิต 8.192 ล้านตันข้าวเปลือก 4) ข้าวเหนียว 16.253 ล้านไร่ ผลผลิต 5.770 ล้านตันข้าวเปลือก และ 5) ข้าวตลาดเฉพาะ 0.559 ล้านไร่ ผลผลิต 0.219 ล้านตันข้าวเปลือก
2.3) การจัดการปัจจัยการผลิต ได้แก่ โครงการผลิตและกระจายเมล็ดพันธุ์ดี และควบคุมค่าเช่าที่นา
2.4) การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าว ได้แก่โครงการส่งเสริมระบบนาแบบแปลงใหญ่โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ โครงการส่งเสริมการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิตพืช โครงการเพิ่มศักยภาพการผลิตข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้สู่มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวกข43 และข้าวเจ้าพื้นนุ่ม (กข79) และโครงการรักษาระดับปริมาณการผลิตและคุณภาพข้าว
2.5) การควบคุมปริมาณการผลิตข้าว ได้แก่ โครงการส่งเสริมการปลูกพืชหลากหลาย
2.6) การพัฒนาชาวนา ได้แก่ โครงการชาวนาปราดเปรื่อง
2.7) การวิจัยและพัฒนา ได้แก่ โครงการปรับปรุงและการรับรองพันธุ์ข้าวคุณภาพดีเพื่อการแข่งขัน และโครงการปรับปรุงและการรับรองพันธุ์ข้าวเจ้าพื้นนุ่มพันธุ์ใหม่
2.8) การประกันภัยพืชผล ได้แก่ โครงการประกันภัยข้าวนาปี
ช่วงที่ 3 ช่วงการเก็บเกี่ยวและหลังเก็บเกี่ยว ได้แก่ โครงการสินเชื่อเพื่อสร้างยุ้งฉางให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกร
ช่วงที่ 4 ช่วงการตลาดในประเทศ
4.1) การพัฒนาตลาดสินค้าข้าว ได้แก่ โครงการเชื่อมโยงตลาดข้าวอินทรีย์และข้าว GAP ครบวงจร และโครงการรณรงค์บริโภคข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวของไทยทั้งตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ
4.2) การชะลอผลผลิตออกสู่ตลาด ได้แก่โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปีโครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกรโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อกและโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว
ช่วงที่ 5 ช่วงการตลาดต่างประเทศ
5.1) การจัดหาและเชื่อมโยงตลาดต่างประเทศ ได้แก่ การเจรจาขยายตลาดข้าวและกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าในต่างประเทศ โครงการกระชับความสัมพันธ์ และรณรงค์สร้างการรับรู้ในศักยภาพข้าวไทยเพื่อขยายตลาดไทยในต่างประเทศ และโครงการ ลด/แก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้าข้าวไทยและเสริมสร้างความเชื่อมั่น
5.2) ส่งเสริมภาพลักษณ์และประชาสัมพันธ์ข้าว ผลิตภัณฑ์ข้าวและนวัตกรรมข้าว ได้แก่ โครงการส่งเสริมและขยายตลาดข้าวไทยเชิงรุก โครงการผลักดันข้าวหอมมะลิไทยคุณภาพดีจากแหล่งผลิตสู่ตลาดโลก โครงการส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ข้าวไทยในงานแสดงสินค้านานาชาติ โครงการจัดประชุม Thailand Rice Convention 2021 และโครงการเสริมสร้างศักยภาพสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทยเพื่อการต่อยอดเชิงพาณิชย์
5.3) ส่งเสริมพัฒนาการค้าสินค้ามาตรฐาน และปกป้องคุ้มครองเครื่องหมายการค้า/เครื่องหมายรับรองข้าวหอมมะลิไทย
5.4) ประชาสัมพันธ์รณรงค์บริโภคข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวของไทยในตลาดข้าวต่างประเทศ
2) มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64
มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2563 อนุมัติโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2563/64มาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64 และโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64 และงบประมาณ ดังนี้
2.1) โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2563/64 รอบที่ 1โดยกำหนดชนิดข้าว ราคา และปริมาณประกันรายได้ (ณ ราคาความชื้นไม่เกิน 15%) ดังนี้ (1) ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาประกันตันละ 15,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 14 ตัน (2) ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ราคาประกันตันละ 14,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน (3) ข้าวเปลือกเจ้า ราคาประกันตันละ 10,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ตัน (4) ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ราคาประกันตันละ 11,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ตัน และ (5) ข้าวเปลือกเหนียว ราคาประกันตันละ 12,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน
2.2) มาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64 ประกอบด้วย
3 มาตรการ ได้แก่
(1) โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2563/64โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรในเขตพื้นที่ปลูกข้าวทั่วประเทศ เพื่อชะลอข้าวเปลือกไว้ในยุ้งฉางเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร จำนวน 1.50 ล้านตันข้าวเปลือก วงเงินสินเชื่อต่อตัน จำแนกเป็น ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 11,000 บาทข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 9,500 บาท ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 5,400 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 7,300 บาท และข้าวเปลือกเหนียวตันละ 8,600บาทรวมทั้งเกษตรกรที่เก็บข้าวเปลือกในยุ้งฉางตนเอง จะได้รับค่าฝากเก็บและรักษาคุณภาพข้าวเปลือกในอัตราตันละ 1,500 บาท สำหรับสถาบันเกษตรกรที่รับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรที่
เข้าร่วมโครงการฯ ได้รับในอัตราตันละ 1,000 บาท และเกษตรกรผู้ขายข้าวเปลือก ได้รับในอัตราตันละ 500 บาท
(2) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกรปีการผลิต 2563/64โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อแก่สถาบันเกษตรกร ประกอบด้วย สหกรณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และศูนย์ข้าวชุมชน เพื่อรวบรวมข้าวเปลือกจำหน่าย และ/หรือเพื่อการแปรรูป วงเงินสินเชื่อเป้าหมาย 15,000 ล้านบาท
คิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ร้อยละ 4 ต่อปี โดยสถาบันเกษตรกรรับภาระดอกเบี้ย ร้อยละ 1 ต่อปี รัฐบาลรับภาระชดเชยดอกเบี้ยให้สถาบันเกษตรกรร้อยละ 3 ต่อปี
(3) โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต 2563/64 ผู้ประกอบการค้าข้าวรับซื้อข้าวเปลือกเพื่อเก็บสต็อก เป้าหมาย 4 ล้านตันข้าวเปลือก โดยสามารถรับซื้อจากเกษตรกรได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2563 - 31 มีนาคม 2564 (ภาคใต้ 1 มกราคม - 30 มิถุนายน 2564) และเก็บสต็อกในรูปข้าวเปลือกและข้าวสาร ระยะเวลาการเก็บสต็อกอย่างน้อย 60 - 180 วัน (2 - 6 เดือน)นับแต่วันที่รับซื้อ โดยรัฐชดเชยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 3
3) โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64
ธ.ก.ส. ดำเนินการจ่ายเงินให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ลดต้นทุนการผลิต ให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ในอัตราไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 20 ไร่ (ครัวเรือนละไม่เกิน 20,000 บาท) ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ขอดำเนินการจ่ายเงินเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว
ปีการผลิต 2563/64 รอบที่ 1 กับกรมส่งเสริมการเกษตร ในอัตราไร่ละ 500 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 20 ไร่ หรือครัวเรือนละไม่เกิน 10,000 บาท ก่อนในเบื้องต้น
1.2 ราคา
1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ
ข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 11,059 บาท ราคาลดลงจากตันละ 11,115 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.51
ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น15% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 8,387 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 8,329 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.70
2) ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 30,050 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ข้าวขาว5% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 14,390 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 13,950 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 3.15
3) ราคาส่งออกเอฟโอบี
ข้าวหอมมะลิไทย 100% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 898 ดอลลาร์สหรัฐฯ (26,732 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 899 ดอลลาร์สหรัฐฯ (26,829 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.11 และลดลงในรูปเงินบาทตันละ 97 บาท
ข้าวขาว 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 525 ดอลลาร์สหรัฐฯ (15,628 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 515 ดอลลาร์สหรัฐฯ (15,369 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.94 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 259 บาท
ข้าวนึ่ง 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 522 ดอลลาร์สหรัฐฯ (15,539 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 512 ดอลลาร์สหรัฐฯ (15,280 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.95 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 259 บาท
หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 29.7679 บาท
2. สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ
เมียนมา: ตั้งเป้าส่งออกข้าว 2 ล้านตัน ในปีงบประมาณ 2563/64
กระทรวงพาณิชย์เมียนมารายงานว่า รัฐบาลเมียนมาตั้งเป้าที่จะส่งออกข้าวและข้าวหักรวม 2 ล้านตัน
ในปีงบประมาณ 2563-2564 ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้นับถึงวันที่ 27 พฤศจิกายน 2563 ของปีงบประมาณปัจจุบัน เมียนมาส่งออกข้าว 232,841 ตัน และข้าวหัก 117,418 ตัน ซึ่งทำรายได้รวมมากกว่า 13 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 3.93 พันล้านบาท) โดยส่งออกผ่านทางด่านชายแดนร้อยละ 41.17 และส่วนที่เหลือผ่านทางทะเล
ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมการค้าของกระทรวงฯ กล่าวว่า การส่งออกข้าวของประเทศขึ้นอยู่กับราคาตลาด
ในประเทศและความต้องการส่งออก โดยเมียนมาสามารถส่งออกข้าวได้ประมาณ 2 ล้านตัน ในปีงบประมาณก่อนหน้า ขณะที่ข้อมูลจากสหพันธ์ข้าวเมียนมา (MRF) ระบุว่า เมียนมาบรรลุเป้าหมายการส่งออกข้าวที่ 2.5 ล้านตัน ในช่วงปีงบประมาณ 2562-2563
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังระบุว่า ประเทศมาเลเซียได้แสดงความสนใจที่จะซื้อข้าวจากเมียนมาจำนวนประมาณ 15,000 ตัน โดยคาดว่ามาเลเซียจะมีการจัดประมูลในช่วงเดือนธันวาคมนี้
ที่มา: xinhuathai.com , สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย
อินเดีย
ภาวะราคาข้าวในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวสูงขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 3 ซึ่งสูงกว่าในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากค่าเงินรูปีแข็งค่าขึ้น ประกอบกับมีคำสั่งซื้อจากประเทศในแถบเอเชีย เช่น จีน และประเทศในแถบแอฟริกา
เข้ามา ขณะที่รัฐบาลบังคลาเทศได้ตกลงซื้อข้าวนึ่งจากอินเดียเพิ่มอีก 50,000 ตัน จากที่ตกลงซื้อแล้ว 50,000 ตัน
ในการประมูลครั้งแรก ส่งผลให้ราคาข้าวนึ่ง 5% ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ตันละ 378-383 ดอลลาร์สหรัฐฯ สูงขึ้นจากตันละ 375-381 ดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้า นอกจากปัญหาค่าเงินรูปีที่แข็งค่าแล้ว ผู้ส่งออกกำลังประสบปัญหา
ค่าระวางเรือที่ปรับสูงขึ้นทำให้ผู้ส่งออกต้องปรับราคาส่งออกเพิ่มขึ้นด้วย
ที่มา: สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย
จีน
สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (China's National Bureau of Statistics) รายงานว่า ในปี 2563 ประเทศจีนสามารถผลิตข้าวได้ประมาณ 211.86 ล้านตัน เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 1.1 เมื่อเทียบกับจำนวน 209.6 ล้านตัน
ในปี 2562 โดยพื้นที่เพาะปลูกเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เนื่องจากรัฐบาลให้การสนับสนุน
การเพาะปลูกข้าวท่ามกลางการระบาดของเชื้อ COVID-19
ทั้งนี้ ผลผลิตธัญพืชทั้งหมด (ข้าวโพด ข้าวสาลี ข้าว ถั่วเหลือง) ในปี 2563 นี้ มีประมาณ 626.38 ล้านตัน เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 0.7 เมื่อเทียบกับจำนวน 622.06 ล้านตัน ในปีที่ผ่านมา สำหรับพื้นที่เพาะปลูกธัญพืชทั้งหมด
มีประมาณ 730 ล้านไร่ เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 0.6 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
ที่มา: สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย
กราฟราคาที่เกษตรกรขายได้ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% และราคาขายส่งตลาด กทม. ข้าวสารเจ้า 5%
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
ราคาข้าวโพดภายในประเทศในช่วงสัปดาห์นี้ มีดังนี้
ราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นไม่เกิน 14.5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 7.95 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 7.79 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.05 และราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นเกิน 14.5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 6.00 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 5.97 ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.50
ราคาข้าวโพดขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ ที่โรงงานอาหารสัตว์รับซื้อ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 8.96 บาท ทรงตัวเท่ากับราคาเฉลี่ยของสัปดาห์ก่อน และราคาขายส่งไซโลรับซื้อ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 8.68 บาท ทรงตัวเท่ากับราคาเฉลี่ยของสัปดาห์ก่อน
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี. สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 304.75 ดอลลาร์สหรัฐ (9,087 บาท/ตัน) สูงขึ้นจากตันละ 304.33 ดอลลาร์สหรัฐ (9,082 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.14 และสูงขึ้นในรูปของเงินบาทตันละ 5 บาท
2. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในต่างประเทศ
กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ คาดคะเนความต้องการใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของโลก ปี 2563/64 มีปริมาณ 1,156.54 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 1,132.68 ล้านตัน ในปี 2562/63 ร้อยละ 2.11 โดยจีน สหรัฐอเมริกา อาร์เจนตินา เวียดนาม รัสเซีย บราซิล แคนาดา ไนจีเรีย เม็กซิโก อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ อียิปต์ อินเดีย แอฟริกาใต้ สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น มีความต้องการใช้เพิ่มขึ้น สำหรับการค้าของโลกมี 183.46 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 175.12 ล้านตัน ในปี 2562/63 ร้อยละ 4.76 โดย สหรัฐอเมริกา บราซิล เซอร์เบีย ปารากวัย แอฟริกาใต้ และแคนาดา ส่งออกเพิ่มขึ้น ประกอบกับผู้นำเข้า เช่น จีน สหภาพยุโรป อิหร่าน เม็กซิโก บราซิล โคลอมเบีย โมร็อกโก อียิปต์ เปรู ตูนิเซีย มาเลเซีย ชิลี โดมินิกัน อิสราเอล ซาอุดิอาระเบีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ กัวเตมาลา และแอลจีเรีย มีการนำเข้าเพิ่มขึ้น
ราคาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดชิคาโกเดือนมีนาคม 2564 ข้าวโพดเมล็ดเหลืองอเมริกันชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 425.53 เซนต์ (5,069 บาท/ตัน) สูงขึ้นจากบุชเชลละ 418.67 เซนต์ (4,992 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.64 และสูงขึ้นในรูปของเงินบาทตันละ 72 บาท
มันสำปะหลัง
สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
การผลิต
ผลผลิตมันสำปะหลัง ปี 2564 (เริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563 – กันยายน 2564) คาดว่ามีพื้นที่เก็บเกี่ยว 9.09 ล้านไร่ ผลผลิต 29.883 ล้านตัน ผลผลลิตต่อไร่ 3.29 ตัน เมื่อเทียบกับปี 2563 ที่มีพื้นที่เก็บเกี่ยว 8.92 ล้านไร่ ผลผลิต 28.999 ล้านตัน และผลผลิตต่อไร่ 3.25 ตัน พบว่า พื้นที่เก็บเกี่ยว ผลผลิตและผลผลิตต่อไร่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.91 ร้อยละ 3.05 และร้อยละ 1.23 ตามลำดับ โดยเดือนธันวาคม 2563 คาดว่าจะมีผลผลิตออกสู่ตลาด 2.6 ล้านตัน (ร้อยละ 8.96 ของผลผลิตทั้งหมด)
ทั้งนี้ผลผลิตมันสำปะหลังปี 2564 จะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนมกราคม – มีนาคม 2564 ปริมาณ 18.47 ล้านตัน (ร้อยละ 61.81 ของผลผลิตทั้งหมด)
การตลาด
เป็นช่วงต้นฤดูการเก็บเกี่ยว หัวมันสำปะหลังออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น สำหรับโรงงานแป้งมันสำปะหลังและลานมันเส้นเปิดดำเนินการมากขึ้น
ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศประจำสัปดาห์ สรุปได้ดังนี้
ราคาหัวมันสำปะหลังสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 2.08 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 2.05 บาท ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 1.46
ราคามันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 6.20 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 6.38 บาท ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 2.82
ราคาขายส่งในประเทศ
ราคาขายส่งมันเส้น (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต จ.ชลบุรี และ จ.อยุธยา) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 7.29 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 7.50 บาท ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 2.80
ราคาขายส่งแป้งมันสำปะหลังชั้นพิเศษ (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต กรุงเทพและปริมณฑล) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 13.45 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ราคาส่งออกมันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 270 ดอลลาร์สหรัฐฯ (8,037 บาทต่อตัน) ราคาลดลงจากตันละ 275 ดอลลาร์สหรัฐฯ (8,207 บาทต่อตัน) ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 1.82)
ราคาส่งออกแป้งมันสำปะหลัง สัปดาห์นี้ไม่มีรายงาน
ปาล์มน้ำมัน
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร คาดว่าปี 2563 ผลผลิตปาล์มน้ำมันเดือนธันวาคมจะมีประมาณ 0.846 ล้านตัน คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.152 ล้านตัน ลดลงจากผลผลิตปาล์มทะลาย 0.914 ล้านตัน คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.165 ล้านตัน ของเดือนพฤศจิกายน คิดเป็นร้อยละ 7.44 และร้อยละ 7.88 ตามลำดับ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาผลปาล์มทะลาย สัปดาห์นี้เฉลี่ย กก.ละ 7.13 บาท สูงขึ้นจาก กก.ละ 6.86 บาทในสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 3.94
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาน้ำมันปาล์มดิบ สัปดาห์นี้เฉลี่ย กก.ละ 39.03 บาท ลดลงจาก กก.ละ 39.29 บาทในสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.66
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
สถานการณ์ในต่างประเทศ
รัฐบาลมาเลเซียคาดว่าปี 2563 จะได้ภาษีลาภลอย (Windfall tax) มากขึ้นจากปี 2562 เนื่องจากปัจจัยด้านราคาและผลผลิต โดยคาดว่าราคาน้ำมันปาล์มจะสูงขึ้นมากกว่าตันละ 3,000 ริงกิตมาเลเซีย ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มมาเลเซียสูงขึ้น ผลจากผลผลิตเริ่มลดลงและการส่งออกที่เพิ่มขึ้น โดยราคาอ้างอิง เดือนมีนาคม ตลาดเบอร์ซามาเลเซีย สูงขึ้นร้อยละ 0.7 อยู่ที่ 3,402 ริงกิต การส่งออกของมาเลเซียสูงขึ้นร้อยละ 9.5 ในระหว่างวันที่ 1 – 15 ธันวาคม 2563
ราคาในตลาดต่างประเทศ
ตลาดมาเลเซีย ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 3,599.70 ดอลลาร์มาเลเซีย (27.05 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 3,650.41 ดอลลาร์มาเลเซีย (27.41 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 1.39
ตลาดรอตเตอร์ดัม ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 926.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ (27.98 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 934.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (28.28 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 0.80
หมายเหตุ : ราคาในตลาดต่างประเทศเฉลี่ย 5 วัน
อ้อยและน้ำตาล
- สรุปภาวะการผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
ไม่มีรายงาน
- สรุปภาวการณ์ผลิต การตลาดและราคาในต่างประเทศ
เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลอินเดีย กล่าวว่า กระทรวงอาหารได้ส่งเลขานุการของคณะรัฐมนตรีคณะกรรมการเศรษฐกิจ (CCEA) เสนอเงินอุดหนุนการส่งออก 6 รูปี/กก. (0.082 เหรียญสหรัฐฯ/กก.) สำหรับน้ำตาล 6 ล้านตัน
ในปี 2563/2564 การตัดสินใจดังกล่าวคาดว่าจะเกิดขึ้นในวันที่ 16 ธันวาคม ทำให้มีการชะลอตัวของการส่งออก 50,000 ตัน ในฤดูกาลนี้
ถั่วเหลือง
1. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วเหลืองชนิดคละสัปดาห์นี้ กิโลกรัมละ 17.75 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 17.78 บาท ในสัปดาห์
ที่ผ่านมาร้อยละ 0.17
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งถั่วเหลืองสกัดน้ำมัน สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
ราคาในตลาดต่างประเทศ (ตลาดชิคาโก)
ราคาซื้อขายล่วงหน้าเมล็ดถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 1,189.53 เซนต์ (13.20 บาท/กก.) สูงขึ้น
จากบุชเชลละ 1,155.60 เซนต์ (12.86 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 2.94
ราคาซื้อขายล่วงหน้ากากถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 393.53 ดอลลาร์สหรัฐฯ (11.88 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 384.48 ดอลลาร์สหรัฐฯ (11.64 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 2.35
ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันถั่วเหลืองสัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 39.39 เซนต์ (26.22 บาท/กก.) สูงขึ้น
จากปอนด์ละ 38.81 เซนต์ (25.90 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 1.49
1. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วเหลืองชนิดคละสัปดาห์นี้ กิโลกรัมละ 17.75 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 17.78 บาท ในสัปดาห์
ที่ผ่านมาร้อยละ 0.17
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งถั่วเหลืองสกัดน้ำมัน สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
ราคาในตลาดต่างประเทศ (ตลาดชิคาโก)
ราคาซื้อขายล่วงหน้าเมล็ดถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 1,189.53 เซนต์ (13.20 บาท/กก.) สูงขึ้น
จากบุชเชลละ 1,155.60 เซนต์ (12.86 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 2.94
ราคาซื้อขายล่วงหน้ากากถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 393.53 ดอลลาร์สหรัฐฯ (11.88 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 384.48 ดอลลาร์สหรัฐฯ (11.64 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 2.35
ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันถั่วเหลืองสัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 39.39 เซนต์ (26.22 บาท/กก.) สูงขึ้น
จากปอนด์ละ 38.81 เซนต์ (25.90 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 1.49
ยางพารา
สับปะรด
ถั่วเขียว
สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดใหญ่คละ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 29.26 บาท สูงขึ้นจากราคากิโลกรัมละ 23.97 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 22.07
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดเล็กคละ และถั่วเขียวผิวดำคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 36.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 32.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 40.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 19.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 37.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,244.50 ดอลลาร์สหรัฐ (37.05 บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจากตันละ 1,241.25 ดอลลาร์สหรัฐ (37.07 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.26 แต่ลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.02 บาท
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,109.50 ดอลลาร์สหรัฐ (33.03 บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจากตันละ 1,106.50 ดอลลาร์สหรัฐ (33.04 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.27 แต่ลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.01 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,379.75 ดอลลาร์สหรัฐ (41.07 บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจากตันละ 1,376.25 ดอลลาร์สหรัฐ (41.09 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.25 แต่ลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.02 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 669.75 ดอลลาร์สหรัฐ (19.94 บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจากตันละ 668.00 ดอลลาร์สหรัฐ (19.95 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.26 แต่ลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.01 บาท
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,271.75 ดอลลาร์สหรัฐ (37.86 บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจากตันละ 1,268.25 ดอลลาร์สหรัฐ (37.87 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.28 แต่ลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.01 บาท
ถั่วลิสง
สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ความเคลื่อนไหวของราคาประจำสัปดาห์ มีดังนี้
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกแห้ง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 50.33 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 46.47 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 8.31
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกสดสัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 30.99 สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 29.35 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 5.59
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดพิเศษ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 60.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดธรรมดา สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 56.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ฝ้าย
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้
ราคาฝ้ายรวมเมล็ดชนิดคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาซื้อ-ขายล่วงหน้าตลาดนิวยอร์ก (New York Cotton Futures)
ราคาซื้อ-ขายล่วงหน้า เพื่อส่งมอบเดือนมีนาคม 2564 สัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 75.44 เซนต์(กิโลกรัมละ 50.23 บาท) เพิ่มขึ้นจากปอนด์ละ 72.65 เซ็นต์ (กิโลกรัม 48.50 บาท) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 3.84 (เพิ่มขึ้นในรูปของเงินบาทกิโลกรัมละ 1.73 บาท)
ไหม
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,893 บาท ลดลงจาก 1,929 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา คิดเป็นร้อยละ 1.86 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1,893 บาท ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ไม่มีรายงาน
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,515 บาท ลดลงจาก 1,550 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา คิดเป็นร้อยละ 2.26 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1,515 บาท ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ไม่มีรายงาน
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 3 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 967 บาท เพิ่มขึ้นจาก 933 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา คิดเป็นร้อยละ 3.64 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 967 บาท ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ไม่มีรายงาน
ปศุสัตว์
สุกร
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
ภาวะตลาดสุกรสัปดาห์นี้ ราคาสุกรมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้ลดลง เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา ความต้องการบริโภคเนื้อสุกรลดลง เนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคเนื้อสุกรมากกว่าผลผลิตที่ออกสู่ตลาด แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือลดลงเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
สุกรมีชีวิตพันธุ์ผสมน้ำหนัก 100 กิโลกรัมขึ้นไป ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 69.88 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 71.35 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 2.06 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 71.34 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 71.95 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 69.48 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 65.33 บาท ส่วนราคาลูกสุกรตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 2,300 บาท ลดลงจาก 2,400 บาท ของจากสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 4.16
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งสุกรมีชีวิต ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 72.00 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 71.50 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.70
ไก่เนื้อ
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
สัปดาห์นี้ราคาไก่เนื้อมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้น เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตเนื้อไก่เป็นที่ต้องการของผู้บริโภค แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 34.65 บาท สูงขึ้นจาก 33.91 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 2.18 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 35.00 บาท กิโลกรัม ภาคกลาง กิโลกรัมละ 33.79 บาท ภาคใต้ กิโลกรัมละ 42.80 บาท และภาคตะวันออกเฉียงเหนือไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่เนื้อตามประกาศของบริษัท ซี.พี ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 8.50 บาท ทรงตัวจากสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไก่มีชีวิตหน้าโรงฆ่า จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 32.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา และราคาขายส่งไก่สดทั้งตัวรวมเครื่องใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 48.00 บาท ลดลงจากเฉลี่ยกิโลกรัมละ 50.00 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 4
ไข่ไก่
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
สถานการณ์ตลาดไข่ไก่สัปดาห์นี้ ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้นเล็กน้อยจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตไข่ไก่ออกสู่ตลาดเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค แนวโน้มคาดว่าสัปดาห์หน้าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 282 บาท สูงขึ้นจากร้อยฟองละ 280 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.71 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 305 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 283 บาท ภาคกลางร้อยฟองละ 277 บาท และภาคใต้ไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่ไข่ตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 28.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่ไก่ (เฉลี่ยเบอร์ 0-4) ในตลาดกรุงเทพฯจากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 260 บาท ลดลงจากเฉลี่ยร้อยฟองละ 305 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 14.75
ไข่เป็ด
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่เป็ดที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 347 บาท ลดลงจากร้อยฟองละ 348 บาทของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.28 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 359 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 363 บาท ภาคกลาง ร้อยฟองละ 317 บาท และภาคใต้ ร้อยฟองละ 360 บาท
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่เป็ดคละ ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 380 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
โคเนื้อ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาโคพันธุ์ลูกผสม (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 98.24 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 97.52 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.74 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 98.40 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 100.08 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 91.80 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 102.86 บาท
กระบือ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคากระบือ (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 77.44 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 78.21 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.98 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 90.54 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 74.92 บาท ภาคกลางและภาคใต้ไม่มีรายงานราคา
ประมง
สถานการณ์การผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
1. การผลิต
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (ระหว่างวันที่ 11 – 17 ธันวาคม 2563) ไม่มีรายงานปริมาณจากองค์การสะพานปลากรุงเทพฯ
2. การตลาด
ความเคลื่อนไหวของราคาสัตว์น้ำที่สำคัญประจำสัปดาห์นี้มีดังนี้ คือ
2.1 ปลาดุกบิ๊กอุย (ขนาด 3 - 4 ตัว/กก.) ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 50.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 70.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.2 ปลาช่อน (ขนาดกลาง) ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 77.32 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 77.90 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.58 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 130.00 บาท ราคา ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.3 กุ้งกุลาดำ ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาด 60 ตัวต่อกิโลกรัมและราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาดกลาง (60 ตัว/กก.) ไม่มีรายงานราคา
2.4 กุ้งขาวแวนนาไม ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม เฉลี่ยกิโลกรัมละ 154.07 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 144.79 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 9.28 บาท
สำหรับราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม เฉลี่ยกิโลกรัมละ 156.67 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 152.00 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 4.67 บาท
2.5 ปลาทู (ขนาดกลาง) ราคาปลาทูสดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 59.96 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 61.48 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 1.52 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 85.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.6 ปลาหมึกกระดอง (ขนาดกลาง) ราคาปลาหมึกกระดองสดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 100.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 200.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.7 ปลาเป็ดและปลาป่น ราคาปลาเป็ดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 7.20 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 7.19 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.01 บาท
สำหรับราคาขายส่งกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ปลาป่นชนิดโปรตีน 60% ขึ้นไป ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 32.00 บาท และปลาป่นชนิดโปรตีนต่ำกว่า 60% ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 27.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สถานการณ์การผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
1. การผลิต
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (ระหว่างวันที่ 11 – 17 ธันวาคม 2563) ไม่มีรายงานปริมาณจากองค์การสะพานปลากรุงเทพฯ
2. การตลาด
ความเคลื่อนไหวของราคาสัตว์น้ำที่สำคัญประจำสัปดาห์นี้มีดังนี้ คือ
2.1 ปลาดุกบิ๊กอุย (ขนาด 3 - 4 ตัว/กก.) ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 50.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 70.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.2 ปลาช่อน (ขนาดกลาง) ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 77.32 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 77.90 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.58 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 130.00 บาท ราคา ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.3 กุ้งกุลาดำ ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาด 60 ตัวต่อกิโลกรัมและราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาดกลาง (60 ตัว/กก.) ไม่มีรายงานราคา
2.4 กุ้งขาวแวนนาไม ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม เฉลี่ยกิโลกรัมละ 154.07 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 144.79 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 9.28 บาท
สำหรับราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม เฉลี่ยกิโลกรัมละ 156.67 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 152.00 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 4.67 บาท
2.5 ปลาทู (ขนาดกลาง) ราคาปลาทูสดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 59.96 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 61.48 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 1.52 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 85.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.6 ปลาหมึกกระดอง (ขนาดกลาง) ราคาปลาหมึกกระดองสดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 100.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 200.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.7 ปลาเป็ดและปลาป่น ราคาปลาเป็ดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 7.20 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 7.19 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.01 บาท
สำหรับราคาขายส่งกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ปลาป่นชนิดโปรตีน 60% ขึ้นไป ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 32.00 บาท และปลาป่นชนิดโปรตีนต่ำกว่า 60% ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 27.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา