- ข้อมูลเศรษฐกิจการเกษตร
- ภาวะเศรษฐกิจการเกษตร
- รายละเอียดภาวะเศรษฐกิจการเกษตร
ข้อมูลเศรษฐกิจการเกษตร
สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์ 8-14 มกราคม 2567
ข้าว
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
1.1 การผลิต
1) ข้าวนาปี ปี 2566/67 สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) คาดการณ์ข้อมูล ณ เดือนพฤศจิกายน 2566 มีเนื้อที่เพาะปลูก 61.928 ล้านไร่ ผลผลิต 25.569 ล้านตันข้าวเปลือก และผลผลิตต่อไร่ 413 กิโลกรัม ลดลงจากปี 2565/66 ร้อยละ 1.45 ร้อยละ 4.28 และร้อยละ 2.82 ตามลำดับ เนื้อที่เพาะปลูกลดลง เนื่องจากปรากฏการณ์เอลนีโญ ทำให้เกิดภาวะฝนทิ้งช่วง ขาดแคลนน้ำ ส่งผลให้เกษตรกรในบางพื้นที่ปล่อยที่นาให้ว่าง และบางพื้นที่ปลูกข้าวนาปีได้เพียงรอบเดียว สำหรับผลผลิตต่อไร่ลดลง เนื่องจากปริมาณน้ำฝนน้อย ส่งผลต่อการงอกของต้นกล้า และการสร้างรวงของต้นข้าวที่เติบโตได้ไม่เต็มที่ ประกอบกับบางพื้นที่พบโรคและแมลงศัตรูพืชระบาด เช่น โรคไหม้คอรวง เพลี้ยไฟ เป็นต้น ส่งผลให้ในภาพรวมผลผลิตทั้งประเทศลดลง
คาดการณ์ผลผลิตเริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2566 - พฤษภาคม 2567 โดยตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคม 2566 - มกราคม 2567 มีผลผลิตออกสู่ตลาดประมาณ 25.350 ล้านตันข้าวเปลือก หรือคิดเป็นร้อยละ 99.14 ของผลผลิตข้าวนาปีทั้งหมด
2) ข้าวนาปรัง ปี 2567 สศก. คาดการณ์ข้อมูล ณ เดือนพฤศจิกายน 2566 มีเนื้อที่เพาะปลูก 9.877 ล้านไร่ ผลผลิต 6.351 ล้านตันข้าวเปลือก และผลผลิตต่อไร่ 643 กิโลกรัม ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 11.01 ร้อยละ 11.78 และร้อยละ 0.92 ตามลำดับ เนื้อที่เพาะปลูกลดลง เนื่องจากปรากฎการณ์เอลนีโญทำให้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำส่วนใหญ่และปริมาณน้ำตามแหล่งน้ำธรรมชาติน้อยกว่าปี 2566 ส่งผลให้น้ำต้นทุนไม่เพียงพอ เกษตรกรบางพื้นที่จึงปล่อยที่นาให้ว่าง สำหรับผลผลิตต่อไร่คาดว่าลดลง เนื่องจากปริมาณน้ำไม่เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของต้นข้าว
คาดการณ์ผลผลิตเริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ - ตุลาคม 2567 โดยคาดว่าผลผลิตจะออกสู่ตลาดมากที่สุดช่วงเดือนมีนาคม - เมษายน 2567 ปริมาณรวม 4.260 ล้านตันข้าวเปลือก หรือคิดเป็นร้อยละ 67.08
ของผลผลิตข้าวนาปรังทั้งหมด
1.2 การตลาด
มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2566/67 มติคณะรัฐมนตรีเห็นชอบ จำนวน 4 โครงการ ดังนี้
1) โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2566/67 (มติ ครม.วันที่ 7 พฤศจิกายน 2566) โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรในพื้นที่ปลูกข้าวทั่วประเทศ เพื่อชะลอข้าวเปลือกไว้ในยุ้งฉางของเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร เป้าหมายจำนวน 3 ล้านตันข้าวเปลือก วงเงินสินเชื่อต่อตัน จำแนกเป็น ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 12,000 บาท ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 10,500 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 10,000 บาท ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 9,000 บาท และข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ตันละ 10,000 บาท โดยเกษตรกรที่เก็บข้าวเปลือกในยุ้งฉางตนเอง จะได้รับค่าฝากเก็บและรักษาคุณภาพข้าวเปลือกในอัตราตันละ 1,500 บาท สำหรับสถาบันเกษตรกรที่รับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้รับในอัตราตันละ 1,000 บาท และเกษตรกรผู้ขายข้าวเปลือก ได้รับในอัตราตันละ 500 บาท
2) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปีการผลิต 2566/67 (มติ ครม.วันที่ 7 พฤศจิกายน 2566) โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อแก่สถาบันเกษตรกร ประกอบด้วย สหกรณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และศูนย์ข้าวชุมชน เพื่อรวบรวมข้าวเปลือกจำหน่าย และ/หรือเพื่อการแปรรูป เป้าหมาย 1 ล้านตันข้าวเปลือก วงเงินสินเชื่อ 10,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4.85 ต่อปี โดยสถาบันเกษตรกรรับภาระดอกเบี้ย ร้อยละ 1 ต่อปี รัฐบาลรับภาระชดเชยดอกเบี้ยให้สถาบันเกษตรกรร้อยละ 3.85 ต่อปี
3) โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2566/67 (มติ ครม.วันที่ 14 พฤศจิกายน 2566) โดย ธ.ก.ส. ดำเนินการจ่ายเงินให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปีที่ขึ้นทะเบียนกับ กรมส่งเสริมการเกษตร ในอัตราไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 20 ไร่ หรือครัวเรือนละไม่เกิน 20,000 บาท
4) โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต 2566/67 (มติ ครม.วันที่ 28 พฤศจิกายน 2566) เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการรับซื้อข้าวเปลือกเพื่อเก็บสต็อกในรูปข้าวเปลือกและข้าวสาร เป้าหมาย 4 ล้านตันข้าวเปลือก โดยสามารถรับซื้อจากเกษตรกรได้ตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 - 31 มีนาคม 2567 (ภาคใต้ 1 มกราคม - 30 มิถุนายน 2567) และเก็บสต็อกในรูปข้าวเปลือกและข้าวสาร ระยะเวลาการเก็บสต็อกอย่างน้อย 60 - 180 วัน (2 - 6 เดือน) นับแต่วันที่รับซื้อ โดยรัฐชดเชยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 4
1.3 ราคา
1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ
ข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 13,941 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 13,814 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.92
ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 11,185 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 10,474 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 6.80
2) ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 31,850 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ข้าวขาว 5% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 21,150 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 20,950 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.95
3) ราคาส่งออกเอฟโอบี
ข้าวหอมมะลิไทย 100% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 875 ดอลลาร์สหรัฐฯ (30,376 บาท/ตัน)
ข้าวขาว 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 646 ดอลลาร์สหรัฐฯ (22,426 บาท/ตัน)
ข้าวนึ่ง 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 640 ดอลลาร์สหรัฐฯ (22,218 บาท/ตัน)
หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 34.7155 บาท
2. สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ
ไทย
ร.ต.ท.เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า การส่งออกข้าวในช่วงเดือนมกราคม - พฤศจิกายน 2566 มีปริมาณ 7,945,767 ตัน มูลค่า 4,612.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (160,115 ล้านบาท) เมื่อเทียบกับ ช่วงเดียวกันของปี 2565 ที่ส่งออกปริมาณ 6,924,919 ตัน มูลค่า 3,560.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (123,591 ล้านบาท) ทั้งปริมาณและมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.7 และร้อยละ 28.9 ตามลำดับ โดยการส่งออกข้าวเดือนพฤศจิกายน 2566 มีปริมาณ 1,007,417 ตัน มูลค่า 23,010 ล้านบาท เมื่อเทียบกับเดือนตุลาคม 2566 ที่ส่งออกปริมาณ 840,513 ตัน มูลค่า 18,700 ล้านบาท ทั้งปริมาณและมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 19.9 และร้อยละ 23.3 ตามลำดับ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการส่งออกข้าวขาวและข้าวหอมมะลิ เนื่องจากประเทศผู้นําเข้าที่สำคัญเร่งนําเข้าข้าวเพื่อชดเชยอุปทานในประเทศที่ลดลง และภาวะราคาข้าวในตลาดโลกที่ปรับสูงขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี โดยข้าวขาว มีปริมาณการส่งออก 659,694 ตัน เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 31 ประเทศผู้นำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ แอลจีเรีย อิรัก มาเลเซีย ญี่ปุ่น บราซิล และแคเมอรูน สำหรับข้าวหอมมะลิ (ต้นข้าว) มีปริมาณการส่งออก 170,324 ตัน เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 56.3 ประเทศผู้นำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ สหรัฐฯ จีน แคนาดา ฮ่องกง สิงคโปร์ และออสเตรเลีย ส่วนข้าวนึ่ง มีปริมาณส่งออก 91,303 ตัน ลดลงจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 11.2 ประเทศผู้นำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ แอฟริกาใต้ และเยเมน
สมาคมฯ คาดว่าในเดือนธันวาคม 2566 การส่งออกข้าวจะมีประมาณ 800,000-900,000 ตัน และคาดว่าตลอดทั้งปี 2566 จะส่งออกข้าวได้เกินกว่าเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ที่ 8.5 ล้านตัน เนื่องจากผู้ส่งออกมีสัญญาส่งมอบข้าวที่ยังต้องเร่งส่งมอบเป็นจำนวนมากให้แก่ประเทศผู้นําเข้าที่สำคัญในเอเซีย ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น รวมทั้งในภูมิภาคแอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา ที่ยังคงมีความต้องการข้าวอย่างต่อเนื่อง ทั้งข้าวขาว ข้าวนึ่ง และข้าวหอม เพื่อชดเชยอุปทานข้าวในประเทศที่ลดลง และสํารองไว้ใช้ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2567 ประกอบกับไทยยังคงมีผลผลิตข้าวเพียงพอสำหรับการส่งออก และราคาข้าวไทยยังอยู่ในระดับที่แข่งขันได้ ทำให้ผู้นําเข้าข้าวสนใจซื้อข้าวไทยมากขึ้น โดยราคาข้าวขาว 5% ของไทย ณ วันที่ 27 ธันวาคม 2566 ตันละ 659 ดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ราคาข้าวขาว 5% ของเวียดนาม ตันละ 653-657 ดอลลาร์สหรัฐฯ และปากีสถาน ตันละ 593-597 ดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนราคาข้าวนึ่งไทย ตันละ 659 ดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ข้าวนึ่งอินเดีย ตันละ 513-517 ดอลลาร์สหรัฐฯ และปากีสถาน ตันละ 546-550 ดอลลาร์สหรัฐฯ
ที่มา กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 34.7155 บาท
รัสเซีย
นายกรัฐมนตรี Mikhail Mishustin แห่งสหพันธรัฐรัสเซีย ได้ขยายระยะเวลาการห้ามส่งออกข้าวและธัญพืชจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2567 เพื่อเป็นการรักษาเสถียรภาพด้านการตลาดภายในประเทศ และเป็นการสร้างความมั่นคงทางอาหาร ที่หลายประเทศให้ความสำคัญ ถึงแม้ว่าที่ผ่านมารัสเซียยังไม่ประสบปัญหาการขาดแคลนข้าวและธัญพืช แต่การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลกและปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ความสามารถในการผลิตข้าว และความต้องการข้าวภายในประเทศ อาจจะส่งผลต่อการกำหนดนโยบายเรื่องข้าวและธัญพืชของรัสเซียได้ในอนาคต
อย่างไรก็ตาม การห้ามส่งออกข้าวและธัญพืชดังกล่าวมีข้อยกเว้น โดยจะไม่นำไปใช้กับประเทศสมาชิกสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย (The Eurasian Economic Union: EAEU) ได้แก่ เบลารุส คาซัคสถาน คีร์กีซสถาน และอาร์เมเนีย รวมทั้งไม่นำไปใช้กับอับคาเซีย และเซาท์ออสซีเชีย ทั้งนี้ ข้าวและธัญพืชในประเทศจะยังคงสามารถส่งไปต่างประเทศเพื่อให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม หรือการขนส่งแบบถ่ายลำผ่านแดนระหว่างประเทศได้
ที่มา กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
1.1 การผลิต
1) ข้าวนาปี ปี 2566/67 สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) คาดการณ์ข้อมูล ณ เดือนพฤศจิกายน 2566 มีเนื้อที่เพาะปลูก 61.928 ล้านไร่ ผลผลิต 25.569 ล้านตันข้าวเปลือก และผลผลิตต่อไร่ 413 กิโลกรัม ลดลงจากปี 2565/66 ร้อยละ 1.45 ร้อยละ 4.28 และร้อยละ 2.82 ตามลำดับ เนื้อที่เพาะปลูกลดลง เนื่องจากปรากฏการณ์เอลนีโญ ทำให้เกิดภาวะฝนทิ้งช่วง ขาดแคลนน้ำ ส่งผลให้เกษตรกรในบางพื้นที่ปล่อยที่นาให้ว่าง และบางพื้นที่ปลูกข้าวนาปีได้เพียงรอบเดียว สำหรับผลผลิตต่อไร่ลดลง เนื่องจากปริมาณน้ำฝนน้อย ส่งผลต่อการงอกของต้นกล้า และการสร้างรวงของต้นข้าวที่เติบโตได้ไม่เต็มที่ ประกอบกับบางพื้นที่พบโรคและแมลงศัตรูพืชระบาด เช่น โรคไหม้คอรวง เพลี้ยไฟ เป็นต้น ส่งผลให้ในภาพรวมผลผลิตทั้งประเทศลดลง
คาดการณ์ผลผลิตเริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2566 - พฤษภาคม 2567 โดยตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคม 2566 - มกราคม 2567 มีผลผลิตออกสู่ตลาดประมาณ 25.350 ล้านตันข้าวเปลือก หรือคิดเป็นร้อยละ 99.14 ของผลผลิตข้าวนาปีทั้งหมด
2) ข้าวนาปรัง ปี 2567 สศก. คาดการณ์ข้อมูล ณ เดือนพฤศจิกายน 2566 มีเนื้อที่เพาะปลูก 9.877 ล้านไร่ ผลผลิต 6.351 ล้านตันข้าวเปลือก และผลผลิตต่อไร่ 643 กิโลกรัม ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 11.01 ร้อยละ 11.78 และร้อยละ 0.92 ตามลำดับ เนื้อที่เพาะปลูกลดลง เนื่องจากปรากฎการณ์เอลนีโญทำให้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำส่วนใหญ่และปริมาณน้ำตามแหล่งน้ำธรรมชาติน้อยกว่าปี 2566 ส่งผลให้น้ำต้นทุนไม่เพียงพอ เกษตรกรบางพื้นที่จึงปล่อยที่นาให้ว่าง สำหรับผลผลิตต่อไร่คาดว่าลดลง เนื่องจากปริมาณน้ำไม่เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของต้นข้าว
คาดการณ์ผลผลิตเริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ - ตุลาคม 2567 โดยคาดว่าผลผลิตจะออกสู่ตลาดมากที่สุดช่วงเดือนมีนาคม - เมษายน 2567 ปริมาณรวม 4.260 ล้านตันข้าวเปลือก หรือคิดเป็นร้อยละ 67.08
ของผลผลิตข้าวนาปรังทั้งหมด
1.2 การตลาด
มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2566/67 มติคณะรัฐมนตรีเห็นชอบ จำนวน 4 โครงการ ดังนี้
1) โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2566/67 (มติ ครม.วันที่ 7 พฤศจิกายน 2566) โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรในพื้นที่ปลูกข้าวทั่วประเทศ เพื่อชะลอข้าวเปลือกไว้ในยุ้งฉางของเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร เป้าหมายจำนวน 3 ล้านตันข้าวเปลือก วงเงินสินเชื่อต่อตัน จำแนกเป็น ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 12,000 บาท ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 10,500 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 10,000 บาท ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 9,000 บาท และข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ตันละ 10,000 บาท โดยเกษตรกรที่เก็บข้าวเปลือกในยุ้งฉางตนเอง จะได้รับค่าฝากเก็บและรักษาคุณภาพข้าวเปลือกในอัตราตันละ 1,500 บาท สำหรับสถาบันเกษตรกรที่รับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้รับในอัตราตันละ 1,000 บาท และเกษตรกรผู้ขายข้าวเปลือก ได้รับในอัตราตันละ 500 บาท
2) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปีการผลิต 2566/67 (มติ ครม.วันที่ 7 พฤศจิกายน 2566) โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อแก่สถาบันเกษตรกร ประกอบด้วย สหกรณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และศูนย์ข้าวชุมชน เพื่อรวบรวมข้าวเปลือกจำหน่าย และ/หรือเพื่อการแปรรูป เป้าหมาย 1 ล้านตันข้าวเปลือก วงเงินสินเชื่อ 10,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4.85 ต่อปี โดยสถาบันเกษตรกรรับภาระดอกเบี้ย ร้อยละ 1 ต่อปี รัฐบาลรับภาระชดเชยดอกเบี้ยให้สถาบันเกษตรกรร้อยละ 3.85 ต่อปี
3) โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2566/67 (มติ ครม.วันที่ 14 พฤศจิกายน 2566) โดย ธ.ก.ส. ดำเนินการจ่ายเงินให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปีที่ขึ้นทะเบียนกับ กรมส่งเสริมการเกษตร ในอัตราไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 20 ไร่ หรือครัวเรือนละไม่เกิน 20,000 บาท
4) โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต 2566/67 (มติ ครม.วันที่ 28 พฤศจิกายน 2566) เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการรับซื้อข้าวเปลือกเพื่อเก็บสต็อกในรูปข้าวเปลือกและข้าวสาร เป้าหมาย 4 ล้านตันข้าวเปลือก โดยสามารถรับซื้อจากเกษตรกรได้ตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 - 31 มีนาคม 2567 (ภาคใต้ 1 มกราคม - 30 มิถุนายน 2567) และเก็บสต็อกในรูปข้าวเปลือกและข้าวสาร ระยะเวลาการเก็บสต็อกอย่างน้อย 60 - 180 วัน (2 - 6 เดือน) นับแต่วันที่รับซื้อ โดยรัฐชดเชยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 4
1.3 ราคา
1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ
ข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 13,941 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 13,814 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.92
ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 11,185 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 10,474 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 6.80
2) ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 31,850 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ข้าวขาว 5% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 21,150 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 20,950 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.95
3) ราคาส่งออกเอฟโอบี
ข้าวหอมมะลิไทย 100% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 875 ดอลลาร์สหรัฐฯ (30,376 บาท/ตัน)
ข้าวขาว 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 646 ดอลลาร์สหรัฐฯ (22,426 บาท/ตัน)
ข้าวนึ่ง 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 640 ดอลลาร์สหรัฐฯ (22,218 บาท/ตัน)
หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 34.7155 บาท
2. สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ
ไทย
ร.ต.ท.เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า การส่งออกข้าวในช่วงเดือนมกราคม - พฤศจิกายน 2566 มีปริมาณ 7,945,767 ตัน มูลค่า 4,612.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (160,115 ล้านบาท) เมื่อเทียบกับ ช่วงเดียวกันของปี 2565 ที่ส่งออกปริมาณ 6,924,919 ตัน มูลค่า 3,560.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (123,591 ล้านบาท) ทั้งปริมาณและมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.7 และร้อยละ 28.9 ตามลำดับ โดยการส่งออกข้าวเดือนพฤศจิกายน 2566 มีปริมาณ 1,007,417 ตัน มูลค่า 23,010 ล้านบาท เมื่อเทียบกับเดือนตุลาคม 2566 ที่ส่งออกปริมาณ 840,513 ตัน มูลค่า 18,700 ล้านบาท ทั้งปริมาณและมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 19.9 และร้อยละ 23.3 ตามลำดับ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการส่งออกข้าวขาวและข้าวหอมมะลิ เนื่องจากประเทศผู้นําเข้าที่สำคัญเร่งนําเข้าข้าวเพื่อชดเชยอุปทานในประเทศที่ลดลง และภาวะราคาข้าวในตลาดโลกที่ปรับสูงขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี โดยข้าวขาว มีปริมาณการส่งออก 659,694 ตัน เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 31 ประเทศผู้นำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ แอลจีเรีย อิรัก มาเลเซีย ญี่ปุ่น บราซิล และแคเมอรูน สำหรับข้าวหอมมะลิ (ต้นข้าว) มีปริมาณการส่งออก 170,324 ตัน เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 56.3 ประเทศผู้นำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ สหรัฐฯ จีน แคนาดา ฮ่องกง สิงคโปร์ และออสเตรเลีย ส่วนข้าวนึ่ง มีปริมาณส่งออก 91,303 ตัน ลดลงจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 11.2 ประเทศผู้นำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ แอฟริกาใต้ และเยเมน
สมาคมฯ คาดว่าในเดือนธันวาคม 2566 การส่งออกข้าวจะมีประมาณ 800,000-900,000 ตัน และคาดว่าตลอดทั้งปี 2566 จะส่งออกข้าวได้เกินกว่าเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ที่ 8.5 ล้านตัน เนื่องจากผู้ส่งออกมีสัญญาส่งมอบข้าวที่ยังต้องเร่งส่งมอบเป็นจำนวนมากให้แก่ประเทศผู้นําเข้าที่สำคัญในเอเซีย ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น รวมทั้งในภูมิภาคแอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา ที่ยังคงมีความต้องการข้าวอย่างต่อเนื่อง ทั้งข้าวขาว ข้าวนึ่ง และข้าวหอม เพื่อชดเชยอุปทานข้าวในประเทศที่ลดลง และสํารองไว้ใช้ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2567 ประกอบกับไทยยังคงมีผลผลิตข้าวเพียงพอสำหรับการส่งออก และราคาข้าวไทยยังอยู่ในระดับที่แข่งขันได้ ทำให้ผู้นําเข้าข้าวสนใจซื้อข้าวไทยมากขึ้น โดยราคาข้าวขาว 5% ของไทย ณ วันที่ 27 ธันวาคม 2566 ตันละ 659 ดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ราคาข้าวขาว 5% ของเวียดนาม ตันละ 653-657 ดอลลาร์สหรัฐฯ และปากีสถาน ตันละ 593-597 ดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนราคาข้าวนึ่งไทย ตันละ 659 ดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ข้าวนึ่งอินเดีย ตันละ 513-517 ดอลลาร์สหรัฐฯ และปากีสถาน ตันละ 546-550 ดอลลาร์สหรัฐฯ
ที่มา กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 34.7155 บาท
รัสเซีย
นายกรัฐมนตรี Mikhail Mishustin แห่งสหพันธรัฐรัสเซีย ได้ขยายระยะเวลาการห้ามส่งออกข้าวและธัญพืชจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2567 เพื่อเป็นการรักษาเสถียรภาพด้านการตลาดภายในประเทศ และเป็นการสร้างความมั่นคงทางอาหาร ที่หลายประเทศให้ความสำคัญ ถึงแม้ว่าที่ผ่านมารัสเซียยังไม่ประสบปัญหาการขาดแคลนข้าวและธัญพืช แต่การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลกและปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ความสามารถในการผลิตข้าว และความต้องการข้าวภายในประเทศ อาจจะส่งผลต่อการกำหนดนโยบายเรื่องข้าวและธัญพืชของรัสเซียได้ในอนาคต
อย่างไรก็ตาม การห้ามส่งออกข้าวและธัญพืชดังกล่าวมีข้อยกเว้น โดยจะไม่นำไปใช้กับประเทศสมาชิกสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย (The Eurasian Economic Union: EAEU) ได้แก่ เบลารุส คาซัคสถาน คีร์กีซสถาน และอาร์เมเนีย รวมทั้งไม่นำไปใช้กับอับคาเซีย และเซาท์ออสซีเชีย ทั้งนี้ ข้าวและธัญพืชในประเทศจะยังคงสามารถส่งไปต่างประเทศเพื่อให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม หรือการขนส่งแบบถ่ายลำผ่านแดนระหว่างประเทศได้
ที่มา กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
ราคาข้าวโพดในประเทศช่วงสัปดาห์นี้ มีดังนี้
ราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นไม่เกิน 14.5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 9.00 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 9.13 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.42 และราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นเกิน 14.5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 7.25 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 7.38 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.76
ราคาข้าวโพดขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ ที่โรงงานอาหารสัตว์รับซื้อ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 10.41 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 10.55 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.33 ส่วนราคาขายส่งไซโลรับซื้อสัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี. สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 304.00 ดอลลาร์สหรัฐ (10,567.00 บาท/ตัน) ลดลงจากตันละ 311.00 ดอลลาร์สหรัฐ (10,656.00 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.25 และลดลงในรูปของเงินบาทตันละ 89.00 บาท
ราคาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดชิคาโกเดือนมีนาคม 2566 ข้าวโพดเมล็ดเหลืองอเมริกันชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 456.00 เซนต์ (6,302.00 บาท/ตัน) ลดลงจากบุชเชลละ 476.00 เซนต์ (6,486.00 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 4.20 แต่ลดลงขึ้นในรูปของเงินบาทตันละ 184.00 บาท
มันสำปะหลัง
สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
การผลิต
ผลผลิตมันสำปะหลังปี 2567 (เริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566 – กันยายน 2567) คาดว่ามีพื้นที่เก็บเกี่ยว 9.049 ล้านไร่ ผลผลิต 27.941 ล้านตัน และผลผลิตต่อไร่ 3.088 ตัน เมื่อเทียบกับปี 2566 ที่มีพื้นที่
เก็บเกี่ยว 9.350 ล้านไร่ ผลผลิต 30.732 ล้านตัน และผลผลิตต่อไร่ 3.287 ตัน พบว่า พื้นที่เก็บเกี่ยว ผลผลิต และผลผลิตต่อไร่ ลดลงร้อยละ 3.22 ร้อยละ 9.08 และร้อยละ 6.05 ตามลำดับ โดยเดือนมกราคม 2567 คาดว่าจะมีผลผลิตออกสู่ตลาด 5.289 ล้านตัน (ร้อยละ 18.93 ของผลผลิตทั้งหมด)
ทั้งนี้ผลผลิตมันสำปะหลังปี 2567 จะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนมกราคม – มีนาคม 2567 ปริมาณ 16.452 ล้านตัน (ร้อยละ 58.88 ของผลผลิตทั้งหมด)
การตลาด
ผลผลิตมันสำปะหลังเริ่มทยอยออกสู่ตลาด แต่ยังมีปริมาณน้อยไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้ประกอบการ ทำให้ราคาหัวมันสำปะหลังสดอยู่ในระดับสูง
ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศประจำสัปดาห์ สรุปได้ดังนี้
ราคาหัวมันสำปะหลังสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 3.03 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 3.01 บาท ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.66
ราคามันเส้นสัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 7.58 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 7.40 บาท ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 2.43
ราคาขายส่งในประเทศ
ราคาขายส่งมันเส้น (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต จ.ชลบุรี และ จ.อยุธยา) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ8.39 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 8.69 บาท ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 3.45
ราคาขายส่งแป้งมันสำปะหลังชั้นพิเศษ (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต กรุงเทพและปริมณฑล) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 19.19 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 19.30 บาท ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.57
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ราคาส่งออกมันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 265.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (9,250 บาทต่อตัน) ราคาลดลงจากตันละ 265.63 ดอลลาร์สหรัฐฯ (9,110 บาทต่อตัน) ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.24
ราคาส่งออกแป้งมันสำปะหลัง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 578.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ (20,180 บาทต่อตัน) ราคาลดลงจากตันละ 580.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (19,900 บาทต่อตัน) ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.26
ปาล์มน้ำมัน
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร คาดว่าปี 2567 ผลผลิตปาล์มน้ำมันเดือนมกราคมจะมีประมาณ 1.063 ล้านตัน คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.191 ล้านตัน ลดลงจากผลผลิตปาล์มทะลาย 1.100 ล้านตัน คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.198 ล้านตันของเดือนธันวาคม 2566 คิดเป็นร้อยละ 3.63 และร้อยละ 3.54 ตามลำดับ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาผลปาล์มทะลาย สัปดาห์นี้เฉลี่ย กก.ละ 5.69 บาท
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาน้ำมันปาล์มดิบ สัปดาห์นี้เฉลี่ย กก.ละ 34.03 บาท สูงขึ้นจาก กก.ละ 33.63 บาท ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 1.19
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
สถานการณ์ในต่างประเทศ
อินเดียนำเข้าน้ำมันปาล์มเพิ่มขึ้นในเดือนธันวาคม โดยได้รับแรงหนุนจากการซื้อน้ำมันปาล์มกลั่นที่เพิ่มขึ้น
คาดเกิดจากต้นทุนการกลั่นน้ำมันปาล์มในประเทศที่สูงขึ้น ซึ่งในเดือนธันวาคม อินเดียมีการนำเข้าเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 2.8 อยู่ที่ 894,186 ตัน
ราคาในตลาดต่างประเทศ
ตลาดมาเลเซีย ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 3,726.06 ริงกิตมาเลเซีย (28.45 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 3,654.42 ริงกิตมาเลเซีย (27.54 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 1.96
ตลาดรอตเตอร์ดัม ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 927.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ (32.58 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 901.25 ดอลลาร์สหรัฐฯ (31.15 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 2.91
หมายเหตุ : ราคาในตลาดต่างประเทศเฉลี่ย 5 วัน
อ้อยและน้ำตาล
- สรุปภาวะการผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
- สรุปภาวะการผลิต การตลาดและราคาในต่างประเทศ
- ประธานสหพันธ์องค์กรส่งออกของประเทศอินเดีย กล่าวว่า ความขัดแย้งในพื้นที่ทะเลแดงได้ผลักดันให้ค่าขนส่งจากอินเดียเพิ่มขึ้น 5 เท่า รวมถึงเพิ่มเวลาการเดินทางอีก 2 สัปดาห์ เนื่องจากสินค้าถูกเปลี่ยนจากเส้นทางคลองสุเอซ
- นักวิเคราะห์ของประเทศจีน รายงานว่า ในปี 2567 ประเทศจีนมีแนวโน้มนำเข้าน้ำตาลมากกว่า 4 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 3.98 ล้านตัน ในปี 2566 ในขณะที่การนำเข้าน้ำตาลผสมและน้ำเชื่อมมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจาก 1.80 ล้านตันในปี 2566 เป็นมากกว่า 2 ล้านตัน ในปี 2567 และคาดการณ์ว่า ความต้องการน้ำตาลภายในประเทศของจีนน่าจะลดลงเหลือ 15.40 ล้านตัน
ถั่วเหลือง
1. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วเหลืองชนิดคละสัปดาห์นี้กิโลกรัมละ 16.75 บาท ราคาลดลงจากสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 4.29
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งถั่วเหลืองสกัดน้ำมันสัปดาห์นี้กิโลกรัมละ 21.40 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
ราคาในตลาดต่างประเทศ (ตลาดชิคาโก)
ราคาซื้อขายล่วงหน้าเมล็ดถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 1,241.24 เซนต์ (16.02 บาท/กก.) ลดลงจากบุชเชลละ 1,263.75 เซนต์ (16.31 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 1.78
ราคาซื้อขายล่วงหน้ากากถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 361.62 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12.70 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 377.43 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13.26 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 4.19
ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันถั่วเหลืองสัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 47.91 เซนต์ (37.06 บาท/กก.) เพิ่มขึ้นจากปอนด์ละ 47.74 เซนต์ (36.96 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 0.36
1. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วเหลืองชนิดคละสัปดาห์นี้กิโลกรัมละ 16.75 บาท ราคาลดลงจากสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 4.29
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งถั่วเหลืองสกัดน้ำมันสัปดาห์นี้กิโลกรัมละ 21.40 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
ราคาในตลาดต่างประเทศ (ตลาดชิคาโก)
ราคาซื้อขายล่วงหน้าเมล็ดถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 1,241.24 เซนต์ (16.02 บาท/กก.) ลดลงจากบุชเชลละ 1,263.75 เซนต์ (16.31 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 1.78
ราคาซื้อขายล่วงหน้ากากถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 361.62 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12.70 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 377.43 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13.26 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 4.19
ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันถั่วเหลืองสัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 47.91 เซนต์ (37.06 บาท/กก.) เพิ่มขึ้นจากปอนด์ละ 47.74 เซนต์ (36.96 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 0.36
ยางพารา
ถั่วเขียว
สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดใหญ่คละ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 25.45 บาท
ถั่วเขียวผิวดำคละ และถั่วเขียวผิวมันเมล็ดเล็กคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 34.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 27.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 50.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 32.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 34.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,010.60 ดอลลาร์สหรัฐ (35.09 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 1,025.00 ดอลลาร์สหรัฐ (35.00 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.40 แต่สูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.09 บาท
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 807.20 ดอลลาร์สหรัฐ (28.03 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 818.67 ดอลลาร์สหรัฐ (27.96 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.40 แต่สูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.07 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,475.40 ดอลลาร์สหรัฐ (51.23 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 1,496.33 ดอลลาร์สหรัฐ (51.10 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.40 แต่สูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.13 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 952.80 ดอลลาร์สหรัฐ (33.08 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 966.00 ดอลลาร์สหรัฐ (32.99 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.37 แต่สูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.09 บาท
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,005.00 ดอลลาร์สหรัฐ (34.89 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 1,019.00 ดอลลาร์สหรัฐ (34.80 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.37 แต่สูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.09 บาท
ถั่วลิสง
สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ความเคลื่อนไหวของราคาประจำสัปดาห์ มีดังนี้
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกแห้ง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 41.67 บาท
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 30.17 บาท
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดพิเศษ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 77.50 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดธรรมดา สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 67.50 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ฝ้าย
ไหม
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,925 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 1,958 บาท คิดเป็นร้อยละ 1.69 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,398 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 1,263 บาท คิดเป็นร้อยละ 10.67 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 3 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 967 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 681 บาท คิดเป็นร้อยละ 42.00 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา
ปศุสัตว์
สุกร
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
ภาวะตลาดสุกรสัปดาห์นี้ ราคาสุกรมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้ลดลง เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตเนื้อสุกรที่ออกสู่ตลาดมีมากกว่าความต้องการของผู้บริโภค แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้น
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
สุกรมีชีวิตพันธุ์ผสมน้ำหนัก 100 กิโลกรัมขึ้นไป ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 67.11 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 67.37 คิดเป็นร้อยละ 0.39 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 63.15 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 65.19 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 68.81 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 68.13 บาท ส่วนราคาลูกสุกรตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 1,600 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งสุกรมีชีวิต ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 68.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ไก่เนื้อ
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
สัปดาห์นี้ราคาไก่เนื้อมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้นเล็กน้อยจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคสอดรับกับผลผลิตที่ออกสู่ตลาด แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 40.14 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 40.08 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.15 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 42.00 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 39.62 บาท ภาคใต้ กิโลกรัมละ 43.00 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่เนื้อตามประกาศของบริษัท ซี.พี ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 12.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไก่มีชีวิตหน้าโรงฆ่า จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 39.00 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 39.13 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.33 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาขายส่งไก่สดทั้งตัวรวมเครื่องใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 56.00 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 56.38 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.67 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา
ไข่ไก่
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
สถานการณ์ตลาดไข่ไก่สัปดาห์นี้ ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ลดลง เนื่องจากความต้องการของผู้บริโภค ยังคงชะลอตัว แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 364 บาท ลดลงจากร้อยฟองละ 370 บาท คิดเป็นร้อยละ 1.62 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 334 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 351 บาท ภาคกลางร้อยฟองละ 377 บาท และภาคใต้ไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่ไข่ตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 28.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่ไก่ (เฉลี่ยเบอร์ 0-4) ในตลาดกรุงเทพฯจากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 397 บาท ลดลงจากร้อยฟองละ 396 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.25 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา
ไข่เป็ด
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่เป็ดที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 402 บาท ลดลงจากร้อยฟองละ 411 บาท คิดเป็นร้อยละ 2.19 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 418 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 412 บาท ภาคกลางร้อยฟองละ 373 บาท และภาคใต้ร้อยฟองละ 441 บาท
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่เป็ดคละ ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 465 ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
โคเนื้อ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาโคพันธุ์ลูกผสม (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 89.11 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 89.36 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.28 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 99.03 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 83.20 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 79.83 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 108.64 บาท
กระบือ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคากระบือ (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 66.33 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 67.59 บาท คิดเป็นร้อยละ 1.86 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 96.58 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 62.50 บาท ภาคกลางและภาคใต้ไม่มีรายงาน
ประมง
สถานการณ์การผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
1. การผลิต
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (ระหว่างวันที่ 8 - 14 มกราคม 2567) ไม่มีรายงานปริมาณจากองค์การสะพานปลากรุงเทพฯ
2. การตลาด
ความเคลื่อนไหวของราคาสัตว์น้ำที่สำคัญประจำสัปดาห์นี้มีดังนี้
2.1 ปลาดุกบิ๊กอุย (ขนาด 3 - 4 ตัว/กก.)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 61.41 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 60.09 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 1.32 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้น
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.2 ปลาช่อน (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 80.29 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 80.39 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.10 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคลดลง
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.3 กุ้งกุลาดำ
ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาด 60 ตัวต่อกิโลกรัมและราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาดกลาง (60 ตัว/กก.) ไม่มีรายงานราคา
2.4 กุ้งขาวแวนนาไม
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 128.45 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 123.88 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 4.57 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้น
สำหรับราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 130.83 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 122.50 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 8.33 บาท
2.5 ปลาทู (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 65.34 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 69.49 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 4.15 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคลดลง
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.6 ปลาหมึกกระดอง (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.7 ปลาเป็ดและปลาป่น
ราคาปลาเป็ดที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 7.07 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับราคาปลาป่นขายส่งกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ปลาป่นชนิดโปรตีน 60% ขึ้นไป ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 36.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา และปลาป่นชนิดโปรตีนต่ำกว่า 60% ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 32.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
1. การผลิต
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (ระหว่างวันที่ 8 - 14 มกราคม 2567) ไม่มีรายงานปริมาณจากองค์การสะพานปลากรุงเทพฯ
2. การตลาด
ความเคลื่อนไหวของราคาสัตว์น้ำที่สำคัญประจำสัปดาห์นี้มีดังนี้
2.1 ปลาดุกบิ๊กอุย (ขนาด 3 - 4 ตัว/กก.)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 61.41 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 60.09 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 1.32 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้น
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.2 ปลาช่อน (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 80.29 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 80.39 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.10 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคลดลง
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.3 กุ้งกุลาดำ
ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาด 60 ตัวต่อกิโลกรัมและราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาดกลาง (60 ตัว/กก.) ไม่มีรายงานราคา
2.4 กุ้งขาวแวนนาไม
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 128.45 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 123.88 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 4.57 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้น
สำหรับราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 130.83 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 122.50 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 8.33 บาท
2.5 ปลาทู (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 65.34 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 69.49 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 4.15 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคลดลง
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.6 ปลาหมึกกระดอง (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.7 ปลาเป็ดและปลาป่น
ราคาปลาเป็ดที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 7.07 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับราคาปลาป่นขายส่งกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ปลาป่นชนิดโปรตีน 60% ขึ้นไป ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 36.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา และปลาป่นชนิดโปรตีนต่ำกว่า 60% ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 32.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา