- ข้อมูลเศรษฐกิจการเกษตร
- ภาวะเศรษฐกิจการเกษตร
- รายละเอียดภาวะเศรษฐกิจการเกษตร
ข้อมูลเศรษฐกิจการเกษตร
ปีนี้ ลำไย 8 จังหวัด ภาคเหนือ ผลผลิตในฤดู 6.37 แสนตัน เริ่มออกตลาดปลายเดือนมิถุนายน นี้ สศท.1 เชิญชวนบริโภคลำไยคุณภาพ
ข่าวที่ 61/2567 วันที่ 27 พฤษภาคม 2567
ปีนี้ ลำไย 8 จังหวัด ภาคเหนือ ผลผลิตในฤดู 6.37 แสนตัน เริ่มออกตลาดปลายเดือนมิถุนายน นี้
สศท.1 เชิญชวนบริโภคลำไยคุณภาพ
สศท.1 เชิญชวนบริโภคลำไยคุณภาพ
สถานการณ์การผลิตลำไยของ 8 จังหวัดภาคเหนือ ปี 2567 พบว่า ลำไยในฤดู มีจำนวน 637,501 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว ที่มีจำนวน 606,900 ตัน (เพิ่มขึ้น 30,601 ตัน หรือ ร้อยละ 5) เนื่องจากราคาลำไยในปีที่แล้วอยู่ในเกณฑ์ดี จูงใจให้เกษตรกรดูแลรักษาต้นลำไยและราดสารโพแทสเซียมคลอเรตเพื่อชักนำการออกดอก แม้ว่าในเดือนมีนาคมและเดือนเมษายน 2567 สภาพอากาศจะร้อนจัด ส่งผลให้บางพื้นที่ต้นลำไยขาดน้ำและสลัดลูกทิ้งบางส่วน แต่เนื่องจากการออกดอกและติดผลมีมากกว่าปีที่แล้วทำให้ภาพรวมผลผลิตยังคงเพิ่มขึ้น และลำไยนอกฤดู มีจำนวน 341,473 ตัน ลดลงจากปีที่แล้วที่มีจำนวน 342,573 ตัน (ลดลง 1,100 ตัน หรือร้อยละ 0.32) ลดลงเล็กน้อย เนื่องจากสภาพอากาศแห้งแล้งและร้อนจัดทำให้ต้นลำไยในบางพื้นที่ไม่สมบูรณ์ ไม่สามารถราดสารโพแทสเซียมคลอเรตเพื่อชักนำการออกดอกได้
ด้านสถานการณ์ราคาลำไยของ 8 จังหวัดภาคเหนือ ณ เดือนพฤษภาคม 2567 ซึ่งเป็นช่วงที่ลำไยนอกฤดู ออกสู่ตลาด (ลำไยนอกฤดูออกตลาด ม.ค. – พ.ค. และ ต.ค. - ธ.ค.) แบ่งตามเกรด ได้แก่ ลำไยสดช่อ เกรด AA กิโลกรัมละ 25 บาท ส่วนลำไยรูดร่วง เกรด AA กิโลกรัมละ 22 บาท , เกรด A กิโลกรัมละ 15 บาท , เกรด B กิโลกรัมละ 10 บาท และเกรด C กิโลกรัมละ 3 บาท ด้านลำไยในฤดู เกษตรกรเริ่มเกี่ยวเก็บตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2567 คาดว่าราคาที่เกษตรกรขายได้จะอยู่ ในเกณฑ์ดี จากการที่เกษตรกรเอาใจใส่ดูแลทำให้ลำไยมีคุณภาพดียิ่งขึ้น สำหรับสถานการณ์ตลาดลำไยภาคเหนือ ตลาดส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ จีน เวียดนาม และอินโดนีเซีย อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าตลาดจีนจะเปิดการซื้อขายแล้วแต่ยังมีมาตรการตรวจคัดกรองที่เข้มงวด ทั้งการตรวจโรคแมลงศัตรูพืช ณ ด่านนำเข้าเพื่อควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าว
สำหรับแนวทางการบริหารจัดการลำไยในฤดูของภาคเหนือ ซึ่งคณะทำงานได้ร่วมกันวางแนวทางการบริหารสมดุล Demand-Supply โดยมีการรวบรวมข้อมูลจากผู้ประกอบการ สำหรับความต้องการผลผลิตส่วนใหญ่จะเน้นการแปรรูปเป็นลำไยอบแห้งทั้งเปลือก อบแห้งเนื้อสีทอง น้ำลำไยสกัดเข้มข้น และลำไยกระป๋อง จำนวน 480,725 ตัน บริโภคสดในประเทศจำนวน 60,724 ตัน และส่งออกลำไยสด จำนวน 96,053 ตัน อย่างไรก็ตาม เดือนสิงหาคมเป็นช่วงที่ผลผลิตออกกระจุกตัวอาจส่งผลกระทบต่อราคาลำไย ซึ่งหน่วยงานภาครัฐทั้งที่เกี่ยวข้องกับการผลิต การตลาด ได้เตรียมแผนบริหารจัดการสินค้าและเชื่อมโยงกับตลาดภายนอกจังหวัด เพื่อบริหารจัดการในช่วงที่ผลผลิตออกกระจุกตัวในช่วงเดือนสิงหาคมนี้เรียบร้อยแล้ว อาทิ การจำหน่ายลำไยเพื่อบริโภคสดในประเทศ โดยมุ่งเน้นกระจายออกนอกแหล่งผลิตผ่าน Modern Trade เครือข่ายสหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน ธ.ก.ส. ไปรษณีย์ และตลาดออนไลน์
“การผลิตลำไยในปีนี้ยังคงต้องเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากระยะต่อจากนี้เป็นช่วงที่ลำไยเริ่มมีการพัฒนาช่อผล ซึ่งถ้าเกิดภัยแล้งขึ้นช่อผลที่กำลังพัฒนามีการหยุดชะงัก ผลเล็กไม่เจริญเติบโต หรือผลที่เติบโตเต็มที่แล้วจะมีอาการผลแตกในช่อผลได้ เกษตรกรชาวสวนลำไยควรหมั่นสำรวจสวนอย่างสม่ำเสมอเพื่อรักษาผลผลิตให้มีคุณภาพ และให้เฝ้าระวังเพลี้ยแป้ง ซึ่งเป็นศัตรูพืชสำคัญในลำไยเพื่อไม่ให้กระทบต่อความเชื่อมั่นของตลาด โอกาสนี้ ขอเชิญชวนผู้บริโภคทุกท่านร่วมสนับสนุนผลผลิตลำไยของเกษตรกร ซึ่งพร้อมออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร และเป็นกำลังใจให้พี่น้องเกษตรกรในการผลิตผลไม้ที่มีคุณภาพต่อไป หากท่านใดที่สนใจข้อมูลสถานการณ์ลำไยภาคเหนือ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 1 เชียงใหม่ โทร 0 5312 1318 หรืออีเมล zone1@oae.go.th”
******************************************************
ข่าว : ส่วนประชาสัมพันธ์ / ข้อมูล : สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 1 เชียงใหม่