- ข้อมูลเศรษฐกิจการเกษตร
- ภาวะเศรษฐกิจการเกษตร
- รายละเอียดภาวะเศรษฐกิจการเกษตร
ข้อมูลเศรษฐกิจการเกษตร
สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์ 28 กุมภาพันธ์-6 มีนาคม 2565
ข้าว
1.สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
1.1 มาตรการสินค้าข้าว
1) โครงการสำคัญภายใต้แผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปีการผลิต 2564/65 ดังนี้
1.1) ด้านการผลิต
(1) การจัดการปัจจัยการผลิต ได้แก่ โครงการผลิตและกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าว และมาตรการควบคุม
ค่าเช่าที่นา
(2) การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าว ได้แก่ โครงการระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ (นาแปลงใหญ่) โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ โครงการพัฒนาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิตพืช โครงการเพิ่มศักยภาพการผลิตข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้สู่มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โครงการพัฒนาและส่งเสริมการเกษตร (ข้าวพันธุ์ กข43 และข้าวเจ้าพื้นนุ่ม) โครงการรักษาระดับปริมาณและคุณภาพข้าว โครงการเพิ่มปริมาณ
น้ำต้นทุนและเพิ่มพื้นที่ระบบส่งน้ำให้พื้นที่เกษตรกรรม และการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับการผลิตข้าวยั่งยืน
(3) การควบคุมปริมาณการผลิตข้าว ได้แก่ โครงการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรตามแผนที่การเกษตรเชิงรุก (Zoning by Agri-Map) โครงการส่งเสริมการปลูกพืชหลากหลาย โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังฤดูทำนา โครงการส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์และกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่อง โครงการส่งเสริมการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
ผ่านระบบสหกรณ์ แผนการถ่ายทอดความรู้การผลิตพืชหลังนาและการใช้น้ำในการผลิตพืชอย่างมีประสิทธิภาพ และแผนการผลิตพันธุ์พืชและปัจจัยการผลิต
(4) การพัฒนาชาวนา ได้แก่ โครงการพัฒนาเกษตรกรปราดเปรื่อง (Smart Farmer)
(5) การวิจัยและพัฒนา ได้แก่ การปรับปรุงพันธุ์ข้าวเจ้าพื้นแข็ง และพันธุ์ข้าวเหนียว
(6) การประกันภัยพืชผล ได้แก่ โครงการประกันภัยข้าวนาปี
(7) การส่งเสริมการสร้างยุ้งฉางให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรทั่วประเทศ (รัฐชดเชยดอกเบี้ยร้อยละ 3)
1.2) ด้านการตลาด
(1) การพัฒนาตลาดสินค้าข้าว ได้แก่ โครงการเชื่อมโยงตลาดข้าวอินทรีย์ และข้าว GAP ครบวงจร
(2) การชะลอผลผลิตออกสู่ตลาด ได้แก่ โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก โครงการส่งเสริมผลักดันการส่งออกข้าว และโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว
(3) การจัดหาและเชื่อมโยงตลาดต่างประเทศ ได้แก่ โครงการกระชับความสัมพันธ์และรณรงค์สร้างการรับรู้ในศักยภาพข้าวไทย เพื่อขยายตลาดข้าวไทยในต่างประเทศ และโครงการ ลด/แก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้าข้าวไทยและเสริมสร้างความเชื่อมั่น
(4) การส่งเสริมภาพลักษณ์และประชาสัมพันธ์ข้าว ผลิตภัณฑ์ข้าว และนวัตกรรมข้าว ได้แก่ โครงการส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ข้าวไทยในงานแสดงสินค้านานาชาติ และโครงการเสริมสร้างศักยภาพสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทยเพื่อการต่อยอดเชิงพาณิชย์
(5) การประชาสัมพันธ์รณรงค์บริโภคข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวของไทยทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ
(6) การประชาสัมพันธ์ข้าวไทยในกลุ่มผู้บริโภคในต่างประเทศผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย
2) มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65
มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2564 อนุมัติโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/65 และมาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 อนุมัติโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/65 และมาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65 ดังนี้
2.1) โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/65 รอบที่ 1 โดยกำหนดชนิดข้าว ราคา และปริมาณประกันรายได้ (ณ ราคาความชื้นไม่เกิน 15%) ดังนี้ (1) ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาประกันตันละ 15,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 14 ตัน (2) ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ราคาประกันตันละ 14,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน (3) ข้าวเปลือกเจ้า ราคาประกันตันละ 10,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ตัน (4) ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ราคาประกันตันละ 11,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ตัน และ (5) ข้าวเปลือกเหนียว ราคาประกันตันละ 12,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน
2.2) มาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65 ประกอบด้วย
3 โครงการ ได้แก่
(1) โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2564/65 โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรในเขตพื้นที่ปลูกข้าวทั่วประเทศ เพื่อรักษาราคาข้าวเปลือกให้มีเสถียรภาพ
โดยให้มีการเก็บข้าวเปลือกไว้ในยุ้งฉางของเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร เพื่อชะลอผลผลิตออกสู่ตลาดพร้อมกันเป็นจำนวนมาก เป้าหมายจำนวน 2 ล้านตันข้าวเปลือก วงเงินสินเชื่อต่อตัน จำแนกเป็น ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 11,000 บาทข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 9,500 บาท ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 5,400 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 7,300 บาท และข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ตันละ 8,600 บาท รวมทั้งเกษตรกรที่เก็บข้าวเปลือกในยุ้งฉางตนเอง จะได้รับค่าฝากเก็บและรักษาคุณภาพข้าวเปลือกในอัตราตันละ 1,500 บาท สำหรับสถาบันเกษตรกรที่รับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้รับในอัตราตันละ 1,000 บาท และเกษตรกรผู้ขายข้าวเปลือก ได้รับในอัตราตันละ 500 บาท
(2) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปีการผลิต 2564/65โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อแก่สถาบันเกษตรกร ประกอบด้วย สหกรณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และศูนย์ข้าวชุมชน เพื่อรวบรวมข้าวเปลือกจำหน่าย และ/หรือเพื่อการแปรรูป วงเงินสินเชื่อเป้าหมาย 15,000 ล้านบาท
คิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ร้อยละ 4 ต่อปี โดยสถาบันเกษตรกรรับภาระดอกเบี้ย ร้อยละ 1 ต่อปี รัฐบาลรับภาระชดเชยดอกเบี้ยให้สถาบันเกษตรกรร้อยละ 3 ต่อปี
(3)โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต 2564/65 ผู้ประกอบการค้าข้าวรับซื้อข้าวเปลือกเพื่อเก็บสต็อก เป้าหมาย 4 ล้านตันข้าวเปลือก โดยสามารถรับซื้อจากเกษตรกร
ได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 - 31 มีนาคม 2565 (ภาคใต้ 1 มกราคม - 30 มิถุนายน 2565) และเก็บสต็อกในรูปข้าวเปลือกและข้าวสาร ระยะเวลาการเก็บสต็อกอย่างน้อย 60 - 180 วัน (2 - 6 เดือน) นับแต่วันที่รับซื้อ โดยรัฐชดเชยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 3
2.3) โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65
ธ.ก.ส. ดำเนินการจ่ายเงินให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ลดต้นทุนการผลิต ให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ในอัตราไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 20 ไร่ หรือครัวเรือนละไม่เกิน 20,000 บาท
1.2 ราคา
1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ
ข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 11,502 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 11,413 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.78
ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 7,601 บาท ราคาลดลงจากตันละ 7,834 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.97
2) ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 25,950 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ข้าวขาว 5% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 12,170 บาท ราคาลดลงจากตันละ 12,210 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.33
3) ราคาส่งออกเอฟโอบี
ข้าวหอมมะลิไทย 100% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 781 ดอลลาร์สหรัฐฯ (25,285 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 784 ดอลลาร์สหรัฐฯ (25,117 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.38 แต่สูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 168 บาท
ข้าวขาว 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 419 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,565 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 420 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,488 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.24 แต่สูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 77 บาท
ข้าวนึ่ง 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 419 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,565 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 420 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,488 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.24 แต่สูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 77 บาท
หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 32.3758 บาท
2. สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ
เวียดนาม
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ภาวะราคาข้าวค่อนข้างทรงตัว โดยราคาข้าวขาว 5% อยู่ที่ระดับ 395-400 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน เมื่อเทียบกับระดับ 400 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้า ซึ่งถือเป็นระดับที่สูงสุดในรอบกว่า 2 เดือน (นับตั้งแต่กลางเดือนธันวาคม 2564)
วงการค้าข้าวระบุว่า ช่วงนี้ผู้นําเข้าข้าวกําลังหาซื้อข้าวพอสมควร ขณะที่บางส่วนได้รอให้ราคาข้าวปรับลดลงในช่วงของการเก็บเกี่ยวข้าวฤดูการผลิตฤดูหนาวและฤดูใบไม้ผลิ (the winter-spring harvest) ที่คาดว่าจะออกสู่ตลาดสูงสุดในช่วงกลางเดือนมีนาคม 2565 โดยคาดว่าการส่งออกข้าวในเดือนมีนาคมนี้จะเพิ่มมากขึ้น โดยตลาดหลักคาดว่า จะยังคงเป็นประเทศฟิลิปปินส์ และประเทศในแถบแอฟริกา ซึ่งจากข้อมูลการส่งมอบข้าวขึ้นเรือในเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่ามีการขนถ่ายสินค้าข้าวประมาณ 219,000 ตัน ที่ท่าเรือ Ho Chi Minh City (HCMC) ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ โดยส่วนใหญ่มีปลายทางที่ฟิลิปปินส์
The Oceanic Agency and Shipping Service รายงานว่า ในช่วงระหว่างวันที่ 16 กุมภาพันธ์ – 2 มีนาคม 2565 จะมีเรือบรรทุกสินค้า (breakbulk ships) อย่างน้อย 21 ลำ เข้ามารอรับสินค้าข้าวที่ท่าเรือ Ho Chi Minh City (HCMC) Port เพื่อรับมอบข้าวประมาณ 223,782 ตัน
สำนักงานสถิติแห่งชาติ (the General Statistics Office; GSO) รายงานว่า ในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา เวียดนามส่งออกข้าวได้ประมาณ 400,000 ตัน มูลค่าประมาณ 191 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทำให้ในช่วง 2 เดือนแรกของปี (มกราคม-กุมภาพันธ์ 2565) เวียดนามส่งออกข้าวได้ประมาณ 906,000 ตัน มูลค่าประมาณ 437 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยปริมาณเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 38.6 และมูลค่าเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 22.3 เมื่อเทียบกับช่วง เดียวกันของปีที่ผ่านมา
ที่มา สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย
อินเดีย
ภาวะราคาข้าวเมื่อปดาห์ที่ผ่านมา ปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากมีความต้องการข้าวจากต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะจากประเทศในแถบแอฟริกา และเอเชีย แม้ว่าค่าเงินรูปีจะอ่อนค่าลงก็ตาม ส่งผลให้ราคาข้าวนึ่ง 5% ราคาอยู่ที่ระดับ 370-376 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน เพิ่มขึ้นจากระดับ 368-374 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน เมื่อสัปดาห์ก่อน
กรมการอาหารและการกระจายสินค้าสาธารณะ สังกัดกระทรวงกิจการผู้บริโภค อาหาร และการกระจายสินค้าสาธารณะ (The Department of Food and Public Distribution under the Ministry of Consumer Affairs, Food and Public Distribution) แถลงว่า โครงการจัดหาข้าวของรัฐบาลในฤดูการผลิต Kharif (Kharif marketing season; KMS) ของปี 2564/65 (1 ตุลาคม 2564-30 กันยายน 2565) ณ วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2565 สามารถจัดหาข้าวเปลือกได้ประมาณ 69.567 ล้านตัน จากหลายๆ รัฐ เช่น Punjab 18.685 ล้านตัน Chhattisgarh 9.201 ล้านตัน Telangana 7.022 ล้านตัน Uttar Pradesh 6.404 ล้านตัน Haryana 5.53 ล้านตัน Odisha 4.938 ล้านตัน Madhta Pradesh 4.582 ล้านตัน Bihar 4.25 ล้านตัน Andhra Pradesh 3.449 ล้านตัน Tamil Nadu 1.566 ล้านตัน Maharashtra 1.33 ล้านตัน Uttrakhand 1.156 ล้านตัน และ West Bengal 0.547 ล้านตัน เป็นต้น โดยมีเกษตรกร
ที่ได้รับผลประโยชน์จากโครงการนี้แล้วประมาณ 9.414657 ล้านราย คิดเป็นมูลค่าประมาณ 18.233 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (คิดเป็นราคาเฉลี่ยของข้าวที่รัฐบาลรับซื้อประมาณ 262 เหรียญสหรัฐต่อตัน)
สำหรับโครงการจัดหาข้าวของรัฐบาลในฤดูการผลิต Kharif (Kharif marketing season; KMS) ของปี 2563/64 (1 ตุลาคม 2563-30 กันยายน 2564) ที่ผ่านมา รัฐบาลสามารถจัดหาข้าวได้ประมาณ 89.24 ล้านตันข้าวเปลือก ประกอบด้วย ข้าวจากฤดูการผลิต Kharif crop ประมาณ 71.81 ล้านตัน และจากฤดูการผลิต Rabi crop ประมาณ 17.615 ล้านตัน โดยจัดหาได้จากหลายๆ รัฐ เช่น Punjab 20.282 ล้านตัน Telangana 14.109 ล้านตัน Andhra Pradesh 8.457 ล้านตัน Odisha 7.733 ล้านตัน Chhattisgarh 6.974 ล้านตัน Uttar Pradesh 6.684 ล้านตัน Haryana 5.654 ล้านตัน Tamil Nadu 4.49 ล้านตัน Bihar 3.559 ล้านตัน Madhta Pradesh 3.726 ล้านตัน West Bengal 2.77 ล้านตัน Maharashtra 1.88 ล้านตัน และ Uttrakhand 1.072 ล้านตัน เป็นต้น โดยมีเกษตรกรที่ได้รับผลประโยชน์จากโครงการนี้แล้วประมาณ 13.113 ล้านราย คิดเป็นมูลค่าประมาณ 22.43752 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (คิดเป็นราคาเฉลี่ยของข้าวที่รัฐบาลรับซื้อประมาณ 261 เหรียญสหรัฐต่อตัน)
ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสวัสดิการเกษตรกร (Ministry of Agriculture & Farmers Welfare) แถลงว่า รัฐบาลอินเดียได้ประกาศราคาอุดหนุนขั้นต่ำ (Minimum Support Prices; MSP) สำหรับสินค้าเกษตรหลัก จำนวน 22 ชนิด ที่มีคุณภาพเฉลี่ยในระดับปานกลาง (Fair Average Quality; FAQ) ในฤดูการเพาะปลูก หลังจากที่มีการพิจารณาตามคำแนะนําของคณะกรรมการต้นทุนและราคาสินค้าเกษตร (Commission for Agricultural Costs and Prices; CACP) แล้ว
โดยรัฐบาลประกาศราคารับซื้อข้าวขั้นต่ำ (the minimum support price; MSP) สำหรับฤดูการผลิต Kharif (มิถุนายน-กันยายน) ปี 2564/65 (ตุลาคม 2564-กันยายน 2565) ซึ่งรัฐบาลได้ประเมินต้นทุนการผลิตของเกษตรกร
ในปี 2564/65 เฉลี่ยอยู่ที่ 1,293 รูปีต่อ 100 กิโลกรัม (ประมาณ 177 เหรียญสหรัฐต่อตัน) ดังนั้น เพื่อให้เกษตรกรมีผลกําไรประมาณร้อยละ 50 จากการเพาะปลูกข้าว รัฐบาลจึงกำหนดราคารับซื้อขั้นต่ำสำหรับข้าวคุณภาพธรรมดาไว้ที่ 1,940 รูปีต่อ 100 กิโลกรัม (ประมาณ 260 เหรียญสหรัฐต่อตัน) เพิ่มขึ้น 72 รูปี หรือเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 3.85 จาก 1,868 รูปี ต่อ 100 กิโลกรัม (ประมาณ 247 เหรียญสหรัฐต่อตัน) ในปี 2563/64 ขณะที่ข้าวคุณภาพดี (Grade ‘A’ paddy) กำหนดไว้ที่ 1,960 รูปีต่อ 100 กิโลกรัม (ประมาณ 262 เหรียญสหรัฐต่อตัน) เพิ่มขึ้น 72 รูปี หรือเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 3.8 จาก 1,888 รูปีต่อ 100 กิโลกรัม (ประมาณ 250 เหรียญสหรัฐต่อตัน) ในปี 2563
ที่มา สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
ราคาข้าวโพดภายในประเทศในช่วงสัปดาห์นี้ มีดังนี้
ราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นไม่เกิน 14.5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 8.80 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 9.00 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.22 และราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นเกิน 14.5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 7.08 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 7.14 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.84
ราคาข้าวโพดขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ ที่โรงงานอาหารสัตว์รับซื้อ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 11.70 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 11.24 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 4.10 และราคาขายส่งไซโลรับซื้อสัปดาห์นี้ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี. สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 367.00 ดอลลาร์สหรัฐ (11,888.00 บาท/ตัน) สูงขึ้นจากตันละ 285.00 ดอลลาร์สหรัฐ (9,165.00 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 28.77 และสูงขึ้นในรูปของเงินบาทตันละ 2,723.00 บาท
ราคาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดชิคาโกเดือนเมษายน 2565 ข้าวโพดเมล็ดเหลืองอเมริกัน ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 737.00 เซนต์ (9,514.00 บาท/ตัน) เพิ่มขึ้นจากบุชเชลละ 678.00 เซนต์ (8,688.00 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 8.70 และเพิ่มขึ้นในรูปของเงินบาทตันละ 826.00 บาท
มันสำปะหลัง
สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
การผลิต
ผลผลิตมันสำปะหลัง ปี 2563 (เริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนตุลาคม 2562 – กันยายน 2563) คาดว่ามีพื้นที่เก็บเกี่ยว 8.75 ล้านไร่ ผลผลิต 31.104 ล้านตัน ผลผลลิตต่อไร่ 3.56 ตัน เมื่อเทียบกับปี 2562 ที่มีพื้นที่เก็บเกี่ยว 8.67 ล้านไร่ ผลผลิต 31.080 ล้านตัน และผลผลิตต่อไร่ 3.59 ตัน พบว่า พื้นที่เก็บเกี่ยว และผลผลิต เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.93 และร้อยละ 0.08 ตามลำดับ แต่ผลผลิตต่อไร่ลดลงร้อยละ 0.84 โดยเดือนมีนาคม2563 คาดว่าจะมีผลผลิตออกสู่ตลาด 6.04 ล้านตัน (ร้อยละ 19.42 ของผลผลิตทั้งหมด)
ทั้งนี้ผลผลิตมันสำปะหลังปี 2563 จะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนมกราคม – มีนาคม 2563 ปริมาณ 17.63 ล้านตัน (ร้อยละ 56.68 ของผลผลิตทั้งหมด)
การตลาด
มันสำปะหลังออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น แต่เกษตรกรประสบปัญหาภัยแล้ง ทำให้เปอร์เซ็นต์เชื้อแป้งต่ำ และหัวมันสำปะหลังมีขนาดเล็ก ส่งผลให้ราคามันสำปะหลังค่อนข้างทรงตัว
ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศประจำสัปดาห์ สรุปได้ดังนี้
ราคาหัวมันสำปะหลังสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1.91 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 1.90 บาท ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.53
ราคามันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 5.02 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 4.93 บาท ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 1.83
ราคาขายส่งในประเทศ
ราคาขายส่งมันเส้น (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต จ.ชลบุรี และ จ.อยุธยา) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 5.97 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 5.98 บาท ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.17
ราคาขายส่งแป้งมันสำปะหลังชั้นพิเศษ (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต กรุงเทพและปริมณฑล) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 12.71 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 12.63 บาท ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.63
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ราคาส่งออกมันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 233 ดอลลาร์สหรัฐฯ (7,273 บาทต่อตัน) ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน (7,331 บาทต่อตัน)
ราคาส่งออกแป้งมันสำปะหลัง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 435 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,579 บาทต่อตัน) ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน (13,686 บาทต่อตัน)
ปาล์มน้ำมัน
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร คาดว่าปี 2565 ผลผลิตปาล์มน้ำมันเดือนกุมภาพันธ์จะมีประมาณ 1.198 ล้านตัน คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.216 ล้านตัน สูงขึ้นจากผลผลิตปาล์มทะลาย 0.986 ล้านตัน คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.177 ล้านตันของเดือนมกราคม คิดเป็นร้อยละ 21.50 และร้อยละ 22.03 ตามลำดับ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาผลปาล์มทะลาย สัปดาห์นี้เฉลี่ย กก.ละ 8.86 บาท สูงขึ้นจาก กก.ละ 8.64 บาทในสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 2.55
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาน้ำมันปาล์มดิบ สัปดาห์นี้เฉลี่ย กก.ละ 50.25 บาท สูงขึ้นจาก กก.ละ 47.85 บาทในสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 5.02
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
สถานการณ์ในต่างประเทศ
อินเดียและจีนชะลอการนำเข้าน้ำมันปาล์ม หลังจากราคาน้ำมันปาล์มพุ่งสูงขึ้นจากการขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ราคาน้ำมันปาล์มดิบมาเลเซียสูงขึ้นถึงร้อยละ 45 ในปี 2565 เนื่องจากการขาดแคลนแรงงาน นโยบายจำกัดการส่งออกของอินโดนีเซีย และ Disruption ในอุปทานน้ำมันทานตะวัน
ราคาในตลาดต่างประเทศ
ตลาดมาเลเซีย ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 7,681.77 ดอลลาร์มาเลเซีย (60.64 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 6,567.28 ดอลลาร์มาเลเซีย (51.45 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 16.97
ตลาดรอตเตอร์ดัม ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,899.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ (62.30 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 1,622.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ (52.80 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 17.07
หมายเหตุ : ราคาในตลาดต่างประเทศเฉลี่ย 5 วัน
อ้อยและน้ำตาล
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
ไม่มีรายงาน
2. สรุปภาวะการผลิต การตลาดและราคาในต่างประเทศ
ไม่มีรายงาน
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
ไม่มีรายงาน
2. สรุปภาวะการผลิต การตลาดและราคาในต่างประเทศ
ไม่มีรายงาน
ถั่วเหลือง
1. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วเหลืองชนิดคละสัปดาห์นี้ ไม่มีรายงานราคา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งถั่วเหลืองสกัดน้ำมันสัปดาห์นี้ ไม่มีรายงานราคา
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
ราคาในตลาดต่างประเทศ (ตลาดชิคาโก)
ราคาซื้อขายล่วงหน้าเมล็ดถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 1,676.68 เซนต์ (20.21 บาท/กก.)สูงขึ้นจากบุชเชลละ 1,640.35 เซนต์ (19.61 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 2.21
ราคาซื้อขายล่วงหน้ากากถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 461.32 ดอลลาร์สหรัฐฯ (15.13 บาท/กก.)สูงขึ้นจากตันละ 459.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14.95 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 0.40
ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 76.87 เซนต์ (55.57 บาท/กก.) สูงขึ้นจากปอนด์ละ 70.41 เซนต์ (50.50 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 9.17
1. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วเหลืองชนิดคละสัปดาห์นี้ ไม่มีรายงานราคา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งถั่วเหลืองสกัดน้ำมันสัปดาห์นี้ ไม่มีรายงานราคา
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
ราคาในตลาดต่างประเทศ (ตลาดชิคาโก)
ราคาซื้อขายล่วงหน้าเมล็ดถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 1,676.68 เซนต์ (20.21 บาท/กก.)สูงขึ้นจากบุชเชลละ 1,640.35 เซนต์ (19.61 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 2.21
ราคาซื้อขายล่วงหน้ากากถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 461.32 ดอลลาร์สหรัฐฯ (15.13 บาท/กก.)สูงขึ้นจากตันละ 459.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14.95 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 0.40
ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 76.87 เซนต์ (55.57 บาท/กก.) สูงขึ้นจากปอนด์ละ 70.41 เซนต์ (50.50 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 9.17
ยางพารา
ถั่วเขียว
สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดใหญ่คละ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 23.49 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 23.48 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.04
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดเล็กคละ และถั่วเขียวผิวดำคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 29.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 24.20 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 25.00 บาท จากสัปดาห์ก่อน ร้อยละ 3.20
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 38.40 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 40.00 บาท จากสัปดาห์ก่อน ร้อยละ 4.00
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 20.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 32.60 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 35.00 บาท จากสัปดาห์ก่อน ร้อยละ 6.86
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 926.60 ดอลลาร์สหรัฐ (30.00 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 934.60 ดอลลาร์สหรัฐ (30.07 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.86 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.07 บาท
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 777.40 ดอลลาร์สหรัฐ (25.17 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 809.40 ดอลลาร์สหรัฐ (26.04 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 3.95 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.87 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,219.00 ดอลลาร์สหรัฐ (39.47 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 1,280.00 ดอลลาร์สหรัฐ (41.18 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 4.77 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 1.71 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 646.60 ดอลลาร์สหรัฐ (20.93 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 652.60 ดอลลาร์สหรัฐ (21.00 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.92 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.06 บาท
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,032.20 ดอลลาร์สหรัฐ (33.42 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 1,116.60 ดอลลาร์สหรัฐ (35.92 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 7.56 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 2.50 บาท
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดใหญ่คละ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 23.49 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 23.48 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.04
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดเล็กคละ และถั่วเขียวผิวดำคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 29.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 24.20 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 25.00 บาท จากสัปดาห์ก่อน ร้อยละ 3.20
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 38.40 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 40.00 บาท จากสัปดาห์ก่อน ร้อยละ 4.00
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 20.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 32.60 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 35.00 บาท จากสัปดาห์ก่อน ร้อยละ 6.86
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 926.60 ดอลลาร์สหรัฐ (30.00 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 934.60 ดอลลาร์สหรัฐ (30.07 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.86 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.07 บาท
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 777.40 ดอลลาร์สหรัฐ (25.17 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 809.40 ดอลลาร์สหรัฐ (26.04 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 3.95 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.87 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,219.00 ดอลลาร์สหรัฐ (39.47 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 1,280.00 ดอลลาร์สหรัฐ (41.18 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 4.77 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 1.71 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 646.60 ดอลลาร์สหรัฐ (20.93 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 652.60 ดอลลาร์สหรัฐ (21.00 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.92 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.06 บาท
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,032.20 ดอลลาร์สหรัฐ (33.42 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 1,116.60 ดอลลาร์สหรัฐ (35.92 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 7.56 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 2.50 บาท
ถั่วลิสง
สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ความเคลื่อนไหวของราคาประจำสัปดาห์ มีดังนี้
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกแห้ง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 38.01 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 40.01 ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 5.00
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 30.37 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 32.62 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 6.90
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดพิเศษ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 67.50 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดธรรมดา สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 64.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ฝ้าย
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้
ราคาฝ้ายรวมเมล็ดชนิดคละ ไม่มีการรายงานราคา
ราคาซื้อ-ขายล่วงหน้าตลาดนิวยอร์ก (New York Cotton Futures)
ราคาซื้อ-ขายล่วงหน้า เพื่อส่งมอบเดือนพฤษภาคม 2565 สัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 119.33 เซนต์(กิโลกรัมละ 86.29 บาท) ลดลงจากปอนด์ละ 119.85 เซนต์ (กิโลกรัมละ 85.98 บาท) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.43 (แต่เพิ่มขึ้นในรูปของเงินบาทกิโลกรัมละ 0.31 บาท)
ไหม
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,799 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 1,859 บาท คิดเป็นร้อยละ 3.19 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,523 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 3 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,005 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ปศุสัตว์
สุกร
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
ภาวะตลาดสุกรสัปดาห์นี้ ราคาสุกรมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้ลดลง เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตเนื้อสุกรที่ออกสู่ตลาดมีมากกว่าความต้องการของผู้บริโภค แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือลดลงเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
สุกรมีชีวิตพันธุ์ผสมน้ำหนัก 100 กิโลกรัมขึ้นไป ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 87.99 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 91.38 คิดเป็นร้อยละ 3.39 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 88.64 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 90.30 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 88.06 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 82.60 บาท ส่วนราคาลูกสุกรตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 2,700 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งสุกรมีชีวิต ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 83.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ไก่เนื้อ
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
สัปดาห์นี้ราคาไก่เนื้อมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้นเล็กน้อยจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตที่ออกสู่ตลาดสอดรับกับความต้องการของผู้บริโภค แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 40.28 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 40.15 บาทคิดเป็นร้อยละ 0.13 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 32.00 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 40.91 บาท ภาคใต้ กิโลกรัมละ 44.16 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่เนื้อตามประกาศของบริษัท ซี.พี ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 15.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไก่มีชีวิตหน้าโรงฆ่า จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 39.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา และราคาขายส่งไก่สดทั้งตัวรวมเครื่องใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 52.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ไข่ไก่
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
สถานการณ์ตลาดไข่ไก่สัปดาห์นี้ ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ลดลงเล็กน้อยจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตไข่ไก่ที่ออกสู่ตลาดสอดรับกับความต้องการของผู้บริโภค แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 297 บาท ลดลงจากร้อยฟองละ 299 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.78 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 310 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 296 บาท ภาคกลางร้อยฟองละ 294 บาท และภาคใต้ไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่ไข่ตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 26.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่ไก่ (เฉลี่ยเบอร์ 0-4) ในตลาดกรุงเทพฯจากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 3.30 บาท สูงขึ้นจากร้อยฟองละ 3.22 บาท คิดเป็นร้อยละ 2.48 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา
ไข่เป็ด
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่เป็ดที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 364 บาท ลดลงจากร้อยฟองละ 365 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.50 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 379 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 377 บาท ภาคกลางร้อยฟองละ 336 บาท และภาคใต้ร้อยฟองละ 377 บาท
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่เป็ดคละ ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 3.65 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
โคเนื้อ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาโคพันธุ์ลูกผสม (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 99.25 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 99.39 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.14 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 95.90 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 102.02 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 90.90 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 109.29 บาท
กระบือ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคากระบือ (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 81.74 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 81.72 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.03 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 89.33 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 80.28 บาท ภาคกลางและภาคใต้ไม่มีรายงาน
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
ภาวะตลาดสุกรสัปดาห์นี้ ราคาสุกรมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้ลดลง เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตเนื้อสุกรที่ออกสู่ตลาดมีมากกว่าความต้องการของผู้บริโภค แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือลดลงเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
สุกรมีชีวิตพันธุ์ผสมน้ำหนัก 100 กิโลกรัมขึ้นไป ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 87.99 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 91.38 คิดเป็นร้อยละ 3.39 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 88.64 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 90.30 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 88.06 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 82.60 บาท ส่วนราคาลูกสุกรตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 2,700 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งสุกรมีชีวิต ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 83.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ไก่เนื้อ
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
สัปดาห์นี้ราคาไก่เนื้อมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้นเล็กน้อยจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตที่ออกสู่ตลาดสอดรับกับความต้องการของผู้บริโภค แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 40.28 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 40.15 บาทคิดเป็นร้อยละ 0.13 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 32.00 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 40.91 บาท ภาคใต้ กิโลกรัมละ 44.16 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่เนื้อตามประกาศของบริษัท ซี.พี ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 15.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไก่มีชีวิตหน้าโรงฆ่า จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 39.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา และราคาขายส่งไก่สดทั้งตัวรวมเครื่องใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 52.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ไข่ไก่
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
สถานการณ์ตลาดไข่ไก่สัปดาห์นี้ ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ลดลงเล็กน้อยจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตไข่ไก่ที่ออกสู่ตลาดสอดรับกับความต้องการของผู้บริโภค แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 297 บาท ลดลงจากร้อยฟองละ 299 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.78 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 310 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 296 บาท ภาคกลางร้อยฟองละ 294 บาท และภาคใต้ไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่ไข่ตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 26.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่ไก่ (เฉลี่ยเบอร์ 0-4) ในตลาดกรุงเทพฯจากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 3.30 บาท สูงขึ้นจากร้อยฟองละ 3.22 บาท คิดเป็นร้อยละ 2.48 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา
ไข่เป็ด
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่เป็ดที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 364 บาท ลดลงจากร้อยฟองละ 365 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.50 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 379 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 377 บาท ภาคกลางร้อยฟองละ 336 บาท และภาคใต้ร้อยฟองละ 377 บาท
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่เป็ดคละ ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 3.65 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
โคเนื้อ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาโคพันธุ์ลูกผสม (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 99.25 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 99.39 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.14 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 95.90 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 102.02 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 90.90 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 109.29 บาท
กระบือ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคากระบือ (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 81.74 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 81.72 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.03 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 89.33 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 80.28 บาท ภาคกลางและภาคใต้ไม่มีรายงาน
ประมง
สถานการณ์การผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
1. การผลิต
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (ระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ – 6 มีนาคม 2565) ไม่มีรายงานปริมาณจากองค์การสะพานปลากรุงเทพฯ
2. การตลาด
ความเคลื่อนไหวของราคาสัตว์น้ำที่สำคัญประจำสัปดาห์นี้มีดังนี้ คือ
2.1 ปลาดุกบิ๊กอุย (ขนาด 3 - 4 ตัว/กก.)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 62.25 บาท ราคาสูงขึ้นเล็กน้อยจากกิโลกรัมละ 61.75 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.50 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้น
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.2 ปลาช่อน (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 79.78 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 78.30 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 1.48 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้น
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.3 กุ้งกุลาดำ
ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาด 60 ตัวต่อกิโลกรัมและราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาดกลาง (60 ตัว/กก.) ไม่มีรายงานราคา
2.4 กุ้งขาวแวนนาไม
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 172.52 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 180.30 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 7.78 บาท เนื่องจากมีปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น
สำหรับราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม เฉลี่ยกิโลกรัมละ 164.17 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 176.67 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 12.50 บาท
2.5 ปลาทู (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 66.40 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคคงที่
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.6 ปลาหมึกกระดอง (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้และราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.7 ปลาเป็ดและปลาป่น
ราคาปลาเป็ดที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 6.56 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับราคาปลาป่นขายส่งกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ปลาป่นชนิดโปรตีน 60% ขึ้นไป ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 35.00 บาท และปลาป่นชนิดโปรตีนต่ำกว่า 60% ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 30.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สถานการณ์การผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
1. การผลิต
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (ระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ – 6 มีนาคม 2565) ไม่มีรายงานปริมาณจากองค์การสะพานปลากรุงเทพฯ
2. การตลาด
ความเคลื่อนไหวของราคาสัตว์น้ำที่สำคัญประจำสัปดาห์นี้มีดังนี้ คือ
2.1 ปลาดุกบิ๊กอุย (ขนาด 3 - 4 ตัว/กก.)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 62.25 บาท ราคาสูงขึ้นเล็กน้อยจากกิโลกรัมละ 61.75 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.50 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้น
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.2 ปลาช่อน (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 79.78 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 78.30 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 1.48 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้น
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.3 กุ้งกุลาดำ
ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาด 60 ตัวต่อกิโลกรัมและราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาดกลาง (60 ตัว/กก.) ไม่มีรายงานราคา
2.4 กุ้งขาวแวนนาไม
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 172.52 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 180.30 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 7.78 บาท เนื่องจากมีปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น
สำหรับราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม เฉลี่ยกิโลกรัมละ 164.17 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 176.67 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 12.50 บาท
2.5 ปลาทู (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 66.40 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคคงที่
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.6 ปลาหมึกกระดอง (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้และราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.7 ปลาเป็ดและปลาป่น
ราคาปลาเป็ดที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 6.56 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับราคาปลาป่นขายส่งกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ปลาป่นชนิดโปรตีน 60% ขึ้นไป ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 35.00 บาท และปลาป่นชนิดโปรตีนต่ำกว่า 60% ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 30.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา