- ข้อมูลเศรษฐกิจการเกษตร
- ภาวะเศรษฐกิจการเกษตร
- รายละเอียดภาวะเศรษฐกิจการเกษตร
ข้อมูลเศรษฐกิจการเกษตร
สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์ 17-23 กรกฎาคม 2566
ข้าว
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
1.1 การผลิต
1) ข้าวนาปี ปี 2566/67 สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) คาดการณ์ข้อมูล ณ เดือนมิถุนายน 2566 มีเนื้อที่เพาะปลูก 62.375 ล้านไร่ ผลผลิต 25.761 ล้านตันข้าวเปลือก และผลผลิตต่อไร่ 413 กิโลกรัม ลดลงจากปี 2565/66 ที่มี
เนื้อที่เพาะปลูก 62.977 ล้านไร่ ผลผลิต 26.632 ล้านตันข้าวเปลือก และผลผลิตต่อไร่ 423 กิโลกรัม หรือลดลงร้อยละ 0.96 ร้อยละ 3.27 และร้อยละ 2.36 ตามลำดับ เนื้อที่เพาะปลูกคาดว่าลดลง เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลให้ฝนมาล่าช้า และคาดว่าปริมาณฝนจะน้อยกว่าปี 2565 โดยในช่วงกลางเดือนมิถุนายนถึงกลางเดือนกรกฎาคม 2566
จะเกิดสภาวะฝนทิ้งช่วง ทำให้ขาดแคลนน้ำในด้านการเกษตร โดยเฉพาะในพื้นที่แล้งซ้ำซากนอกเขตชลประทาน ส่งผลให้เกษตรกรบางพื้นที่ปล่อยที่นาให้ว่าง และบางพื้นที่ปลูกข้าวนาปีได้เพียงรอบเดียว สำหรับผลผลิตต่อไร่คาดว่าลดลง เนื่องจากปริมาณฝนน้อยจากการเกิดปรากฏการณ์เอลนีโญ ส่งผลต่อการงอกของต้นกล้า และการสร้างรวงของต้นข้าวที่เติบโต
ได้ไม่เต็มที่ นอกจากนี้ ยังเสี่ยงพบโรคและแมลงศัตรูพืชระบาด เช่น ไหม้คอรวง เพลี้ยไฟ เป็นต้น รวมทั้งปัจจัยการผลิต ได้แก่ ปุ๋ย ยาปราบศัตรูพืช ยังคงมีราคาสูง เกษตรกรจึงปรับลดปริมาณการใช้ ส่งผลให้ในภาพรวมผลผลิตทั้งประเทศลดลง
ผลผลิตออกสู่ตลาด คาดการณ์ผลผลิตออกสู่ตลาดช่วงเดือนกรกฎาคม 2566 - พฤษภาคม 2567 โดยคาดว่าผลผลิตออกสู่ตลาดมากที่สุดในเดือนพฤศจิกายน 2566 ปริมาณ 16.610 ล้านตันข้าวเปลือก หรือคิดเป็นร้อยละ 64.48 ของผลผลิตข้าวนาปีทั้งหมด ทั้งนี้ เดือนกรกฎาคม 2566 คาดว่ามีผลผลิตออกสู่ตลาดปริมาณ 0.038 ล้านตัน หรือคิดเป็นร้อยละ 0.15 ของผลผลิตข้าวนาปีทั้งหมด
2) ข้าวนาปรัง ปี 2566 สศก. คาดการณ์ข้อมูล ณ เดือน มิถุนายน 2566 มีเนื้อที่เพาะปลูก 11.888 ล้านไร่ ผลผลิต 7.722 ล้านตันข้าวเปลือก และผลผลิตต่อไร่ 650 กิโลกรัม เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ที่มีเนื้อที่เพาะปลูก 9.547 ล้านไร่ ผลผลิต 6.171 ล้านตันข้าวเปลือก และผลผลิตต่อไร่ 646 กิโลกรัม หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 24.51 ร้อยละ 25.14 และร้อยละ 0.62 ตามลำดับ เนื้อที่เพาะปลูกเพิ่มขึ้น เนื่องจากปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำส่วนใหญ่และปริมาณน้ำตามแหล่งน้ำธรรมชาติ
มีมากกว่าปี 2565 ซึ่งเป็นผลมาจากในช่วงเดือนกันยายน 2565 มีพายุโนรูเข้าประเทศไทย ทำให้มีฝนตกหนัก และปริมาณน้ำฝนสูงกว่าค่าปกติ รวมทั้งราคาข้าวเปลือกที่เกษตรกรขายได้อยู่ในเกณฑ์ดี ประกอบกับเกษตรกรบางส่วนปลูกชดเชยข้าวนาปีที่เสียหายจากน้ำท่วม โดยขยายเนื้อที่เพาะปลูกเพิ่มขึ้นในพื้นที่นาที่เคยปล่อยว่าง สำหรับผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีปริมาณน้ำเพียงพอต่อการเพาะปลูก และการเจริญเติบโตของต้นข้าว
ผลผลิตออกสู่ตลาด คาดการณ์ผลผลิตออกสู่ตลาดช่วงเดือนกุมภาพันธ์ - ตุลาคม 2566 โดยผลผลิตออกสู่ตลาดมากที่สุดในช่วงเดือนมีนาคม - เมษายน 2566 ปริมาณรวม 4.728 ล้านตันข้าวเปลือก หรือคิดเป็นร้อยละ 61.23 ของผลผลิตข้าวนาปรังทั้งหมด ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ - กรกฎาคม 2566 มีผลผลิตออกสู่ตลาดปริมาณ 7.659 ล้านตัน หรือคิดเป็นร้อยละ 99.19 ของผลผลิตข้าวนาปรังทั้งหมด
1.2 ราคา
1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ
ข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 13,967 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 13,954 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.09
ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 10,491 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 10,326 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.59
2) ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 31,550 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 30,850 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.27
ข้าวขาว 5% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 17,410 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 16,830 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 3.45
3) ราคาส่งออกเอฟโอบี
ข้าวหอมมะลิไทย 100% (ใหม่) สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ข้าวขาว 5% สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ข้าวนึ่ง 5% สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2. สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ
2.1 สถานการณ์ข้าวโลก
1) การผลิต
ผลผลิตข้าวโลก กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ได้คาดการณ์ผลผลิตข้าวโลกปี 2566/67 ณ เดือนกรกฎาคม 2566 ผลผลิต 520.768 ล้านตันข้าวสาร เพิ่มขึ้นจาก 512.493 ล้านตันข้าวสาร ในปี 2565/66 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.61
2) การค้าข้าวโลก
บัญชีสมดุลข้าวโลก กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ได้คาดการณ์บัญชีสมดุลข้าวโลกปี 2566/67 ณ เดือนกรกฎาคม 2566
มีปริมาณผลผลิต 520.768 ล้านตันข้าวสาร เพิ่มขึ้นจากปี 2565/66 ร้อยละ 1.61 การใช้ในประเทศ 523.911 ล้านตันข้าวสาร เพิ่มขึ้นจากปี 2565/66 ร้อยละ 0.49 การส่งออก/นำเข้า 56.338 ล้านตันข้าวสาร เพิ่มขึ้นจากปี 2565/66 ร้อยละ 1.24 และสต็อกปลายปีคงเหลือ 170.415 ล้านตันข้าวสาร ลดลงจากปี 2565/66 ร้อยละ 1.81
- ประเทศที่คาดว่าจะส่งออกเพิ่มขึ้น ได้แก่ ออสเตรเลีย เมียนมา กัมพูชา จีน อินเดีย ปากีสถาน ตุรกี อุรุกวัย และสหรัฐอเมริกา ส่วนประเทศที่คาดว่าจะส่งออกลดลง ได้แก่ บราซิล ปารากวัย ไทย และเวียดนาม
- ประเทศที่คาดว่าจะนำเข้าเพิ่มขึ้น ได้แก่ บังกลาเทศ จีน ไอเวอรี่โคสต์ เอธิโอเปีย อียู กานา อิหร่าน มาเลเซีย เม็กซิโก โมซัมบิก เนปาล ไนจีเรีย ซาอุดิอาระเบีย เซเนกัล สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และสหราชอาณาจักร ส่วนประเทศที่คาดว่าจะนำเข้าลดลง ได้แก่ บราซิล อินโดนีเซีย อิรัก เคนยา ฟิลิปปินส์ และสหรัฐอเมริกา
- ประเทศที่มีสต็อกคงเหลือปลายปีเพิ่มขึ้น ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ส่วนประเทศที่มีสต็อกคงเหลือปลายปีลดลง ได้แก่ อินเดีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ไทย บังกลาเทศ และเวียดนาม
2.2 สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ
1) อินเดีย
อินเดีย เป็นประเทศผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ที่สุดของโลก ที่ครองส่วนแบ่งการค้าถึงร้อยละ 40 ของการค้าข้าวโลก กำลังพิจารณาจำกัดการส่งออกข้าวในหลายสายพันธุ์อีกครั้ง ซึ่งหากมีการดำเนินการ อาจส่งผลให้ราคาอาหารหลักทั่วโลกปรับสูงขึ้น ท่ามกลางสภาพอากาศที่แปรปรวนจากปรากฏการณ์เอลนีโญ
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า รัฐบาลอินเดียกำลังหารือถึงแผนการห้ามส่งออกข้าวทุกสายพันธุ์ที่ไม่ใช่
ข้าวบาสมาติ ซึ่งอาจจะส่งผลให้อินเดียส่งออกข้าวลดลงถึงร้อยละ 80 ของปริมาณการส่งออกข้าวที่ผ่านมา และถึงแม้ว่าจะทำให้ราคาข้าวในประเทศปรับลดลง แต่เสี่ยงที่จะส่งผลให้ราคาข้าวทั่วโลกปรับสูงขึ้น ซึ่งข้าวเป็นอาหารหลักของประชากรส่วนใหญ่ในโลก โดยประชากรในภูมิภาคเอเชียบริโภคข้าวประมาณร้อยละ 90 ของอุปทานข้าวโลก
อย่างไรก็ตาม อินเดียเคยมีมาตรการห้ามส่งออกปลายข้าว และเรียกเก็บภาษีร้อยละ 20 สำหรับการส่งออกข้าวขาวและข้าวกล้อง รวมทั้งข้าวสาลีและน้ำตาล ในช่วงที่เกิดการสู้รบระหว่างรัสเซียและยูเครน เมื่อปี 2565 ซึ่งส่งผลให้ราคาอาหารหลัก ได้แก่ ข้าวสาลี และข้าวโพด ปรับราคาสูงขึ้น
ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์
2) แอฟริกาใต้
แอฟริกาใต้ หนึ่งในประเทศผู้นำเข้าที่สำคัญ กำลังเผชิญปัญหาด้านราคาผลิตภัณฑ์อาหารนำเข้าที่สูงขึ้น เนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินแรนด์อ่อนค่าอย่างมาก โดยสินค้าที่แอฟริกาใต้นำเข้าในปริมาณมาก คือ ข้าว ที่มีการนำเข้าประมาณ 1.1 ล้านตันต่อปี
นายวานดิล ซิห์โลโบ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากหอการค้าธุรกิจการเกษตร กล่าวว่า ในฤดูกาลผลิต
ปี 2565/66 ราคาข้าวทั่วโลกปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องขณะที่อุปทานมีจำกัด ประกอบกับเมื่อเดือนพฤษภาคม 2565 ปริมาณการบริโภคข้าวเพิ่มขึ้น โดยราคาซื้อขายข้าวเดือนพฤษภาคม 2566 ของประเทศผู้ผลิตข้าว ได้แก่ ไทย เวียดนาม
และปากีสถาน มีราคาต่ำกว่า 400 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน (13,604 บาทต่อตัน) ยกเว้นอินเดียที่มีราคามากกว่า 500 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน (17,005 บาทต่อตัน) ทั้งนี้ คาดว่าราคาข้าวทั่วโลกจะปรับสูงขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ เนื่องจากคาดการณ์ว่า
ในฤดูกาลผลิตปี 2566/67 ผลผลิตข้าวทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเป็น 521 ล้านตัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 2 เนื่องจากประเทศผู้ผลิตข้าวหลัก ได้แก่ อินเดีย เวียดนาม สหรัฐอเมริกา ปากีสถาน จีน อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ จะมีผลผลิตเพิ่มขึ้นจาก
สภาพอากาศที่เอื้ออำนวย ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาข้าวในปี 2567 ปรับลดลง และหากอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินแรนด์
แข็งค่าขึ้นก็จะส่งผลดีต่อผู้บริโภคในแอฟริกาใต้ ขณะเดียวกันประเทศกำลังเข้าสู่สภาวะเอลนีโญในช่วงฤดูร้อนปี 2566/67 ที่คาดว่าจะมีความรุนแรงและกระทบต่อผลผลิตทางการเกษตร
ที่มา กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
หมายเหตุ อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 34.0105 บาท
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
ราคาข้าวโพดในประเทศช่วงสัปดาห์นี้ มีดังนี้
ราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นไม่เกิน 14.5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 10.35 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 10.45 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.96 และราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นเกิน 14.5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 7.96 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 8.06 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.24
ราคาข้าวโพดขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ ที่โรงงานอาหารสัตว์รับซื้อ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 11.21 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 11.79 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 4.92 ส่วนราคาขายส่งไซโลรับซื้อสัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี. สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 335.00 ดอลลาร์สหรัฐ (11,379.00 บาท/ตัน) ลดลงจากตันละ 344.00 ดอลลาร์สหรัฐ (11,874.00 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.62 และลดลงในรูปของเงินบาทตันละ 495.00 บาท
กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ คาดคะเนความต้องการใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของโลก ปี 2566/67 มีปริมาณ 1,206.65 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 1,164.26 ล้านตัน ในปี 2565/66 ร้อยละ 3.64 โดย สหรัฐอเมริกา จีน สหภาพยุโรป บราซิล เม็กซิโก อินเดีย อียิปต์ ญี่ปุ่น เวียดนาม และอินโดนีเซีย มีความต้องการใช้เพิ่มขึ้น สำหรับการค้าของโลกมี 194.87 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 178.26 ล้านตัน ในปี 2565/66 ร้อยละ 9.32 โดย บราซิล สหรัฐอเมริกา อาร์เจนตินา ยูเครน สหภาพยุโรป รัสเซีย อินเดีย แอฟริกาใต้ และเซอร์เบีย ส่งออกเพิ่มขึ้น ประกอบกับผู้นำเข้า เช่น สหภาพยุโรป จีน เม็กซิโก ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อิหร่าน อียิปต์ โคลัมเบีย และแอลจีเรียมีการนำเข้าเพิ่มขึ้น
ราคาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดชิคาโกเดือนกันยายน 2566 ข้าวโพดเมล็ดเหลืองอเมริกัน ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 577.00 เซนต์ (7,947.00 บาท/ตัน) สูงขึ้นจากบุชเชลละ 527.00 เซนต์ (7,147.00 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 9.49 และสูงขึ้นในรูปของเงินบาทตันละ 800.00 บาท
ราคาข้าวโพดในประเทศช่วงสัปดาห์นี้ มีดังนี้
ราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นไม่เกิน 14.5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 10.35 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 10.45 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.96 และราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นเกิน 14.5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 7.96 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 8.06 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.24
ราคาข้าวโพดขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ ที่โรงงานอาหารสัตว์รับซื้อ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 11.21 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 11.79 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 4.92 ส่วนราคาขายส่งไซโลรับซื้อสัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี. สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 335.00 ดอลลาร์สหรัฐ (11,379.00 บาท/ตัน) ลดลงจากตันละ 344.00 ดอลลาร์สหรัฐ (11,874.00 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.62 และลดลงในรูปของเงินบาทตันละ 495.00 บาท
กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ คาดคะเนความต้องการใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของโลก ปี 2566/67 มีปริมาณ 1,206.65 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 1,164.26 ล้านตัน ในปี 2565/66 ร้อยละ 3.64 โดย สหรัฐอเมริกา จีน สหภาพยุโรป บราซิล เม็กซิโก อินเดีย อียิปต์ ญี่ปุ่น เวียดนาม และอินโดนีเซีย มีความต้องการใช้เพิ่มขึ้น สำหรับการค้าของโลกมี 194.87 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 178.26 ล้านตัน ในปี 2565/66 ร้อยละ 9.32 โดย บราซิล สหรัฐอเมริกา อาร์เจนตินา ยูเครน สหภาพยุโรป รัสเซีย อินเดีย แอฟริกาใต้ และเซอร์เบีย ส่งออกเพิ่มขึ้น ประกอบกับผู้นำเข้า เช่น สหภาพยุโรป จีน เม็กซิโก ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อิหร่าน อียิปต์ โคลัมเบีย และแอลจีเรียมีการนำเข้าเพิ่มขึ้น
ราคาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดชิคาโกเดือนกันยายน 2566 ข้าวโพดเมล็ดเหลืองอเมริกัน ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 577.00 เซนต์ (7,947.00 บาท/ตัน) สูงขึ้นจากบุชเชลละ 527.00 เซนต์ (7,147.00 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 9.49 และสูงขึ้นในรูปของเงินบาทตันละ 800.00 บาท
มันสำปะหลัง
สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
การผลิต
ผลผลิตมันสำปะหลังปี 2566 (เริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนตุลาคม 2565 – กันยายน 2566) คาดว่ามีพื้นที่เก็บเกี่ยว 9.733 ล้านไร่ ผลผลิต 32.730 ล้านตัน และผลผลิตต่อไร่ 3.363 ตัน เมื่อเทียบกับปี 2565 ที่มีพื้นที่เก็บเกี่ยว 9.921 ล้านไร่ ผลผลิต 34.068 ล้านตัน และผลผลิตต่อไร่ 3.434 ตัน พบว่า พื้นที่เก็บเกี่ยว ผลผลิต และผลผลิตต่อไร่ ลดลงร้อยละ 1.89 ร้อยละ 3.93 และร้อยละ 2.07 ตามลำดับ โดยเดือนกรกฎาคม 2566 คาดว่าจะมีผลผลิตออกสู่ตลาด 0.501 ล้านตัน (ร้อยละ 1.53 ของผลผลิตทั้งหมด)
ทั้งนี้ผลผลิตมันสำปะหลังปี 2566 จะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนมกราคม – มีนาคม 2566 ปริมาณ 19.317 ล้านตัน (ร้อยละ 59.02 ของผลผลิตทั้งหมด)
การตลาด
เป็นช่วงปลายฤดูกาลเก็บเกี่ยว พื้นที่เพาะปลูกมันสำปะหลังส่วนใหญ่มีฝนตกต่อเนื่อง ทำให้ผลผลิตมันสำปะหลัง และเชื้อแป้งมีคุณภาพลดลง
ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศประจำสัปดาห์ สรุปได้ดังนี้
ราคาหัวมันสำปะหลังสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 2.75 บาท ราคาเพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 2.72 บาท ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 1.10
ราคามันเส้นสัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 7.04 บาท ราคาเพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 6.76 บาท ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 4.14
ราคาขายส่งในประเทศ
ราคาขายส่งมันเส้น (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต จ.ชลบุรี และ จ.อยุธยา) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ8.39 บาท ราคาเพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 8.34 บาท ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.60
ราคาขายส่งแป้งมันสำปะหลังชั้นพิเศษ (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต กรุงเทพและปริมณฑล) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 18.50 บาท ราคาทรงตัวที่กิโลกรัมละ 18.50 บาท เท่ากันกับในสัปดาห์ก่อน
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ราคาส่งออกมันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 263 ดอลลาร์สหรัฐฯ (9,030 บาทต่อตัน) ราคาเพิ่มขึ้นจากตันละ 262.50 ดอลลาร์สหรัฐ (9,170 บาทต่อตัน) ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.19
ราคาส่งออกแป้งมันสำปะหลัง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 562.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ (19,310 บาทต่อตัน) ราคาทรงตัวที่ตันละ 562.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ (19,650 บาทต่อตัน) เท่ากันกับในสัปดาห์ก่อน
ปาล์มน้ำมัน
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร คาดว่าปี 2566 ผลผลิตปาล์มน้ำมันเดือนกรกฎาคมจะมีประมาณ 1.458 ล้านตัน คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.262 ล้านตัน ลดลงจากผลผลิตปาล์มทะลาย 1.517 ล้านตัน คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.273 ล้านตันของเดือนมิถุนายน 2566 คิดเป็นร้อยละ 3.89 และร้อยละ 4.03 ตามลำดับ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาผลปาล์มทะลาย สัปดาห์นี้เฉลี่ย กก.ละ 5.47 บาท สูงขึ้นจาก กก.ละ 5.46 บาท ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.18
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาน้ำมันปาล์มดิบ สัปดาห์นี้เฉลี่ย กก.ละ 31.73 บาท สูงขึ้นจาก กก.ละ 31.30 บาท ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 1.37
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
สถานการณ์ในต่างประเทศ
ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มมาเลเซียปรับตัวสูงขึ้น ร้อยละ 3.90 อยู่ที่ตันละ 4,043 ริงกิตมาเลเซีย ในวันที่ 20 กรกฎาคม 2566 จากปัจจัยเรื่องข้อตกลงการส่งออกธัญพืชของยูเครนผ่านทะเลดำที่อาจถูกยกเลิก และปรับตัวขึ้นตามราคาน้ำมันถั่วเหลืองและน้ำมันทานตะวัน นอกจากนี้ปริมาณการส่งออกของมาเลเซียในเดือนกรกฎาคม คาดสูงขึ้นร้อยละ 20 จากเดือนก่อน เนื่องจากแรงซื้อจากจีนที่ยังคงมีต่อเนื่อง และได้รับปัจจัยบวกจากการชะลอตัวการซื้อขายสินค้าปาล์มน้ำมันของอินโดนีเซีย เนื่องจากมีการปราบปรามทุจริตในอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มของรัฐบาลอินโดนีเซี
ราคาในตลาดต่างประเทศ
ตลาดมาเลเซีย ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 3,966.40 ริงกิตมาเลเซีย (30.32 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 3,825.17 ริงกิตมาเลเซีย (29.22 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 3.69
ตลาดรอตเตอร์ดัม ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 990.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (34.08 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 944.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (33.02 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 4.87
หมายเหตุ : ราคาในตลาดต่างประเทศเฉลี่ย 5 วัน
อ้อยและน้ำตาล
- สรุปภาวะการผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
- สรุปภาวะการผลิต การตลาดและราคาในต่างประเทศ
- สมาคมผู้ค้าน้ำตาลบอมเบย์ คาดการณ์ว่า ราคาน้ำตาลภายในประเทศของอินเดีย มีแนวโน้มจะปรับตัวลดลงในไม่ช้านี้ เนื่องจากความต้องการน้ำตาลที่ลดลง นอกจากนี้ รัฐบาลอินเดียได้ขอให้โรงงานน้ำตาลจัดเตรียมข้อมูลการขาย เพื่อจะดำเนินการจัดสรรโควตาการขายสำหรับเดือนสิงหาคมอย่างแม่นยำยิ่งขึ้น
- นักวิเคราะห์รายงานว่า ในขณะนี้ สหภาพยุโรปมีแนวโน้มที่จะยังคงนำเข้าน้ำตาลต่อไป เนื่องจากต้นทุนการผลิตน้ำตาลในสหภาพยุโรปที่สูง โดยมีต้นทุนการผลิตน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ อยู่ที่ประมาณ 23 - 26 เซ็นต์/ปอนด์ เทียบกับราคา 18.50 เซ็นต์/ปอนด์สำหรับน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ของไทย นอกจากนี้ ภายใต้กรอบข้อบังคับปัจจุบันซึ่งเกี่ยวกับนโยบายทางเกษตรของสหภาพยุโรปนั้น ยังคงต้องหาทางออกจนกว่าจะพบทางเลือกอื่นนอกจากการใช้สารนีโอนิโคตินอยด์ (Neonicotinoids) ซึ่งคาดว่า จะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 5 ปี
ถั่วเหลือง
1. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วเหลืองชนิดคละสัปดาห์นี้กิโลกรัมละ 21.50 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งถั่วเหลืองสกัดน้ำมันสัปดาห์นี้กิโลกรัมละ 23.50 บาททรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
ราคาในตลาดต่างประเทศ (ตลาดชิคาโก)
ราคาซื้อขายล่วงหน้าเมล็ดถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 1,492.68 เซนต์ (18.87 บาท/กก.) ลดลงจากบุชเชลละ 1,506.08 เซนต์ (19.36 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 0.99
ราคาซื้อขายล่วงหน้ากากถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 440.84 ดอลลาร์สหรัฐฯ (15.17 บาท/กก.) เพิ่มขึ้นจากตันละ 423.3 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14.81 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 1.30
ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันถั่วเหลืองสัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 66.38 เซนต์ (50.34 บาท/กก.) ลดลงจากปอนด์ละ 68.79 เซนต์ (53.02 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 0.17
1. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วเหลืองชนิดคละสัปดาห์นี้กิโลกรัมละ 21.50 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งถั่วเหลืองสกัดน้ำมันสัปดาห์นี้กิโลกรัมละ 23.50 บาททรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
ราคาในตลาดต่างประเทศ (ตลาดชิคาโก)
ราคาซื้อขายล่วงหน้าเมล็ดถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 1,492.68 เซนต์ (18.87 บาท/กก.) ลดลงจากบุชเชลละ 1,506.08 เซนต์ (19.36 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 0.99
ราคาซื้อขายล่วงหน้ากากถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 440.84 ดอลลาร์สหรัฐฯ (15.17 บาท/กก.) เพิ่มขึ้นจากตันละ 423.3 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14.81 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 1.30
ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันถั่วเหลืองสัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 66.38 เซนต์ (50.34 บาท/กก.) ลดลงจากปอนด์ละ 68.79 เซนต์ (53.02 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 0.17
ยางพารา
ถั่วเขียว
สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดใหญ่คละ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 28.04 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 28.13 บาท
ในสัปดาห์ก่อน ร้อยละ 0.32
ถั่วเขียวผิวดำคละ และถั่วเขียวผิวมันเมล็ดเล็กคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 34.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 28.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 47.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 32.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 39.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,032.60 ดอลลาร์สหรัฐ (35.12 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 1,008.60 ดอลลาร์สหรัฐ (34.86 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.38 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.26 บาท
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 854.40 ดอลลาร์สหรัฐ (29.06 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 834.60 ดอลลาร์สหรัฐ (28.84 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.37 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.22 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,418.00 ดอลลาร์สหรัฐ (48.23 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 1,385.20 ดอลลาร์สหรัฐ (47.87 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.37 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.36 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 973.00 ดอลลาร์สหรัฐ (33.09 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 950.40 ดอลลาร์สหรัฐ (32.85 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.38 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.24 บาท
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,175.00 ดอลลาร์สหรัฐ (39.96 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 1,147.60 ดอลลาร์สหรัฐ (39.66 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.39 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.30 บาท
ถั่วลิสง
สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ความเคลื่อนไหวของราคาประจำสัปดาห์ มีดังนี้
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกแห้ง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 38.75 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 31.01 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดพิเศษ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 77.50 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดธรรมดา สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 67.50 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ฝ้าย
ไหม
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,929 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 1,919 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.50 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,378 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 1,393 บาท คิดเป็นร้อยละ 1.08 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 3 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 942 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ปศุสัตว์
สุกร
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
ภาวะตลาดสุกรสัปดาห์นี้ ราคาสุกรมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้ลดลง เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตเนื้อสุกรที่ออกสู่ตลาดมีเพิ่มขึ้นแต่ปริมาณการบริโภคลดลง แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
สุกรมีชีวิตพันธุ์ผสมน้ำหนัก 100 กิโลกรัมขึ้นไป ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 71.87 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 73.97 คิดเป็นร้อยละ 2.84 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 82.13 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 71.46 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 69.13 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 71.38 บาท ส่วนราคาลูกสุกรตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 1,400 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งสุกรมีชีวิต ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 64.50 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 69.30 คิดเป็นร้อยละ 6.93 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา
ไก่เนื้อ
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
สัปดาห์นี้ราคาไก่เนื้อมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้ลดลงเล็กน้อยจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากกำลังซื้อของผู้ของผู้บริโภคชะลอตัว แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 44.78 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 45.00 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.49 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 42.00 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 45.29 บาท ภาคใต้ กิโลกรัมละ 43.00 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่เนื้อตามประกาศของบริษัท ซี.พี ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 15.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไก่มีชีวิตหน้าโรงฆ่า จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 41.00 ลดลงจากกิโลกรัมละ 42.50 คิดเป็นร้อยละ 3.53 ราคาขายส่งไก่สดทั้งตัวรวมเครื่องใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 58.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ไข่ไก่
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
สถานการณ์ตลาดไข่ไก่สัปดาห์นี้ ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตไข่ไก่ที่ออกสู่ตลาดสอดรับกับต้องการของผู้บริโภค แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือลดลงเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 357 บาท สูงขึ้นจากร้อยฟองละ 355 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.56 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 346 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 335 บาท ภาคกลางร้อยฟองละ 368 บาท และภาคใต้ไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่ไข่ตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 28.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่ไก่ (เฉลี่ยเบอร์ 0-4) ในตลาดกรุงเทพฯจากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 427 บาท สูงขึ้นจากร้อยฟองละ 416 บาท คิดเป็นร้อยละ 2.64 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา
ไข่เป็ด
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่เป็ดที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 396 ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 412 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 405 บาท ภาคกลางร้อยฟองละ 371 บาท และภาคใต้ร้อยฟองละ 415 บาท
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่เป็ดคละ ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 467 บาท สูงขึ้นจากร้อยฟองละ 457 บาท คิดเป็นร้อยละ 2.19
โคเนื้อ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาโคพันธุ์ลูกผสม (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 90.40 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 90.15 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.28 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 100. 27 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 86.76 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 75.11 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 108.64 บาท
กระบือ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคากระบือ (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 70.63 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 69.97 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.94 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 96.67 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 65.61 บาท ภาคกลางและภาคใต้ไม่มีรายงาน
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
ภาวะตลาดสุกรสัปดาห์นี้ ราคาสุกรมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้ลดลง เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตเนื้อสุกรที่ออกสู่ตลาดมีเพิ่มขึ้นแต่ปริมาณการบริโภคลดลง แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
สุกรมีชีวิตพันธุ์ผสมน้ำหนัก 100 กิโลกรัมขึ้นไป ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 71.87 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 73.97 คิดเป็นร้อยละ 2.84 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 82.13 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 71.46 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 69.13 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 71.38 บาท ส่วนราคาลูกสุกรตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 1,400 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งสุกรมีชีวิต ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 64.50 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 69.30 คิดเป็นร้อยละ 6.93 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา
ไก่เนื้อ
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
สัปดาห์นี้ราคาไก่เนื้อมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้ลดลงเล็กน้อยจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากกำลังซื้อของผู้ของผู้บริโภคชะลอตัว แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 44.78 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 45.00 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.49 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 42.00 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 45.29 บาท ภาคใต้ กิโลกรัมละ 43.00 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่เนื้อตามประกาศของบริษัท ซี.พี ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 15.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไก่มีชีวิตหน้าโรงฆ่า จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 41.00 ลดลงจากกิโลกรัมละ 42.50 คิดเป็นร้อยละ 3.53 ราคาขายส่งไก่สดทั้งตัวรวมเครื่องใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 58.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ไข่ไก่
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
สถานการณ์ตลาดไข่ไก่สัปดาห์นี้ ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตไข่ไก่ที่ออกสู่ตลาดสอดรับกับต้องการของผู้บริโภค แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือลดลงเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 357 บาท สูงขึ้นจากร้อยฟองละ 355 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.56 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 346 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 335 บาท ภาคกลางร้อยฟองละ 368 บาท และภาคใต้ไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่ไข่ตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 28.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่ไก่ (เฉลี่ยเบอร์ 0-4) ในตลาดกรุงเทพฯจากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 427 บาท สูงขึ้นจากร้อยฟองละ 416 บาท คิดเป็นร้อยละ 2.64 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา
ไข่เป็ด
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่เป็ดที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 396 ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 412 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 405 บาท ภาคกลางร้อยฟองละ 371 บาท และภาคใต้ร้อยฟองละ 415 บาท
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่เป็ดคละ ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 467 บาท สูงขึ้นจากร้อยฟองละ 457 บาท คิดเป็นร้อยละ 2.19
โคเนื้อ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาโคพันธุ์ลูกผสม (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 90.40 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 90.15 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.28 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 100. 27 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 86.76 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 75.11 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 108.64 บาท
กระบือ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคากระบือ (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 70.63 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 69.97 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.94 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 96.67 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 65.61 บาท ภาคกลางและภาคใต้ไม่มีรายงาน
ประมง
สถานการณ์การผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
1. การผลิต
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (ระหว่างวันที่ 17 - 23 กรกฎาคม 2566) ไม่มีรายงานปริมาณจากองค์การสะพานปลากรุงเทพฯ
2. การตลาด
ความเคลื่อนไหวของราคาสัตว์น้ำที่สำคัญประจำสัปดาห์นี้มีดังนี้
2.1 ปลาดุกบิ๊กอุย (ขนาด 3 - 4 ตัว/กก.)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 62.59 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 62.65 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.06 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคลดลง
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 80.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.2 ปลาช่อน (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 76.63 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 76.73 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.10 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคลดลง
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 130.00 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 124.00 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 6.00 บาท
2.3 กุ้งกุลาดำ
ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาด 60 ตัวต่อกิโลกรัมและราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาดกลาง (60 ตัว/กก.) ไม่มีรายงานราคา
2.4 กุ้งขาวแวนนาไม
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 115.24 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 114.23 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 1.01 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้น
สำหรับราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 115.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.5 ปลาทู (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 70.35 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 69.18 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 1.17 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้น
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 90.00 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 92.00 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 2.00 บาท
2.6 ปลาหมึกกระดอง (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 240.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.7 ปลาเป็ดและปลาป่น
ราคาปลาเป็ดที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 7.11 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับราคาปลาป่นขายส่งกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ปลาป่นชนิดโปรตีน 60% ขึ้นไป ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 43.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา และปลาป่นชนิดโปรตีนต่ำกว่า 60% ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 38.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
1. การผลิต
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (ระหว่างวันที่ 17 - 23 กรกฎาคม 2566) ไม่มีรายงานปริมาณจากองค์การสะพานปลากรุงเทพฯ
2. การตลาด
ความเคลื่อนไหวของราคาสัตว์น้ำที่สำคัญประจำสัปดาห์นี้มีดังนี้
2.1 ปลาดุกบิ๊กอุย (ขนาด 3 - 4 ตัว/กก.)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 62.59 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 62.65 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.06 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคลดลง
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 80.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.2 ปลาช่อน (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 76.63 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 76.73 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.10 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคลดลง
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 130.00 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 124.00 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 6.00 บาท
2.3 กุ้งกุลาดำ
ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาด 60 ตัวต่อกิโลกรัมและราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาดกลาง (60 ตัว/กก.) ไม่มีรายงานราคา
2.4 กุ้งขาวแวนนาไม
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 115.24 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 114.23 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 1.01 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้น
สำหรับราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 115.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.5 ปลาทู (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 70.35 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 69.18 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 1.17 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้น
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 90.00 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 92.00 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 2.00 บาท
2.6 ปลาหมึกกระดอง (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 240.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.7 ปลาเป็ดและปลาป่น
ราคาปลาเป็ดที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 7.11 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับราคาปลาป่นขายส่งกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ปลาป่นชนิดโปรตีน 60% ขึ้นไป ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 43.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา และปลาป่นชนิดโปรตีนต่ำกว่า 60% ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 38.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา