- ข้อมูลเศรษฐกิจการเกษตร
- ภาวะเศรษฐกิจการเกษตร
- รายละเอียดภาวะเศรษฐกิจการเกษตร
ข้อมูลเศรษฐกิจการเกษตร
สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์ 26 กุมภาพันธ์ - 3 มีนาคม 2567
ข้าว
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
1.1 การผลิต
1) ข้าวนาปี ปี 2566/67 สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) คาดการณ์ข้อมูล ณ เดือนพฤศจิกายน 2566 มีเนื้อที่เพาะปลูก 61.928 ล้านไร่ ผลผลิต 25.569 ล้านตันข้าวเปลือก และผลผลิตต่อไร่ 413 กิโลกรัม ลดลง จากปี 2565/66 ร้อยละ 1.45 ร้อยละ 4.28 และร้อยละ 2.82 ตามลำดับ เนื้อที่เพาะปลูกลดลง เนื่องจากปรากฏการณ์เอลนีโญทำให้เกิดภาวะฝนทิ้งช่วง ขาดแคลนน้ำ ส่งผลให้เกษตรกรในบางพื้นที่ปล่อยที่นาให้ว่าง และบางพื้นที่ปลูกข้าวนาปีได้เพียงรอบเดียว สำหรับผลผลิตต่อไร่ลดลง เนื่องจากปริมาณน้ำฝนน้อย ส่งผลต่อการงอกของต้นกล้า และการสร้างรวงของต้นข้าวที่เติบโตได้ไม่เต็มที่ ประกอบกับบางพื้นที่พบโรคและแมลงศัตรูพืชระบาด เช่น โรคไหม้คอรวง เพลี้ยไฟ เป็นต้น ส่งผลให้ในภาพรวมผลผลิตทั้งประเทศลดลง
คาดการณ์ผลผลิตเริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2566 - พฤษภาคม 2567 โดยผลผลิตออกสู่ตลาดเดือนมีนาคม 2567 ปริมาณ 0.045 ล้านตันข้าวเปลือก คิดเป็นร้อยละ 0.17 ของผลผลิตข้าวนาปีทั้งหมด และคาดว่าเหลือผลผลิตในเดือนเมษายน - พฤษภาคม 2567 อีก 0.070 ล้านตันข้าวเปลือก คิดเป็นร้อยละ 0.27 ของผลผลิตข้าวนาปีทั้งหมด
2) ข้าวนาปรัง ปี 2567 สศก. คาดการณ์ข้อมูล ณ เดือนพฤศจิกายน 2566 มีเนื้อที่เพาะปลูก 9.877 ล้านไร่ ผลผลิต 6.351 ล้านตันข้าวเปลือก และผลผลิตต่อไร่ 643 กิโลกรัม ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 6.88 ร้อยละ 8.19 และร้อยละ 1.38 ตามลำดับ เนื้อที่เพาะปลูกลดลง เนื่องจากปรากฎการณ์เอลนีโญทำให้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำส่วนใหญ่และปริมาณน้ำตามแหล่งน้ำธรรมชาติน้อยกว่าปี 2566 ส่งผลให้น้ำต้นทุนไม่เพียงพอ เกษตรกรบางพื้นที่จึงปล่อยที่นาให้ว่าง สำหรับผลผลิตต่อไร่คาดว่าลดลง เนื่องจากปริมาณน้ำไม่เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของต้นข้าว
คาดการณ์ผลผลิตเริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ - ตุลาคม 2567 โดยเดือนมีนาคม 2567 ผลผลิตออกสู่ตลาด ปริมาณ 2.037 ล้านตันข้าวเปลือก คิดเป็นร้อยละ 32.08 ของผลผลิตข้าวนาปรังทั้งหมด ทั้งนี้ ผลผลิต จะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนมีนาคม - เมษายน 2567 ปริมาณรวม 4.260 ล้านตันข้าวเปลือก หรือคิดเป็น ร้อยละ 67.08 ของผลผลิตข้าวนาปรังทั้งหมด
1.2 การตลาด
มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2566/67 มติคณะรัฐมนตรีเห็นชอบ จำนวน 4 โครงการ ดังนี้
1) โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2566/67 โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรในพื้นที่ปลูกข้าวทั่วประเทศ เพื่อชะลอข้าวเปลือกไว้ในยุ้งฉางของเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร เป้าหมายจำนวน 3 ล้านตันข้าวเปลือก วงเงินสินเชื่อต่อตัน จำแนกเป็น ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 12,000 บาท ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 10,500 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 10,000 บาท ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 9,000 บาท และข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ตันละ 10,000 บาท โดยเกษตรกรที่เก็บข้าวเปลือกในยุ้งฉางตนเอง จะได้รับค่าฝากเก็บและรักษาคุณภาพข้าวเปลือกในอัตราตันละ 1,500 บาท สำหรับสถาบันเกษตรกรที่รับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้รับในอัตราตันละ 1,000 บาท และเกษตรกรผู้ขายข้าวเปลือก ได้รับในอัตราตันละ 500 บาท
2) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปีการผลิต 2566/67
โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อแก่สถาบันเกษตรกร ประกอบด้วย สหกรณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และศูนย์ข้าวชุมชน เพื่อรวบรวมข้าวเปลือกจำหน่าย และ/หรือเพื่อการแปรรูป เป้าหมาย 1 ล้านตันข้าวเปลือก วงเงินสินเชื่อ 10,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4.85 ต่อปี โดยสถาบันเกษตรกรรับภาระดอกเบี้ย ร้อยละ 1 ต่อปี รัฐบาลรับภาระชดเชยดอกเบี้ยให้สถาบันเกษตรกรร้อยละ 3.85 ต่อปี
3) โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2566/67 โดย ธ.ก.ส. ดำเนินการจ่ายเงินให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปีที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร ในอัตราไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 20 ไร่ หรือครัวเรือนละไม่เกิน 20,000 บาท
4) โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต 2566/67 เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการรับซื้อข้าวเปลือกเพื่อเก็บสต็อกในรูปข้าวเปลือกและข้าวสาร เป้าหมาย 4 ล้านตันข้าวเปลือก ระยะเวลารับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกร ตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 – 31 มีนาคท 2567 (ภาคใต้ 1 มกราคม - 30 มิถุนายน 2567) และเก็บสต็อกในรูปข้าวเปลือกและข้าวสารระยะเวลาการเก็บสต็อกอย่างน้อย 60 - 180 วัน (2 - 6 เดือน) นับแต่วันที่รับซื้อ โดยรัฐชดเชยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 4
1.3 ราคา
1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ
ข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 14,277 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 14,255 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.16
ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 11,806 บาท ราคาลดลงจากตันละ 11,891 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.71
2) ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 31,850 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ข้าวขาว 5% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 20,850 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 20,450 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.96
3) ราคาส่งออกเอฟโอบี
ข้าวหอมมะลิไทย 100% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 870 ดอลลาร์สหรัฐฯ (31,025 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 872 ดอลลาร์สหรัฐฯ (31,149 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.23 และลดลงในรูปเงินบาทตันละ 124 บาท
ข้าวขาว 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 625 ดอลลาร์สหรัฐฯ (22,288 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตัน 618 ดอลลาร์สหรัฐฯ (22,076 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.13 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 212 บาท
ข้าวนึ่ง 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 623 ดอลลาร์สหรัฐฯ (22,217 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 624 ดอลลาร์สหรัฐฯ (22,290 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.16 และลดลงในรูปเงินบาทตันละ 73 บาท
หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 35.6614 บาท
2. สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ
2.1 เวียดนาม-อินเดีย
เวียดนามเป็นประเทศผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่อันดับสามของโลก นำเข้าข้าวกล้องจากอินเดียเฉลี่ยเดือนละ 70,000 ตัน เพื่อแปรรูปส่งออกเป็นข้าวขาว ซึ่งในช่วงเดือนธันวาคม 2566 - กุมภาพันธ์ 2567 นำเข้าข้าวกล้องแล้วประมาณ 200,000 ตัน ทั้งนี้ เวียดนามได้รับคำสั่งซื้อข้าวจากต่างประเทศเป็นจำนวนมากหลังจากที่อินเดียซึ่งเป็นประเทศผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ที่สุดของโลกได้ประกาศระงับการส่งออกข้าวขาวตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2566 ส่งผลให้ การส่งออกข้าวของเวียดนามในปี 2566 เพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ที่ปริมาณ 8.3 ล้านตัน
ด้านผู้ส่งออกในเมืองโกลกาตาของอินเดียกล่าวว่า การส่งออกข้าวของเวียดนามที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้ข้าวในสต็อกเริ่มลดลง ประกอบกับผลผลิตที่เก็บเกี่ยวได้ในช่วงนี้มีปริมาณไม่เพียงพอสำหรับการเดินเครื่องจักรเพื่อสีแปรสภาพข้าว ส่งผลให้ผู้ค้าข้าวของเวียดนามบางรายต้องนำเข้าข้าวกล้องจากอินเดียมาแปรรูปเป็นข้าวขาว โดยราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี.ข้าวกล้องอินเดีย ตันละ 500 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ตันละ 17,830.70 บาท) ขณะที่ผู้ค้าเวียดนามสามารถส่งออกข้าวขาวได้ราคาสูงกว่าที่ตันละ 600 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ตันละ 21,396.84 บาท) อย่างไรก็ตามผลผลิตข้าวฤดูกาลใหม่ของเวียดนามกำลังทยอยออกสู่ตลาด และคาดว่าราคาข้าวของเวียดนามยังคงสูงกว่าราคาข้าวของอินเดีย
ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์
หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 35.6614 บาท
2.2 อินโดนีเซีย
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า หน่วยงานกำกับดูแลและควบคุมปริมาณและราคาข้าวของอินโดนีเซีย (BULOG) ได้ออกประกาศการประมูลข้าวระหว่างประเทศเพื่อซื้อข้าวขาว 5% จากปีการเพาะปลูก 2566/67 จำนวน 300,000 ตัน ซึ่งเป็นข้าวที่ผ่านการสีแปรสภาพไม่เกิน 6 เดือน บรรจุถุง ขนส่งโดยเรือเดินสมุทร และเชิญชวนให้ผู้เข้าร่วมประมูลเสนอข้อเสนอในแต่ละรายการตั้งแต่ 30,000 - 32,500 ตัน กำหนดให้ลงทะเบียนเข้าร่วมประกวดราคาในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2567 และสามารถส่งข้อเสนอราคาเริ่มต้นภายในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2567 โดยหน่วยงาน BULOG จะเริ่มการเจรจาด้านราคา และคาดว่าจะประกาศผลผู้ชนะการประมูลช่วงต้นเดือนมีนาคม 2567 รวมทั้งกําหนดให้มีการส่งมอบข้าวถึงอินโดนีเซียภายในวันที่ 30 เมษายน 2567
ทั้งนี้ ในปี 2567 รัฐบาลคาดว่าจะผลิตข้าวได้ประมาณ 32 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 30.9 ล้านตัน ในปี 2566 ซึ่งในช่วงนี้เกษตรกรเริ่มทยอยเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวฤดูกาลใหม่หลังจากที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งเมื่อปี 2566 ที่ทำให้เกิดภาวะฝนตกน้อยกว่าเกณฑ์ปกติในหมู่เกาะชวาแหล่งปลูกข้าวที่สำคัญของประเทศ โดยคาดว่าผลผลิตข้าวในช่วงเดือนมกราคม - มีนาคม 2567 จะลดลงประมาณ 2.82 ล้านตัน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ร้านค้าขายปลีกกำหนดราคาขายข้าวสารในระดับที่สูงกว่าที่รัฐบาลกำหนด เนื่องจาก มีความกังวลเรื่องอุปทานข้าวในตลาด
ที่มา สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย
1.1 การผลิต
1) ข้าวนาปี ปี 2566/67 สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) คาดการณ์ข้อมูล ณ เดือนพฤศจิกายน 2566 มีเนื้อที่เพาะปลูก 61.928 ล้านไร่ ผลผลิต 25.569 ล้านตันข้าวเปลือก และผลผลิตต่อไร่ 413 กิโลกรัม ลดลง จากปี 2565/66 ร้อยละ 1.45 ร้อยละ 4.28 และร้อยละ 2.82 ตามลำดับ เนื้อที่เพาะปลูกลดลง เนื่องจากปรากฏการณ์เอลนีโญทำให้เกิดภาวะฝนทิ้งช่วง ขาดแคลนน้ำ ส่งผลให้เกษตรกรในบางพื้นที่ปล่อยที่นาให้ว่าง และบางพื้นที่ปลูกข้าวนาปีได้เพียงรอบเดียว สำหรับผลผลิตต่อไร่ลดลง เนื่องจากปริมาณน้ำฝนน้อย ส่งผลต่อการงอกของต้นกล้า และการสร้างรวงของต้นข้าวที่เติบโตได้ไม่เต็มที่ ประกอบกับบางพื้นที่พบโรคและแมลงศัตรูพืชระบาด เช่น โรคไหม้คอรวง เพลี้ยไฟ เป็นต้น ส่งผลให้ในภาพรวมผลผลิตทั้งประเทศลดลง
คาดการณ์ผลผลิตเริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2566 - พฤษภาคม 2567 โดยผลผลิตออกสู่ตลาดเดือนมีนาคม 2567 ปริมาณ 0.045 ล้านตันข้าวเปลือก คิดเป็นร้อยละ 0.17 ของผลผลิตข้าวนาปีทั้งหมด และคาดว่าเหลือผลผลิตในเดือนเมษายน - พฤษภาคม 2567 อีก 0.070 ล้านตันข้าวเปลือก คิดเป็นร้อยละ 0.27 ของผลผลิตข้าวนาปีทั้งหมด
2) ข้าวนาปรัง ปี 2567 สศก. คาดการณ์ข้อมูล ณ เดือนพฤศจิกายน 2566 มีเนื้อที่เพาะปลูก 9.877 ล้านไร่ ผลผลิต 6.351 ล้านตันข้าวเปลือก และผลผลิตต่อไร่ 643 กิโลกรัม ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 6.88 ร้อยละ 8.19 และร้อยละ 1.38 ตามลำดับ เนื้อที่เพาะปลูกลดลง เนื่องจากปรากฎการณ์เอลนีโญทำให้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำส่วนใหญ่และปริมาณน้ำตามแหล่งน้ำธรรมชาติน้อยกว่าปี 2566 ส่งผลให้น้ำต้นทุนไม่เพียงพอ เกษตรกรบางพื้นที่จึงปล่อยที่นาให้ว่าง สำหรับผลผลิตต่อไร่คาดว่าลดลง เนื่องจากปริมาณน้ำไม่เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของต้นข้าว
คาดการณ์ผลผลิตเริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ - ตุลาคม 2567 โดยเดือนมีนาคม 2567 ผลผลิตออกสู่ตลาด ปริมาณ 2.037 ล้านตันข้าวเปลือก คิดเป็นร้อยละ 32.08 ของผลผลิตข้าวนาปรังทั้งหมด ทั้งนี้ ผลผลิต จะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนมีนาคม - เมษายน 2567 ปริมาณรวม 4.260 ล้านตันข้าวเปลือก หรือคิดเป็น ร้อยละ 67.08 ของผลผลิตข้าวนาปรังทั้งหมด
1.2 การตลาด
มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2566/67 มติคณะรัฐมนตรีเห็นชอบ จำนวน 4 โครงการ ดังนี้
1) โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2566/67 โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรในพื้นที่ปลูกข้าวทั่วประเทศ เพื่อชะลอข้าวเปลือกไว้ในยุ้งฉางของเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร เป้าหมายจำนวน 3 ล้านตันข้าวเปลือก วงเงินสินเชื่อต่อตัน จำแนกเป็น ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 12,000 บาท ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 10,500 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 10,000 บาท ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 9,000 บาท และข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ตันละ 10,000 บาท โดยเกษตรกรที่เก็บข้าวเปลือกในยุ้งฉางตนเอง จะได้รับค่าฝากเก็บและรักษาคุณภาพข้าวเปลือกในอัตราตันละ 1,500 บาท สำหรับสถาบันเกษตรกรที่รับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้รับในอัตราตันละ 1,000 บาท และเกษตรกรผู้ขายข้าวเปลือก ได้รับในอัตราตันละ 500 บาท
2) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปีการผลิต 2566/67
โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อแก่สถาบันเกษตรกร ประกอบด้วย สหกรณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และศูนย์ข้าวชุมชน เพื่อรวบรวมข้าวเปลือกจำหน่าย และ/หรือเพื่อการแปรรูป เป้าหมาย 1 ล้านตันข้าวเปลือก วงเงินสินเชื่อ 10,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4.85 ต่อปี โดยสถาบันเกษตรกรรับภาระดอกเบี้ย ร้อยละ 1 ต่อปี รัฐบาลรับภาระชดเชยดอกเบี้ยให้สถาบันเกษตรกรร้อยละ 3.85 ต่อปี
3) โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2566/67 โดย ธ.ก.ส. ดำเนินการจ่ายเงินให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปีที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร ในอัตราไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 20 ไร่ หรือครัวเรือนละไม่เกิน 20,000 บาท
4) โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต 2566/67 เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการรับซื้อข้าวเปลือกเพื่อเก็บสต็อกในรูปข้าวเปลือกและข้าวสาร เป้าหมาย 4 ล้านตันข้าวเปลือก ระยะเวลารับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกร ตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 – 31 มีนาคท 2567 (ภาคใต้ 1 มกราคม - 30 มิถุนายน 2567) และเก็บสต็อกในรูปข้าวเปลือกและข้าวสารระยะเวลาการเก็บสต็อกอย่างน้อย 60 - 180 วัน (2 - 6 เดือน) นับแต่วันที่รับซื้อ โดยรัฐชดเชยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 4
1.3 ราคา
1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ
ข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 14,277 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 14,255 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.16
ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 11,806 บาท ราคาลดลงจากตันละ 11,891 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.71
2) ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 31,850 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ข้าวขาว 5% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 20,850 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 20,450 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.96
3) ราคาส่งออกเอฟโอบี
ข้าวหอมมะลิไทย 100% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 870 ดอลลาร์สหรัฐฯ (31,025 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 872 ดอลลาร์สหรัฐฯ (31,149 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.23 และลดลงในรูปเงินบาทตันละ 124 บาท
ข้าวขาว 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 625 ดอลลาร์สหรัฐฯ (22,288 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตัน 618 ดอลลาร์สหรัฐฯ (22,076 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.13 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 212 บาท
ข้าวนึ่ง 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 623 ดอลลาร์สหรัฐฯ (22,217 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 624 ดอลลาร์สหรัฐฯ (22,290 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.16 และลดลงในรูปเงินบาทตันละ 73 บาท
หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 35.6614 บาท
2. สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ
2.1 เวียดนาม-อินเดีย
เวียดนามเป็นประเทศผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่อันดับสามของโลก นำเข้าข้าวกล้องจากอินเดียเฉลี่ยเดือนละ 70,000 ตัน เพื่อแปรรูปส่งออกเป็นข้าวขาว ซึ่งในช่วงเดือนธันวาคม 2566 - กุมภาพันธ์ 2567 นำเข้าข้าวกล้องแล้วประมาณ 200,000 ตัน ทั้งนี้ เวียดนามได้รับคำสั่งซื้อข้าวจากต่างประเทศเป็นจำนวนมากหลังจากที่อินเดียซึ่งเป็นประเทศผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ที่สุดของโลกได้ประกาศระงับการส่งออกข้าวขาวตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2566 ส่งผลให้ การส่งออกข้าวของเวียดนามในปี 2566 เพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ที่ปริมาณ 8.3 ล้านตัน
ด้านผู้ส่งออกในเมืองโกลกาตาของอินเดียกล่าวว่า การส่งออกข้าวของเวียดนามที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้ข้าวในสต็อกเริ่มลดลง ประกอบกับผลผลิตที่เก็บเกี่ยวได้ในช่วงนี้มีปริมาณไม่เพียงพอสำหรับการเดินเครื่องจักรเพื่อสีแปรสภาพข้าว ส่งผลให้ผู้ค้าข้าวของเวียดนามบางรายต้องนำเข้าข้าวกล้องจากอินเดียมาแปรรูปเป็นข้าวขาว โดยราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี.ข้าวกล้องอินเดีย ตันละ 500 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ตันละ 17,830.70 บาท) ขณะที่ผู้ค้าเวียดนามสามารถส่งออกข้าวขาวได้ราคาสูงกว่าที่ตันละ 600 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ตันละ 21,396.84 บาท) อย่างไรก็ตามผลผลิตข้าวฤดูกาลใหม่ของเวียดนามกำลังทยอยออกสู่ตลาด และคาดว่าราคาข้าวของเวียดนามยังคงสูงกว่าราคาข้าวของอินเดีย
ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์
หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 35.6614 บาท
2.2 อินโดนีเซีย
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า หน่วยงานกำกับดูแลและควบคุมปริมาณและราคาข้าวของอินโดนีเซีย (BULOG) ได้ออกประกาศการประมูลข้าวระหว่างประเทศเพื่อซื้อข้าวขาว 5% จากปีการเพาะปลูก 2566/67 จำนวน 300,000 ตัน ซึ่งเป็นข้าวที่ผ่านการสีแปรสภาพไม่เกิน 6 เดือน บรรจุถุง ขนส่งโดยเรือเดินสมุทร และเชิญชวนให้ผู้เข้าร่วมประมูลเสนอข้อเสนอในแต่ละรายการตั้งแต่ 30,000 - 32,500 ตัน กำหนดให้ลงทะเบียนเข้าร่วมประกวดราคาในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2567 และสามารถส่งข้อเสนอราคาเริ่มต้นภายในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2567 โดยหน่วยงาน BULOG จะเริ่มการเจรจาด้านราคา และคาดว่าจะประกาศผลผู้ชนะการประมูลช่วงต้นเดือนมีนาคม 2567 รวมทั้งกําหนดให้มีการส่งมอบข้าวถึงอินโดนีเซียภายในวันที่ 30 เมษายน 2567
ทั้งนี้ ในปี 2567 รัฐบาลคาดว่าจะผลิตข้าวได้ประมาณ 32 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 30.9 ล้านตัน ในปี 2566 ซึ่งในช่วงนี้เกษตรกรเริ่มทยอยเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวฤดูกาลใหม่หลังจากที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งเมื่อปี 2566 ที่ทำให้เกิดภาวะฝนตกน้อยกว่าเกณฑ์ปกติในหมู่เกาะชวาแหล่งปลูกข้าวที่สำคัญของประเทศ โดยคาดว่าผลผลิตข้าวในช่วงเดือนมกราคม - มีนาคม 2567 จะลดลงประมาณ 2.82 ล้านตัน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ร้านค้าขายปลีกกำหนดราคาขายข้าวสารในระดับที่สูงกว่าที่รัฐบาลกำหนด เนื่องจาก มีความกังวลเรื่องอุปทานข้าวในตลาด
ที่มา สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
ราคาข้าวโพดในประเทศช่วงสัปดาห์นี้ มีดังนี้
ราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นไม่เกิน 14.5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 8.77 บาท เพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 8.73 บาท ของสัปดาห์ก่อน ร้อยละ 0.46 และราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นเกิน 14.5%
สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 6.73 เพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 6.72 บาท ของสัปดาห์ก่อน ร้อยละ 0.15
ราคาข้าวโพดขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ ที่โรงงานอาหารสัตว์รับซื้อ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 10.29 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 10.30 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.10 ส่วนราคาขายส่งไซโลรับซื้อสัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี. สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 293.00 ดอลลาร์สหรัฐ (10,440.00 บาท/ตัน) ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อนตันละ 293.00 ดอลลาร์สหรัฐ (10,452.00 บาท/ตัน) แต่ลดลงในรูปของเงินบาท ตันละ 12.00 บาท
ราคาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดชิคาโกเดือนพฤษภาคม 2567 ข้าวโพดเมล็ดเหลืองอเมริกันชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 411.00 เซนต์ (5,842.00 บาท/ตัน) เพิ่มขึ้นจากบุชเชลละ 409.00 เซนต์ (5,817.00 บาท/ตัน)
ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.49 และเพิ่มขึ้นในรูปของเงินบาทตันละ 25.00 บาท
มันสำปะหลัง
สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
การผลิต
ผลผลิตมันสำปะหลังปี 2567 (เริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566 – กันยายน 2567) คาดว่ามีพื้นที่เก็บเกี่ยว 9.049 ล้านไร่ ผลผลิต 27.941 ล้านตัน และผลผลิตต่อไร่ 3.088 ตัน เมื่อเทียบกับปี 2566 ที่มีพื้นที่เก็บเกี่ยว 9.350 ล้านไร่ ผลผลิต 30.732 ล้านตัน และผลผลิตต่อไร่ 3.287 ตัน
พบว่า พื้นที่เก็บเกี่ยว ผลผลิต และผลผลิตต่อไร่ ลดลงร้อยละ 3.22 ร้อยละ 9.08 และร้อยละ 6.05 ตามลำดับ โดยเดือนกุมภาพันธ์ 2567 คาดว่าจะมีผลผลิตออกสู่ตลาด 5.518 ล้านตัน (ร้อยละ 19.75 ของผลผลิตทั้งหมด)
ทั้งนี้ผลผลิตมันสำปะหลังปี 2567 จะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนมกราคม – มีนาคม 2567 ปริมาณ 16.452 ล้านตัน (ร้อยละ 58.88 ของผลผลิตทั้งหมด)
การตลาด
ผลผลิตมันสำปะหลังเริ่มทยอยออกสู่ตลาด แต่ยังมีปริมาณน้อยไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้ประกอบการ ทำให้ราคาหัวมันสำปะหลังสดอยู่ในระดับสูง
ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศประจำสัปดาห์ สรุปได้ดังนี้
ราคาหัวมันสำปะหลังสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 3.11 บาท ราคาเพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 3.10 บาท ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.32
ราคามันเส้นสัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 7.55 บาท ราคาเพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 7.51 บาท ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.53
ราคาขายส่งในประเทศ
ราคาขายส่งมันเส้น (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต จ.ชลบุรี และ จ.อยุธยา) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ8.36 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 8.09 บาท ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 3.34
ราคาขายส่งแป้งมันสำปะหลังชั้นพิเศษ (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขตกรุงเทพ และปริมณฑล) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 19.09 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 19.05 บาท ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.21
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ราคาส่งออกมันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 251.25 ดอลลาร์สหรัฐฯ (9,030 บาทต่อตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 250 ดอลลาร์สหรัฐฯ (9,010 บาทต่อตัน) ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.50
ราคาส่งออกแป้งมันสำปะหลัง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 572.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ (20,580 บาทต่อตัน) ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน 572.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ (20,620 บาทต่อตัน)
ปาล์มน้ำมัน
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร คาดว่าปี 2567 ผลผลิตปาล์มน้ำมันเดือนกุมภาพันธ์จะมีประมาณ 1.315 ล้านตัน คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.237 ล้านตัน สูงขึ้นจากผลผลิตปาล์มทะลาย 1.063 ล้านตัน
คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.191 ล้านตันของเดือนมกราคม คิดเป็นร้อยละ 23.71 และร้อยละ 24.08 ตามลำดับ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาผลปาล์มทะลาย สัปดาห์นี้เฉลี่ย กก.ละ 5.26 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 5.74 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 8.36
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาน้ำมันปาล์มดิบ สัปดาห์นี้เฉลี่ย กก.ละ 32.00 บาท ลดลงจาก กก.ละ 32.45 บาท ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 1.39
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
สถานการณ์ในต่างประเทศ
ราคาซื้อขายน้ำมันปาล์มล่วงหน้าตลาดมาเลเซียปรับตัวสูงขึ้นตามราคาน้ำมันพืชคู่แข่ง ในด้านการส่งออกน้ำมันปาล์มและผลิตภัณฑ์ของมาเลเซียในเดือนกุมภาพันธ์
พบว่า มีปริมาณส่งออกลดลงร้อยละ 14 จากเดือนที่ผ่านมา โดยลดลงไปอยู่ที่ 1.106 ล้านตัน
ราคาในตลาดต่างประเทศ
ตลาดมาเลเซีย ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 4,004.15 ริงกิตมาเลเซีย (30.64 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 3,966.06 ริงกิตมาเลเซีย (30.23 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 0.96
ตลาดรอตเตอร์ดัม ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,007.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ (36.35 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 992.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (35.85 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 1.56
หมายเหตุ : ราคาในตลาดต่างประเทศเฉลี่ย 5 วัน
อ้อยและน้ำตาล
- สรุปภาวะการผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
- สรุปภาวะการผลิต การตลาดและราคาในต่างประเทศ
- สมาพันธ์สหกรณ์โรงงานน้ำตาลแห่งรัฐมหาราษฏระ (Maharashtra) ของประเทศอินเดีย กล่าวว่า รัฐบาลอินเดีย จำเป็นต้องเพิ่มราคาสนับสนุนน้ำตาลขั้นต่ำ (MSP) เพื่อช่วยให้โรงงานน้ำตาลได้รับเงินกู้ และหลีกเลี่ยงการปิดตัวอย่างถาวรของโรงงานน้ำตาลอันเป็นผลมาจากราคาอ้อยที่สูงขึ้น ด้านผู้ค้า กล่าวว่า ราคาน้ำตาลของรัฐมหาราษฏระยังคงทรงตัว เนื่องจากโรงงานน้ำตาลต่างรอการประกาศโควตาเดือนมีนาคม 2567
- องค์การน้ำตาลระหว่างประเทศ (ISO) ได้ปรับเพิ่มประมาณการน้ำตาลโลกส่วนขาด (Deficit) ในปี 2566/2567 เป็น 689,000 ตัน สูงขึ้นจากที่คาดการณ์ไว้ในเดือนพฤศจิกายน 2566 ที่ 335,000 ตัน และประมาณการน้ำตาลโลกส่วนเกิน (Surplus) ในปี 2565/2566 ที่ 308,000 ตัน โดย ISO คาดการณ์ว่า ปริมาณผลผลิตน้ำตาลในปี 2566/2567 ของบราซิล เพิ่มขึ้นจาก 43.07 ล้านตัน เป็น 44.52 ล้านตัน ในขณะที่การคาดการณ์ปริมาณน้ำตาลของไทยลดลงจาก 9.48 ล้านตัน เหลือ 8.24 ล้านตัน
ถั่วเหลือง
1. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
สัปดาห์นี้ไม่มีการรายงานราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
สัปดาห์นี้ไม่มีการรายงานราคาขายส่งถั่วเหลืองสกัดน้ำมัน
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
ราคาในตลาดต่างประเทศ (ตลาดชิคาโก)
ราคาซื้อขายล่วงหน้าเมล็ดถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 1,134.48 เซนต์ (15.04 บาท/กก.) ลดลงจากบุชเชลละ 1,155.05 เซนต์ (15.34 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 1.78
ราคาซื้อขายล่วงหน้ากากถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 332.16 ดอลลาร์สหรัฐฯ (11.98 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 339 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12.25 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 2.02
ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันถั่วเหลืองสัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 46.65 เซนต์ (35.51 บาท/กก.) เพิ่มขึ้นจากปอนด์ละ 46.62 เซนต์ (35.54 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 0.07
1. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
สัปดาห์นี้ไม่มีการรายงานราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
สัปดาห์นี้ไม่มีการรายงานราคาขายส่งถั่วเหลืองสกัดน้ำมัน
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
ราคาในตลาดต่างประเทศ (ตลาดชิคาโก)
ราคาซื้อขายล่วงหน้าเมล็ดถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 1,134.48 เซนต์ (15.04 บาท/กก.) ลดลงจากบุชเชลละ 1,155.05 เซนต์ (15.34 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 1.78
ราคาซื้อขายล่วงหน้ากากถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 332.16 ดอลลาร์สหรัฐฯ (11.98 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 339 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12.25 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 2.02
ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันถั่วเหลืองสัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 46.65 เซนต์ (35.51 บาท/กก.) เพิ่มขึ้นจากปอนด์ละ 46.62 เซนต์ (35.54 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 0.07
ยางพารา
ถั่วเขียว
สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดใหญ่คละ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 25.00 บาท
ถั่วเขียวผิวดำคละ และถั่วเขียวผิวมันเมล็ดเล็กคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 34.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 26.50 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 26.00 บาท ในสัปดาห์ก่อน ร้อยละ 1.92
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 48.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 32.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 26.50 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 26.00 บาท ในสัปดาห์ก่อน ร้อยละ 1.92
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 982.75 ดอลลาร์สหรัฐ (35.04 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 980.20 ดอลลาร์สหรัฐ (35.01 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.26 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.03 บาท
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 771.00 ดอลลาร์สหรัฐ (27.49 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 754.00 ดอลลาร์สหรัฐ (26.93 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.25 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.56 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,378.00 ดอลลาร์สหรัฐ (49.14 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 1,374.80 ดอลลาร์สหรัฐ (49.11 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.23 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.03 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 926.50 ดอลลาร์สหรัฐ (33.04 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 924.00 ดอลลาร์สหรัฐ (33.01 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.27 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.03 บาท
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 765.50 ดอลลาร์สหรัฐ (27.30 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 749.60 ดอลลาร์สหรัฐ (26.78 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.12 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.52 บาท
ถั่วลิสง
สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ความเคลื่อนไหวของราคาประจำสัปดาห์ มีดังนี้
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกแห้ง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 50.25 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 40.01 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 25.59
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 29.74 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 29.75 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.03
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดพิเศษ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 77.50 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดธรรมดา สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 67.50 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ฝ้าย
ไหม
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 2,145 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,629 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 3 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 967 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ปศุสัตว์
สุกร
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
ภาวะตลาดสุกรสัปดาห์นี้ ราคาสุกรมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้ลดลง เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตเนื้อสุกรที่ออกสู่ตลาดมีมากกว่าความต้องการของผู้บริโภค แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้น
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
สุกรมีชีวิตพันธุ์ผสมน้ำหนัก 100 กิโลกรัมขึ้นไป ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 65.88 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 67.41 คิดเป็นร้อยละ 2.27 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 63.01 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 65.47 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 66.63 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 67.47 บาท ส่วนราคาลูกสุกรตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 1,500 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งสุกรมีชีวิต ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 62.50 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 64.50 คิดเป็นร้อยละ 3.10 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา
ไก่เนื้อ
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
สัปดาห์นี้ราคาไก่เนื้อมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้นเล็กน้อยจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคสอดรับกับผลผลิตที่ออกสู่ตลาด แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 40.20 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 40.14 คิดเป็นร้อยละ 0.15 ของสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 42.00 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 39.71 บาท ภาคใต้ กิโลกรัมละ 43.00 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่เนื้อตามประกาศของบริษัท ซี.พี ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 14.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไก่มีชีวิตหน้าโรงฆ่า จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 39.50 บาท บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 39.00 คิดเป็นร้อยละ1.82 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา และราคาขายส่งไก่สดทั้งตัวรวมเครื่องใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 56.00 บาท บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ไข่ไก่
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
สถานการณ์ตลาดไข่ไก่สัปดาห์นี้ ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ลดลงเล็กน้อยจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภค ยังคงชะลอตัว แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 355 บาท ลดลงจากร้อยฟองละ 356 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.28 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 336 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 354 บาท ภาคกลางร้อยฟองละ 359 บาท และภาคใต้ไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่ไข่ตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 28.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่ไก่ (เฉลี่ยเบอร์ 0 - 4) ในตลาดกรุงเทพฯจากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 372 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ไข่เป็ด
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่เป็ดที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 410 บาท ลดลงจากร้อยฟองละ 414 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.97 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 415 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 433 บาท ภาคกลางร้อยฟองละ 374 บาท และภาคใต้ร้อยฟองละ 432 บาท
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่เป็ดคละ ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 440 บาททรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
โคเนื้อ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาโคพันธุ์ลูกผสม (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 87.53 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 87.70 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.19 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 98.98 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 80.16 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 75.28 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 108.64 บาท
กระบือ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคากระบือ (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 64.30 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 64.44 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.22 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 96.58 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 58.08 บาท ภาคกลางและภาคใต้ไม่มีรายงาน
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
ภาวะตลาดสุกรสัปดาห์นี้ ราคาสุกรมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้ลดลง เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตเนื้อสุกรที่ออกสู่ตลาดมีมากกว่าความต้องการของผู้บริโภค แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้น
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
สุกรมีชีวิตพันธุ์ผสมน้ำหนัก 100 กิโลกรัมขึ้นไป ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 65.88 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 67.41 คิดเป็นร้อยละ 2.27 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 63.01 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 65.47 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 66.63 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 67.47 บาท ส่วนราคาลูกสุกรตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 1,500 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งสุกรมีชีวิต ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 62.50 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 64.50 คิดเป็นร้อยละ 3.10 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา
ไก่เนื้อ
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
สัปดาห์นี้ราคาไก่เนื้อมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้นเล็กน้อยจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคสอดรับกับผลผลิตที่ออกสู่ตลาด แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 40.20 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 40.14 คิดเป็นร้อยละ 0.15 ของสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 42.00 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 39.71 บาท ภาคใต้ กิโลกรัมละ 43.00 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่เนื้อตามประกาศของบริษัท ซี.พี ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 14.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไก่มีชีวิตหน้าโรงฆ่า จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 39.50 บาท บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 39.00 คิดเป็นร้อยละ1.82 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา และราคาขายส่งไก่สดทั้งตัวรวมเครื่องใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 56.00 บาท บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ไข่ไก่
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
สถานการณ์ตลาดไข่ไก่สัปดาห์นี้ ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ลดลงเล็กน้อยจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภค ยังคงชะลอตัว แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 355 บาท ลดลงจากร้อยฟองละ 356 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.28 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 336 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 354 บาท ภาคกลางร้อยฟองละ 359 บาท และภาคใต้ไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่ไข่ตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 28.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่ไก่ (เฉลี่ยเบอร์ 0 - 4) ในตลาดกรุงเทพฯจากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 372 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ไข่เป็ด
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่เป็ดที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 410 บาท ลดลงจากร้อยฟองละ 414 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.97 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 415 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 433 บาท ภาคกลางร้อยฟองละ 374 บาท และภาคใต้ร้อยฟองละ 432 บาท
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่เป็ดคละ ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 440 บาททรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
โคเนื้อ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาโคพันธุ์ลูกผสม (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 87.53 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 87.70 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.19 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 98.98 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 80.16 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 75.28 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 108.64 บาท
กระบือ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคากระบือ (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 64.30 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 64.44 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.22 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 96.58 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 58.08 บาท ภาคกลางและภาคใต้ไม่มีรายงาน
ประมง
สถานการณ์การผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
1. การผลิต
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (ระหว่างวันที่ 26 กุมภาพันธ์ – 3 มีนาคม 2567) ไม่มีรายงานปริมาณจากองค์การสะพานปลากรุงเทพฯ
2. การตลาด
ความเคลื่อนไหวของราคาสัตว์น้ำที่สำคัญประจำสัปดาห์นี้มีดังนี้
2.1 ปลาดุกบิ๊กอุย (ขนาด 3 - 4 ตัว/กก.)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 60.55 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 61.25 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.70 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคลดลง
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.2 ปลาช่อน (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 84.01 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 84.10 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.09 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคลดลงเล็กน้อย
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.3 กุ้งกุลาดำ
ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาด 60 ตัวต่อกิโลกรัมและราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาดกลาง (60 ตัว/กก.) ไม่มีรายงานราคา
2.4 กุ้งขาวแวนนาไม
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 128.97 ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 130.28 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 6.21 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคลดลง
สำหรับราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 130.00 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 128.33 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 1.67 บาท
2.5 ปลาทู (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 68.75 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 67.19 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 1.56 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้น
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.6 ปลาหมึกกระดอง (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.7 ปลาเป็ดและปลาป่น
ราคาปลาเป็ดที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 7.09 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับราคาปลาป่นขายส่งกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ปลาป่นชนิดโปรตีน 60% ขึ้นไป ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 36.00 บาท
ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา และปลาป่นชนิดโปรตีนต่ำกว่า 60% ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 32.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สถานการณ์การผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
1. การผลิต
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (ระหว่างวันที่ 26 กุมภาพันธ์ – 3 มีนาคม 2567) ไม่มีรายงานปริมาณจากองค์การสะพานปลากรุงเทพฯ
2. การตลาด
ความเคลื่อนไหวของราคาสัตว์น้ำที่สำคัญประจำสัปดาห์นี้มีดังนี้
2.1 ปลาดุกบิ๊กอุย (ขนาด 3 - 4 ตัว/กก.)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 60.55 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 61.25 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.70 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคลดลง
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.2 ปลาช่อน (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 84.01 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 84.10 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.09 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคลดลงเล็กน้อย
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.3 กุ้งกุลาดำ
ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาด 60 ตัวต่อกิโลกรัมและราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาดกลาง (60 ตัว/กก.) ไม่มีรายงานราคา
2.4 กุ้งขาวแวนนาไม
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 128.97 ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 130.28 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 6.21 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคลดลง
สำหรับราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 130.00 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 128.33 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 1.67 บาท
2.5 ปลาทู (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 68.75 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 67.19 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 1.56 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้น
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.6 ปลาหมึกกระดอง (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.7 ปลาเป็ดและปลาป่น
ราคาปลาเป็ดที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 7.09 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับราคาปลาป่นขายส่งกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ปลาป่นชนิดโปรตีน 60% ขึ้นไป ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 36.00 บาท
ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา และปลาป่นชนิดโปรตีนต่ำกว่า 60% ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 32.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา