- ข้อมูลเศรษฐกิจการเกษตร
- ภาวะเศรษฐกิจการเกษตร
- รายละเอียดภาวะเศรษฐกิจการเกษตร
ข้อมูลเศรษฐกิจการเกษตร
สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์ 24 กุมภาพันธ์-2 มีนาคม 2568
ข้าว
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
1.1 การผลิต
1) ข้าวนาปี ปี 2567/68 สศก. คาดการณ์ข้อมูล ณ เดือนตุลาคม 2567 มีเนื้อที่เพาะปลูก 62.020 ล้านไร่ ผลผลิต 27.007 ล้านตัน ผลผลิตต่อไร่ 435 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับปี 2566/67 ที่มีเนื้อที่เพาะปลูก 62.098 ล้านไร่ ผลผลิต 26.934 ล้านตัน ผลผลิตต่อไร่ 431 กิโลกรัม เนื้อที่เพาะปลูกลดลงร้อยละ 0.13 ในขณะที่ผลผลิตและผลผลิตต่อไร่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.27 และร้อยละ 0.23 ตามลำดับ โดยเนื้อที่เพาะปลูกคาดว่าจะลดลง เนื่องจากเกษตรกร มีแนวโน้มที่จะปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชอื่นที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า เช่น อ้อยโรงงาน หรือมันสำปะหลัง สำหรับผลผลิตและผลผลิตต่อไร่คาดว่าเพิ่มขึ้น เนื่องจากปริมาณน้ำฝนภายหลังจากที่เพาะปลูกแล้วเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของต้นข้าว ประกอบกับราคาที่เกษตรกรขายได้ยังจูงใจให้เกษตรกรดูแลรักษา ถึงแม้ว่าในบางจังหวัดประสบอุทกภัยในช่วงเดือนสิงหาคม - กันยายน 2567 มีน้ำท่วมขังเป็นเวลานานทำให้ผลผลิตเสียหาย และบางพื้นที่มีการระบาดของแมลงหวี่ขาว แต่พื้นที่ส่วนใหญ่มีปริมาณน้ำฝนเพียงพอเหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของต้นข้าว และไม่พบการระบาดของโรคและแมลง ส่งผลให้ภาพรวมผลผลิตทั้งประเทศเพิ่มขึ้น
คาดการณ์ผลผลิตเริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2567 - พฤษภาคม 2568 โดยเดือนมีนาคม 2568 ผลผลิตออกสู่ตลาด ปริมาณ 0.044 ล้านตันข้าวเปลือก หรือคิดเป็นร้อยละ 0.16 ของผลผลิตข้าวนาปีทั้งหมด โดยตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคม - มีนาคม 2568 มีผลผลิตออกสู่ตลาดประมาณ 26.939 ล้านตันข้าวเปลือก หรือคิดเป็นร้อยละ 99.75 ของผลผลิตข้าวนาปีทั้งหมด คงเหลือผลผลิตที่คาดว่าจะออกสู่ตลาดอีกประมาณ 0.068 ล้านตันข้าวเปลือก หรือร้อยละ 0.25 ของผลผลิตข้าวนาปีทั้งหมด
2) ข้าวนาปรัง ปี 2568 สศก. คาดการณ์ข้อมูล ณ เดือนพฤศจิกายน 2567 มีเนื้อที่เพาะปลูก 12.005 ล้านไร่ ผลผลิต 7.864 ล้านตันข้าวเปลือก และผลผลิตต่อไร่ 655 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับปี 2567 ที่มีเนื้อที่เพาะปลูก 10.125 ล้านไร่ ผลผลิต 6.560 ล้านตัน ผลผลิตต่อไร่ 648 กิโลกรัม ทั้งเนื้อที่เพาะปลูก ผลผลิต และผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้นจาก ปี 2567 ร้อยละ 18.57 ร้อยละ 19.88 และร้อยละ 1.08 ตามลำดับ โดยเนื้อที่เพาะปลูกคาดว่าจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากปรากฏการณ์ลานีญาที่เริ่มขึ้นในช่วงเดือนกรกฎาคม ถึง กันยายน 2567 และคาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเนื่อง
ไปจนถึงต้นปี 2568 จะทำให้ปริมาณน้ำฝนมากกว่าปกติ รวมถึงน้ำในอ่างเก็บน้ำส่วนใหญ่และน้ำตามแหล่งน้ำธรรมชาติเมื่อต้นฤดูกาลเพาะปลูกมีปริมาณมากกว่าปีที่แล้ว จูงใจให้เกษตรบางส่วนขยายเนื้อที่เพาะปลูกในที่นา
ที่เคยปล่อยว่าง เพื่อปลูกชดเชยข้าวนาปีที่เสียหายจากน้ำท่วม สำหรับผลผลิตต่อไร่คาดว่าเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีน้ำเพียงพอต่อต่อการเพาะปลูกและการเจริญเติบโตของต้นข้าว
คาดการณ์ผลผลิตเริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ - ตุลาคม 2568 โดยในเดือนมีนาคม 2568
มีผลผลิตออกสู่ตลาดประมาณ 2.619 ล้านตันข้าวเปลือก หรือคิดเป็นร้อยละ 33.30 ของผลผลิตข้าวนาปรังทั้งหมด โดยตั้งแต่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ - มีนาคม 2568 มีผลผลิตออกสู่ตลาดประมาณ 3.298 ล้านตันข้าวเปลือก หรือคิดเป็นร้อยละ 41.93 ของผลผลิตข้าวนาปรังทั้งหมด คงเหลือผลผลิตที่คาดว่าจะออกสู่ตลาดอีกประมาณ 4.566 ล้านตันข้าวเปลือก หรือร้อยละ 58.07 ของผลผลิตข้าวนาปรังทั้งหมด
1.2 ราคา
1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ
ข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 15,172 บาท ราคาลดลงจากตันละ 15,247 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.49
ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 8,435 บาท ราคาลดลงจากตันละ 8,524 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.05
2) ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 33,550 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ข้าวขาว 5% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 13,050 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
3) ราคาส่งออกเอฟโอบี
ข้าวหอมมะลิไทย 100% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 942 ดอลลาร์สหรัฐฯ (31,576 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 945 ดอลลาร์สหรัฐฯ (31,595 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.32 และลดลงในรูปเงินบาท
ตันละ 19 บาท
ข้าวขาว 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 431 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,447 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตัน 432 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,443 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.23 แต่สูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 4 บาท
ข้าวนึ่ง 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 443 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,849 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 444 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,845 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.23 แต่สูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 4 บาท
หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 33.5201 บาท
2. สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ
1) บังกลาเทศ
บังกลาเทศซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตข้าวรายใหญ่ของเอเชียใต้ ยังคงต้องนำเข้าข้าวในบางช่วงเวลาเพื่อรักษาสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทาน โดยในปี 2566 บังกลาเทศนำเข้าข้าวประมาณ 2 ล้านตัน จากหลายประเทศ เช่น อินเดีย ไทย เวียดนาม และเมียนมา เพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาดอาหารภายในประเทศและตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้น ปัจจุบันบังกลาเทศได้ลงนามในสัญญานำเข้าข้าวขาว 100,000 ตัน จากเวียดนาม โดยบริษัท Vietnam Southern Food Corporation (Vinafood II) ราคาส่งออกอยู่ที่ตันละ 474.25 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ตันละ 15,896.91 บาท) ซึ่งสูงกว่าราคาตลาดโลกทั่วไป ซึ่งข้อเสนอการซื้อดังกล่าวได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการจัดซื้อภาครัฐของบังกลาเทศ (Bangladesh Public Procurement Authority) ในกรุงธากา ขณะนี้
ทั้งสองประเทศอยู่ระหว่างการเตรียมการส่งมอบและรับมอบสินค้า
ทั้งนี้ การนำเข้าข้าวในปริมาณมากจากต่างประเทศเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ของบังกลาเทศในการควบคุมราคาข้าวภายในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้โครงการ Open Market Sales (OMS) ซึ่งจะเริ่มต้นก่อนเดือนรอมฎอน โดยรัฐบาลบังกลาเทศจะจัดสรรข้าวจำนวน 907 ตันต่อวัน ผ่านศูนย์กระจายสินค้าจำนวน 906 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งจะจำหน่ายในราคากิโลกรัมละ 15 – 30 ตากา (ประมาณกิโลกรัมละ 4.15 – 8.30 บาท) เพื่อช่วยให้ประชากร
ที่มีรายได้น้อยสามารถเข้าถึงอาหารในราคาที่เหมาะสม นอกจากนี้ นาย Ali Imam Majumder ที่ปรึกษากระทรวงการอาหารของบังกลาเทศ ระบุว่า บังกลาเทศจะนำเข้าข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านที่มีต้นทุนต่ำ เช่น อินเดีย เมียนมา และปากีสถาน เนื่องจากระยะทางใกล้กัน โดยรัฐบาลตั้งเป้านำเข้าข้าวในปี 2568 ประมาณ 800,000 – 900,000 ตัน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าบังกลาเทศจะนำเข้าข้าวอย่างต่อเนื่อง แต่ราคาข้าวในตลาดท้องถิ่นยังลดลงไม่มาก ขณะที่ราคาข้าวเกรดต่ำได้ปรับลดลงแล้วประมาณ 5 ตากา (1.38 บาท)
สำหรับผลกระทบจากสงครามและความไม่มั่นคงทางการเมืองในหลายประเทศ อาจส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าจำเป็นในช่วงเดือนรอมฎอน ซึ่งกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงอาหารมีความพร้อมในการรับมือภายใต้ โครงการอาหารราคาประหยัด โดยรัฐบาลจะจัดสรรข้าวจำนวน 30 กิโลกรัมต่อเดือน ให้กับประชากรรายได้น้อยประมาณ 5 ล้านคน ในราคากิโลกรัมละ 15 ตากา (กิโลกรัมละ 4.15 บาท)
ที่มา กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 33.5201 บาท
อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ตากา เท่ากับ 0.2765 บาท
2) ญี่ปุ่น
กระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมงของญี่ปุ่น (Ministry of Agriculture, Forestry and Fisheries; MAFF) รายงานว่า ราคาข้าวเฉลี่ยในซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วประเทศยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 7 สัปดาห์ติดต่อกัน โดยราคาข้าวในซูเปอร์มาร์เก็ต ณ วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา อยู่ที่ 3,892 เยน (ประมาณ 863 บาท) ต่อ 5 กิโลกรัม ซึ่งสูงขึ้นจากสัปดาห์ก่อนประมาณ 62 เยน (ประมาณ 14 บาท) และสูงขึ้นร้อยละ 90 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 ส่งผลให้กลุ่มเกษตรกรและผู้ประกอบการค้าส่งในญี่ปุ่นเกิดความกังวลมากขึ้น เนื่องจากราคาที่สูงขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อความต้องการของผู้บริโภค
อย่างไรก็ตาม แม้ว่ารัฐบาลจะมีแผนในการระบายข้าวสำรองเพื่อรักษาเสถียรภาพราคา โดยก่อนหน้านี้รัฐบาลได้ประกาศแผนการระบายข้าวสำรองจำนวน 2.1 แสนตัน ออกสู่ตลาดหลังจากที่ราคาข้าวปรับตัวสูงขึ้นกระทบต่อครัวเรือนในประเทศ ทั้งนี้ ข้าวสำรองดังกล่าวจะถูกจำหน่ายผ่านกระบวนการประมูล โดยจะเริ่มจำหน่ายจำนวน 1.5 แสนตัน ในช่วงกลางเดือนมีนาคม 2568 ส่วนปริมาณข้าวสำรองที่เหลือจะถูกกำหนดตามการประเมินเงื่อนไขการกระจายข้าวในรอบถัดไป
ที่มา สำนักข่าวซินหัวไทย
หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 เยน เท่ากับ 0.2218 บาท
1.1 การผลิต
1) ข้าวนาปี ปี 2567/68 สศก. คาดการณ์ข้อมูล ณ เดือนตุลาคม 2567 มีเนื้อที่เพาะปลูก 62.020 ล้านไร่ ผลผลิต 27.007 ล้านตัน ผลผลิตต่อไร่ 435 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับปี 2566/67 ที่มีเนื้อที่เพาะปลูก 62.098 ล้านไร่ ผลผลิต 26.934 ล้านตัน ผลผลิตต่อไร่ 431 กิโลกรัม เนื้อที่เพาะปลูกลดลงร้อยละ 0.13 ในขณะที่ผลผลิตและผลผลิตต่อไร่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.27 และร้อยละ 0.23 ตามลำดับ โดยเนื้อที่เพาะปลูกคาดว่าจะลดลง เนื่องจากเกษตรกร มีแนวโน้มที่จะปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชอื่นที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า เช่น อ้อยโรงงาน หรือมันสำปะหลัง สำหรับผลผลิตและผลผลิตต่อไร่คาดว่าเพิ่มขึ้น เนื่องจากปริมาณน้ำฝนภายหลังจากที่เพาะปลูกแล้วเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของต้นข้าว ประกอบกับราคาที่เกษตรกรขายได้ยังจูงใจให้เกษตรกรดูแลรักษา ถึงแม้ว่าในบางจังหวัดประสบอุทกภัยในช่วงเดือนสิงหาคม - กันยายน 2567 มีน้ำท่วมขังเป็นเวลานานทำให้ผลผลิตเสียหาย และบางพื้นที่มีการระบาดของแมลงหวี่ขาว แต่พื้นที่ส่วนใหญ่มีปริมาณน้ำฝนเพียงพอเหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของต้นข้าว และไม่พบการระบาดของโรคและแมลง ส่งผลให้ภาพรวมผลผลิตทั้งประเทศเพิ่มขึ้น
คาดการณ์ผลผลิตเริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2567 - พฤษภาคม 2568 โดยเดือนมีนาคม 2568 ผลผลิตออกสู่ตลาด ปริมาณ 0.044 ล้านตันข้าวเปลือก หรือคิดเป็นร้อยละ 0.16 ของผลผลิตข้าวนาปีทั้งหมด โดยตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคม - มีนาคม 2568 มีผลผลิตออกสู่ตลาดประมาณ 26.939 ล้านตันข้าวเปลือก หรือคิดเป็นร้อยละ 99.75 ของผลผลิตข้าวนาปีทั้งหมด คงเหลือผลผลิตที่คาดว่าจะออกสู่ตลาดอีกประมาณ 0.068 ล้านตันข้าวเปลือก หรือร้อยละ 0.25 ของผลผลิตข้าวนาปีทั้งหมด
2) ข้าวนาปรัง ปี 2568 สศก. คาดการณ์ข้อมูล ณ เดือนพฤศจิกายน 2567 มีเนื้อที่เพาะปลูก 12.005 ล้านไร่ ผลผลิต 7.864 ล้านตันข้าวเปลือก และผลผลิตต่อไร่ 655 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับปี 2567 ที่มีเนื้อที่เพาะปลูก 10.125 ล้านไร่ ผลผลิต 6.560 ล้านตัน ผลผลิตต่อไร่ 648 กิโลกรัม ทั้งเนื้อที่เพาะปลูก ผลผลิต และผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้นจาก ปี 2567 ร้อยละ 18.57 ร้อยละ 19.88 และร้อยละ 1.08 ตามลำดับ โดยเนื้อที่เพาะปลูกคาดว่าจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากปรากฏการณ์ลานีญาที่เริ่มขึ้นในช่วงเดือนกรกฎาคม ถึง กันยายน 2567 และคาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเนื่อง
ไปจนถึงต้นปี 2568 จะทำให้ปริมาณน้ำฝนมากกว่าปกติ รวมถึงน้ำในอ่างเก็บน้ำส่วนใหญ่และน้ำตามแหล่งน้ำธรรมชาติเมื่อต้นฤดูกาลเพาะปลูกมีปริมาณมากกว่าปีที่แล้ว จูงใจให้เกษตรบางส่วนขยายเนื้อที่เพาะปลูกในที่นา
ที่เคยปล่อยว่าง เพื่อปลูกชดเชยข้าวนาปีที่เสียหายจากน้ำท่วม สำหรับผลผลิตต่อไร่คาดว่าเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีน้ำเพียงพอต่อต่อการเพาะปลูกและการเจริญเติบโตของต้นข้าว
คาดการณ์ผลผลิตเริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ - ตุลาคม 2568 โดยในเดือนมีนาคม 2568
มีผลผลิตออกสู่ตลาดประมาณ 2.619 ล้านตันข้าวเปลือก หรือคิดเป็นร้อยละ 33.30 ของผลผลิตข้าวนาปรังทั้งหมด โดยตั้งแต่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ - มีนาคม 2568 มีผลผลิตออกสู่ตลาดประมาณ 3.298 ล้านตันข้าวเปลือก หรือคิดเป็นร้อยละ 41.93 ของผลผลิตข้าวนาปรังทั้งหมด คงเหลือผลผลิตที่คาดว่าจะออกสู่ตลาดอีกประมาณ 4.566 ล้านตันข้าวเปลือก หรือร้อยละ 58.07 ของผลผลิตข้าวนาปรังทั้งหมด
1.2 ราคา
1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ
ข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 15,172 บาท ราคาลดลงจากตันละ 15,247 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.49
ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 8,435 บาท ราคาลดลงจากตันละ 8,524 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.05
2) ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 33,550 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ข้าวขาว 5% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 13,050 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
3) ราคาส่งออกเอฟโอบี
ข้าวหอมมะลิไทย 100% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 942 ดอลลาร์สหรัฐฯ (31,576 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 945 ดอลลาร์สหรัฐฯ (31,595 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.32 และลดลงในรูปเงินบาท
ตันละ 19 บาท
ข้าวขาว 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 431 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,447 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตัน 432 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,443 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.23 แต่สูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 4 บาท
ข้าวนึ่ง 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 443 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,849 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 444 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,845 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.23 แต่สูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 4 บาท
หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 33.5201 บาท
2. สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ
1) บังกลาเทศ
บังกลาเทศซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตข้าวรายใหญ่ของเอเชียใต้ ยังคงต้องนำเข้าข้าวในบางช่วงเวลาเพื่อรักษาสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทาน โดยในปี 2566 บังกลาเทศนำเข้าข้าวประมาณ 2 ล้านตัน จากหลายประเทศ เช่น อินเดีย ไทย เวียดนาม และเมียนมา เพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาดอาหารภายในประเทศและตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้น ปัจจุบันบังกลาเทศได้ลงนามในสัญญานำเข้าข้าวขาว 100,000 ตัน จากเวียดนาม โดยบริษัท Vietnam Southern Food Corporation (Vinafood II) ราคาส่งออกอยู่ที่ตันละ 474.25 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ตันละ 15,896.91 บาท) ซึ่งสูงกว่าราคาตลาดโลกทั่วไป ซึ่งข้อเสนอการซื้อดังกล่าวได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการจัดซื้อภาครัฐของบังกลาเทศ (Bangladesh Public Procurement Authority) ในกรุงธากา ขณะนี้
ทั้งสองประเทศอยู่ระหว่างการเตรียมการส่งมอบและรับมอบสินค้า
ทั้งนี้ การนำเข้าข้าวในปริมาณมากจากต่างประเทศเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ของบังกลาเทศในการควบคุมราคาข้าวภายในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้โครงการ Open Market Sales (OMS) ซึ่งจะเริ่มต้นก่อนเดือนรอมฎอน โดยรัฐบาลบังกลาเทศจะจัดสรรข้าวจำนวน 907 ตันต่อวัน ผ่านศูนย์กระจายสินค้าจำนวน 906 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งจะจำหน่ายในราคากิโลกรัมละ 15 – 30 ตากา (ประมาณกิโลกรัมละ 4.15 – 8.30 บาท) เพื่อช่วยให้ประชากร
ที่มีรายได้น้อยสามารถเข้าถึงอาหารในราคาที่เหมาะสม นอกจากนี้ นาย Ali Imam Majumder ที่ปรึกษากระทรวงการอาหารของบังกลาเทศ ระบุว่า บังกลาเทศจะนำเข้าข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านที่มีต้นทุนต่ำ เช่น อินเดีย เมียนมา และปากีสถาน เนื่องจากระยะทางใกล้กัน โดยรัฐบาลตั้งเป้านำเข้าข้าวในปี 2568 ประมาณ 800,000 – 900,000 ตัน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าบังกลาเทศจะนำเข้าข้าวอย่างต่อเนื่อง แต่ราคาข้าวในตลาดท้องถิ่นยังลดลงไม่มาก ขณะที่ราคาข้าวเกรดต่ำได้ปรับลดลงแล้วประมาณ 5 ตากา (1.38 บาท)
สำหรับผลกระทบจากสงครามและความไม่มั่นคงทางการเมืองในหลายประเทศ อาจส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าจำเป็นในช่วงเดือนรอมฎอน ซึ่งกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงอาหารมีความพร้อมในการรับมือภายใต้ โครงการอาหารราคาประหยัด โดยรัฐบาลจะจัดสรรข้าวจำนวน 30 กิโลกรัมต่อเดือน ให้กับประชากรรายได้น้อยประมาณ 5 ล้านคน ในราคากิโลกรัมละ 15 ตากา (กิโลกรัมละ 4.15 บาท)
ที่มา กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 33.5201 บาท
อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ตากา เท่ากับ 0.2765 บาท
2) ญี่ปุ่น
กระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมงของญี่ปุ่น (Ministry of Agriculture, Forestry and Fisheries; MAFF) รายงานว่า ราคาข้าวเฉลี่ยในซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วประเทศยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 7 สัปดาห์ติดต่อกัน โดยราคาข้าวในซูเปอร์มาร์เก็ต ณ วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา อยู่ที่ 3,892 เยน (ประมาณ 863 บาท) ต่อ 5 กิโลกรัม ซึ่งสูงขึ้นจากสัปดาห์ก่อนประมาณ 62 เยน (ประมาณ 14 บาท) และสูงขึ้นร้อยละ 90 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 ส่งผลให้กลุ่มเกษตรกรและผู้ประกอบการค้าส่งในญี่ปุ่นเกิดความกังวลมากขึ้น เนื่องจากราคาที่สูงขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อความต้องการของผู้บริโภค
อย่างไรก็ตาม แม้ว่ารัฐบาลจะมีแผนในการระบายข้าวสำรองเพื่อรักษาเสถียรภาพราคา โดยก่อนหน้านี้รัฐบาลได้ประกาศแผนการระบายข้าวสำรองจำนวน 2.1 แสนตัน ออกสู่ตลาดหลังจากที่ราคาข้าวปรับตัวสูงขึ้นกระทบต่อครัวเรือนในประเทศ ทั้งนี้ ข้าวสำรองดังกล่าวจะถูกจำหน่ายผ่านกระบวนการประมูล โดยจะเริ่มจำหน่ายจำนวน 1.5 แสนตัน ในช่วงกลางเดือนมีนาคม 2568 ส่วนปริมาณข้าวสำรองที่เหลือจะถูกกำหนดตามการประเมินเงื่อนไขการกระจายข้าวในรอบถัดไป
ที่มา สำนักข่าวซินหัวไทย
หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 เยน เท่ากับ 0.2218 บาท
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
ราคาข้าวโพดในประเทศช่วงสัปดาห์นี้ มีดังนี้
ราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นไม่เกิน 14.5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 8.64 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 8.62 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.23 และราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นเกิน 14.5%
สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 6.64 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 6.55 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.37
ราคาข้าวโพดขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ ที่โรงงานอาหารสัตว์รับซื้อ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 10.48 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 10.49 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.10
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี. สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 313.00 ดอลลาร์สหรัฐ (10,478.00 บาท/ตัน) ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดชิคาโกเดือนมีนาคม 2568 ข้าวโพดเมล็ดเหลืองอเมริกันชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 472.00 เซนต์ (6,298.00 บาท/ตัน) ลดลงจากบุชเชลละ 497.00 เซนต์ (6,624.00 บาท/ตัน)
ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 5.03 และลดลงในรูปของเงินบาทตันละ 326.00 บาท
มันสำปะหลัง
สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
การผลิต
ผลผลิตมันสำปะหลังปี 2568 (เริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 – กันยายน 2568) คาดว่ามีพื้นที่เก็บเกี่ยว 8.629 ล้านไร่ ผลผลิต 27.196 ล้านตัน และผลผลิตต่อไร่ 3,152 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับปี 2567
ที่มีพื้นที่เก็บเกี่ยว 8.421 ล้านไร่ ผลผลิต 26.783 ล้านตัน และผลผลิตต่อไร่ 3,181 กิโลกรัม พบว่า พื้นที่เก็บเกี่ยว และผลผลิต เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.47 และร้อยละ 1.54 ตามลำดับ แต่ผลผลิตต่อไร่ ลดลงร้อยละ 0.91
โดยเดือนกุมภาพันธ์ 2568 คาดว่าจะมีผลผลิตออกสู่ตลาด 5.77 ล้านตัน (ร้อยละ 21.21 ของผลผลิตทั้งหมด)
ทั้งนี้ผลผลิตมันสำปะหลังปี 2568 จะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนมกราคม – มีนาคม 2568 ปริมาณ 15.56 ล้านตัน (ร้อยละ 57.23 ของผลผลิตทั้งหมด)
ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศประจำสัปดาห์ สรุปได้ดังนี้
ราคาหัวมันสำปะหลังสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1.84 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 1.87 บาท ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 1.60
ราคามันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 5.71 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 5.73 บาท ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.35
ราคาขายส่งในประเทศ
ราคาขายส่งมันเส้น (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต จ.ชลบุรี และ จ.อยุธยา) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ5.62 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 5.64 บาท ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.35
ราคาขายส่งแป้งมันสำปะหลังชั้นพิเศษ (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขตกรุงเทพ และปริมณฑล) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 14.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ราคาส่งออกมันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 185.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (6,230 บาทต่อตัน) ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน ตันละ 185.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (6,250 บาทต่อตัน)
ราคาส่งออกแป้งมันสำปะหลัง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 421.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,190 บาทต่อตัน) ราคาเพิ่มขึ้นจากตันละ 420.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,190 บาทต่อตัน) ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.36
ปาล์มน้ำมัน
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร คาดว่าปี 2568 ผลผลิตปาล์มน้ำมันเดือนกุมภาพันธ์จะมีประมาณ 1.395 ล้านตัน คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.251 ล้านตัน สูงขึ้นจากผลผลิตปาล์มทะลาย 1.235 ล้านตัน
คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.222 ล้านตันของเดือนมกราคม 2568 คิดเป็นร้อยละ 12.96 และร้อยละ 13.06 ตามลำดับ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาผลปาล์มทะลาย สัปดาห์นี้ เฉลี่ย กก.ละ 7.09 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 9.23 บาท ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 23.19
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาน้ำมันปาล์มดิบ สัปดาห์นี้เฉลี่ย กก.ละ 40.35 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 47.58 บาท ในกับสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 15.20
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
สถานการณ์ในต่างประเทศ
ราคาในตลาดต่างประเทศ
ตลาดมาเลเซีย ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 4,720.54 ริงกิตมาเลเซีย (36.52 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 4,791.05 ริงกิตมาเลเซีย (36.93 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 1.47
ตลาดรอตเตอร์ดัม ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,268.33 ดอลลาร์สหรัฐฯ (43.02 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 1,256.25 ดอลลาร์สหรัฐฯ (42.51 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 0.96
หมายเหตุ : ราคาในตลาดต่างประเทศเฉลี่ย 5 วัน
อ้อยและน้ำตาล
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
- ไม่มีรายงาน
2. สรุปภาวะการผลิต การตลาดและราคาในต่างประเทศ
- องค์การน้ำตาลระหว่างประเทศ (International Sugar Organization: ISO) รายงานปรับปรุงบัญชีสมดุลน้ำตาลโลกครั้งที่ 2 สำหรับปี 2567/2568 โดยคาดการณ์ปริมาณน้ำตาลโลกส่วนขาด (Deficit) ที่ 4.881 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 2.513 ล้านตัน ที่คาดการณ์ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการขาดดุลที่มากที่สุดในรอบ 9 ปี ขณะที่ผลผลิตน้ำตาลโลกปี 2567/2568 ได้ปรับลดเหลือ 175.540 ล้านตัน ลดลง 5.844 ล้านตันจากฤดูกาลก่อนหน้า โดยปัจจัยที่ส่งผลให้การผลิตลดลง ได้แก่ ผลผลิตที่ลดลงของผู้ผลิตสำคัญในซีกโลกใต้ และผลผลิตที่ต่ำกว่าคาดการณ์ของอินเดียและปากีสถาน รวมถึงปริมาณอ้อยที่ลดลงของไทย สำหรับความต้องการบริโภคของโลกในปี 2567/2568 คาดว่าจะอยู่ที่ปริมาณ 180.421 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากฤดูกาลก่อนหน้า 0.449 ล้านตัน ขณะที่การนำเข้า และการส่งออก คาดว่าจะอยู่ที่ปริมาณ 63.324 ล้านตัน และ 62.661 ล้านตัน ซึ่งลดลงจากฤดูก่อนหน้า 5.795 ล้านตัน และ 6.974 ล้านตัน ตามลำดับ
- รัฐบาลอินโดนีเซียชะลอแผนการระงับการนำเข้าน้ำตาลที่ประกาศไว้เมื่อปลายปี 2567 ที่ผ่านมา
โดย นาย Zulkifli Hasan รัฐมนตรีประสานงานด้านกิจการอาหารของอินโดนีเซีย กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการเกษตรเพื่อเพิ่มผลผลิตภายในประเทศ และจะยังคงอนุญาตให้มีการนำเข้าน้ำตาลต่อไป เพื่อป้องกันภาวการณ์ขาดแคลนน้ำตาลที่อาจทำให้ราคาน้ำตาลภายในประเทศสูงขึ้น
(ที่มา: chinimandi.com)
(1).png)
- ไม่มีรายงาน
2. สรุปภาวะการผลิต การตลาดและราคาในต่างประเทศ
- องค์การน้ำตาลระหว่างประเทศ (International Sugar Organization: ISO) รายงานปรับปรุงบัญชีสมดุลน้ำตาลโลกครั้งที่ 2 สำหรับปี 2567/2568 โดยคาดการณ์ปริมาณน้ำตาลโลกส่วนขาด (Deficit) ที่ 4.881 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 2.513 ล้านตัน ที่คาดการณ์ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการขาดดุลที่มากที่สุดในรอบ 9 ปี ขณะที่ผลผลิตน้ำตาลโลกปี 2567/2568 ได้ปรับลดเหลือ 175.540 ล้านตัน ลดลง 5.844 ล้านตันจากฤดูกาลก่อนหน้า โดยปัจจัยที่ส่งผลให้การผลิตลดลง ได้แก่ ผลผลิตที่ลดลงของผู้ผลิตสำคัญในซีกโลกใต้ และผลผลิตที่ต่ำกว่าคาดการณ์ของอินเดียและปากีสถาน รวมถึงปริมาณอ้อยที่ลดลงของไทย สำหรับความต้องการบริโภคของโลกในปี 2567/2568 คาดว่าจะอยู่ที่ปริมาณ 180.421 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากฤดูกาลก่อนหน้า 0.449 ล้านตัน ขณะที่การนำเข้า และการส่งออก คาดว่าจะอยู่ที่ปริมาณ 63.324 ล้านตัน และ 62.661 ล้านตัน ซึ่งลดลงจากฤดูก่อนหน้า 5.795 ล้านตัน และ 6.974 ล้านตัน ตามลำดับ
- รัฐบาลอินโดนีเซียชะลอแผนการระงับการนำเข้าน้ำตาลที่ประกาศไว้เมื่อปลายปี 2567 ที่ผ่านมา
โดย นาย Zulkifli Hasan รัฐมนตรีประสานงานด้านกิจการอาหารของอินโดนีเซีย กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการเกษตรเพื่อเพิ่มผลผลิตภายในประเทศ และจะยังคงอนุญาตให้มีการนำเข้าน้ำตาลต่อไป เพื่อป้องกันภาวการณ์ขาดแคลนน้ำตาลที่อาจทำให้ราคาน้ำตาลภายในประเทศสูงขึ้น
(ที่มา: chinimandi.com)
(1).png)
ถั่วเหลือง
1. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
สัปดาห์นี้ไม่มีการรายงานราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
สัปดาห์นี้ไม่มีการรายงานราคาขายส่งถั่วเหลืองสกัดน้ำมัน
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
ราคาในตลาดต่างประเทศ (ตลาดชิคาโก)
ราคาซื้อขายล่วงหน้าเมล็ดถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 1,023.72. เซนต์ (12.76 บาท/กก.) ลดลงจากบุชเชลละ 1,038.70 เซนต์ (12.95 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 1.44
ราคาซื้อขายล่วงหน้ากากถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 292.32 ดอลลาร์สหรัฐฯ (9.92 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 294.83 ดอลลาร์สหรัฐฯ (10.00 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 0.85
ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันถั่วเหลืองสัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 44.88 เซนต์ (33.55 บาท/กก.) ลดลงจากปอนด์ละ 46.92 เซนต์ (35.08 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 4.35
1. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
สัปดาห์นี้ไม่มีการรายงานราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
สัปดาห์นี้ไม่มีการรายงานราคาขายส่งถั่วเหลืองสกัดน้ำมัน
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
ราคาในตลาดต่างประเทศ (ตลาดชิคาโก)
ราคาซื้อขายล่วงหน้าเมล็ดถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 1,023.72. เซนต์ (12.76 บาท/กก.) ลดลงจากบุชเชลละ 1,038.70 เซนต์ (12.95 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 1.44
ราคาซื้อขายล่วงหน้ากากถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 292.32 ดอลลาร์สหรัฐฯ (9.92 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 294.83 ดอลลาร์สหรัฐฯ (10.00 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 0.85
ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันถั่วเหลืองสัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 44.88 เซนต์ (33.55 บาท/กก.) ลดลงจากปอนด์ละ 46.92 เซนต์ (35.08 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 4.35
ยางพารา
ถั่วเขียว
สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดใหญ่คละ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 22.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดเล็กคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 34.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 28.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 48.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 30.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 32.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1046.60 ดอลลาร์สหรัฐ (35.08 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 1047.60 ดอลลาร์สหรัฐ (35.03 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.10 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.06 บาท
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 866.00 ดอลลาร์สหรัฐ (29.03 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 866.80 ดอลลาร์สหรัฐ (28.98 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.09 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.05 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,467.40 ดอลลาร์สหรัฐ (49.19 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ ละ 1,469.40 ดอลลาร์สหรัฐ (49.13 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.14 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.06 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 926.00 ดอลลาร์สหรัฐ (31.04 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 927.40 ดอลลาร์สหรัฐ (31.01 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.15 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.03 บาท
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 980.60 ดอลลาร์สหรัฐ (32.87 บาท/กก.) ลดลงจากตัน981.60 ดอลลาร์สหรัฐ (32.82 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.10 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.05 บาท
ถั่วลิสง
สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ความเคลื่อนไหวของราคาประจำสัปดาห์ มีดังนี้
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกแห้ง สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 37.12 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 37.18 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.16
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดพิเศษ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 77.50 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดธรรมดา สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 67.50 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ฝ้าย
ไหม
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 2,050 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 2,068 บาท จากสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 0.87
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,455 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 1,549 บาท จากสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 6.07
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 3 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 936 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 842 บาท จากสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 11.16
ปศุสัตว์
สุกร
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
ภาวะตลาดสุกรสัปดาห์นี้ ราคาสุกรมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตเนื้อสุกรที่ออกสู่ตลาดมีสอดรับกับความต้องการของผู้บริโภค แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
สุกรมีชีวิตพันธุ์ผสมน้ำหนัก 100 กิโลกรัมขึ้นไป ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 73.73 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 73.60 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.18 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 65.59 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 67.55 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 77.55 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 75.90 บาท ส่วนราคาลูกสุกรตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ตัวละ 2,400 บาท ทรงตัวเท่าสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งสุกรมีชีวิต ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 78.50 บาท ทรงตัวเท่าสัปดาห์ที่ผ่านมา
ไก่เนื้อ
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
สัปดาห์นี้ราคาไก่เนื้อมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้ลดลงเล็กน้อยจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคสอดรับกับผลผลิตที่ออกสู่ตลาด แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 42.22 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 42.40 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.42 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 42.00 บาท
ภาคกลาง กิโลกรัมละ 42.17 บาท ภาคใต้ กิโลกรัมละ 43.00 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่เนื้อตามประกาศของบริษัท ซี.พี ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 18.50 บาท ทรงตัวเท่าสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไก่มีชีวิตหน้าโรงฆ่า จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 39.50 และราคาขาย
ส่งไก่สดทั้งตัวรวมเครื่องใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 57.50 บาท ทรงตัวเท่าสัปดาห์ที่ผ่านมา
ไข่ไก่
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
สถานการณ์ตลาดไข่ไก่สัปดาห์นี้ ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ลดลงจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภค ยังคงชะลอตัว แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 347 บาท ลดลงจากร้อยฟองละ 348 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.29 ของสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 342 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 348 บาท ภาคกลางร้อยฟองละ 348 บาท และภาคใต้ไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่ไข่ตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 28.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่ไก่ (เฉลี่ยเบอร์ 0 - 4) ในตลาดกรุงเทพฯจากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 356 บาทลดลงจากร้อยฟองละ 372 บาท คิดเป็นร้อยละ 4.30 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา
ไข่เป็ด
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่เป็ดที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 423 บาท สูงขึ้นจากร้อยฟองละ 422 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.24 ของสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 444 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 423 บาท ภาคกลางร้อยฟองละ 398 บาท และภาคใต้ร้อยฟองละ 458 บาท
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่เป็ดคละ ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 440 บาท ลดลงจากร้อยฟองละ 460 บาท คิดเป็นร้อยละ 4.35 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา
โคเนื้อ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาโคพันธุ์ลูกผสม (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 67.67 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 67.56 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.16 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 76.61 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 60.72 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 58.28 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 91.00 บาท
กระบือ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคากระบือ (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 56.61 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 56.47 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.25 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 87.08 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 50.54 บาท ภาคกลางและภาคใต้ไม่มีรายงาน
สุกร
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
ภาวะตลาดสุกรสัปดาห์นี้ ราคาสุกรมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตเนื้อสุกรที่ออกสู่ตลาดมีสอดรับกับความต้องการของผู้บริโภค แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
สุกรมีชีวิตพันธุ์ผสมน้ำหนัก 100 กิโลกรัมขึ้นไป ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 73.73 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 73.60 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.18 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 65.59 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 67.55 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 77.55 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 75.90 บาท ส่วนราคาลูกสุกรตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ตัวละ 2,400 บาท ทรงตัวเท่าสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งสุกรมีชีวิต ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 78.50 บาท ทรงตัวเท่าสัปดาห์ที่ผ่านมา
ไก่เนื้อ
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
สัปดาห์นี้ราคาไก่เนื้อมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้ลดลงเล็กน้อยจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคสอดรับกับผลผลิตที่ออกสู่ตลาด แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 42.22 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 42.40 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.42 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 42.00 บาท
ภาคกลาง กิโลกรัมละ 42.17 บาท ภาคใต้ กิโลกรัมละ 43.00 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่เนื้อตามประกาศของบริษัท ซี.พี ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 18.50 บาท ทรงตัวเท่าสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไก่มีชีวิตหน้าโรงฆ่า จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 39.50 และราคาขาย
ส่งไก่สดทั้งตัวรวมเครื่องใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 57.50 บาท ทรงตัวเท่าสัปดาห์ที่ผ่านมา
ไข่ไก่
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
สถานการณ์ตลาดไข่ไก่สัปดาห์นี้ ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ลดลงจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภค ยังคงชะลอตัว แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 347 บาท ลดลงจากร้อยฟองละ 348 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.29 ของสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 342 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 348 บาท ภาคกลางร้อยฟองละ 348 บาท และภาคใต้ไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่ไข่ตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 28.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่ไก่ (เฉลี่ยเบอร์ 0 - 4) ในตลาดกรุงเทพฯจากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 356 บาทลดลงจากร้อยฟองละ 372 บาท คิดเป็นร้อยละ 4.30 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา
ไข่เป็ด
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่เป็ดที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 423 บาท สูงขึ้นจากร้อยฟองละ 422 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.24 ของสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 444 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 423 บาท ภาคกลางร้อยฟองละ 398 บาท และภาคใต้ร้อยฟองละ 458 บาท
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่เป็ดคละ ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 440 บาท ลดลงจากร้อยฟองละ 460 บาท คิดเป็นร้อยละ 4.35 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา
โคเนื้อ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาโคพันธุ์ลูกผสม (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 67.67 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 67.56 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.16 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 76.61 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 60.72 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 58.28 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 91.00 บาท
กระบือ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคากระบือ (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 56.61 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 56.47 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.25 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 87.08 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 50.54 บาท ภาคกลางและภาคใต้ไม่มีรายงาน
ประมง
สถานการณ์การผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
1. การผลิต
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (ระหว่างวันที่ 24 กุมภาพันธ์ – 2 มีนาคม 2568) ไม่มีรายงานปริมาณจากองค์การสะพานปลากรุงเทพฯ
2. การตลาด
ความเคลื่อนไหวของราคาสัตว์น้ำที่สำคัญประจำสัปดาห์นี้มีดังนี้
2.1 ปลาดุกบิ๊กอุย (ขนาด 3 - 4 ตัว/กก.) ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 54.48 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 55.88 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 1.40 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคลดลง
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.2 ปลาช่อน (ขนาดกลาง) ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 80.17 ราคาลดลง
จากกิโลกรัมละ 80.35 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.18 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคลดลง
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.3 กุ้งกุลาดำ ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาด 60 ตัวต่อกิโลกรัมและราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาดกลาง (60 ตัว/กก.) ไม่มีรายงานราคา
2.4 กุ้งขาวแวนนาไม ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 158.95 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 161.97 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 3.02 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคลดลง
สำหรับราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ
161.67 ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 170.00 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 8.33 บาท
2.5 ปลาทู (ขนาดกลาง) ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 64.35 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 68.71 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 4.36 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคลดลง
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.6 ปลาหมึกกระดอง (ขนาดกลาง) ราคาที่ชาวประมงขายได้ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.7 ปลาเป็ดและปลาป่น ราคาปลาเป็ดที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 9.00 บาท
ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับราคาปลาป่นขายส่งกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ปลาป่นชนิดโปรตีน 60% ขึ้นไป ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 29.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา และปลาป่นชนิดโปรตีนต่ำกว่า 60%
ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละบาท 24.00 ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สถานการณ์การผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
1. การผลิต
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (ระหว่างวันที่ 24 กุมภาพันธ์ – 2 มีนาคม 2568) ไม่มีรายงานปริมาณจากองค์การสะพานปลากรุงเทพฯ
2. การตลาด
ความเคลื่อนไหวของราคาสัตว์น้ำที่สำคัญประจำสัปดาห์นี้มีดังนี้
2.1 ปลาดุกบิ๊กอุย (ขนาด 3 - 4 ตัว/กก.) ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 54.48 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 55.88 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 1.40 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคลดลง
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.2 ปลาช่อน (ขนาดกลาง) ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 80.17 ราคาลดลง
จากกิโลกรัมละ 80.35 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.18 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคลดลง
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.3 กุ้งกุลาดำ ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาด 60 ตัวต่อกิโลกรัมและราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาดกลาง (60 ตัว/กก.) ไม่มีรายงานราคา
2.4 กุ้งขาวแวนนาไม ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 158.95 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 161.97 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 3.02 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคลดลง
สำหรับราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ
161.67 ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 170.00 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 8.33 บาท
2.5 ปลาทู (ขนาดกลาง) ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 64.35 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 68.71 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 4.36 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคลดลง
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.6 ปลาหมึกกระดอง (ขนาดกลาง) ราคาที่ชาวประมงขายได้ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.7 ปลาเป็ดและปลาป่น ราคาปลาเป็ดที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 9.00 บาท
ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับราคาปลาป่นขายส่งกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ปลาป่นชนิดโปรตีน 60% ขึ้นไป ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 29.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา และปลาป่นชนิดโปรตีนต่ำกว่า 60%
ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละบาท 24.00 ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา