สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์ 20-26 มกราคม 2568

 

ข้าว
 
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
1.1 การผลิต
1) ข้าวนาปี ปี 2567/68 สศก. คาดการณ์ข้อมูล ณ เดือนตุลาคม 2567 มีเนื้อที่เพาะปลูก 62.020 ล้านไร่ ผลผลิต 27.007 ล้านตัน ผลผลิตต่อไร่ 435 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับปี 2566/67 ที่มีเนื้อที่เพาะปลูก 62.098 ล้านไร่ ผลผลิต 26.934 ล้านตัน ผลผลิตต่อไร่ 431 กิโลกรัม เนื้อที่เพาะปลูกลดลงร้อยละ 0.13 ในขณะที่ผลผลิตและผลผลิตต่อไร่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.27 และร้อยละ 0.23 ตามลำดับ โดยเนื้อที่เพาะปลูกคาดว่าจะลดลง เนื่องจากเกษตรกร    มีแนวโน้มที่จะปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชอื่นที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า เช่น อ้อยโรงงาน หรือมันสำปะหลัง สำหรับผลผลิตและผลผลิตต่อไร่คาดว่าเพิ่มขึ้น เนื่องจากปริมาณน้ำฝนภายหลังจากที่เพาะปลูกแล้วเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของต้นข้าว ประกอบกับราคาที่เกษตรกรขายได้ยังจูงใจให้เกษตรกรดูแลรักษา ถึงแม้ว่าในบางจังหวัดประสบอุทกภัยในช่วงเดือนสิงหาคม - กันยายน 2567 มีน้ำท่วมขังเป็นเวลานานทำให้ผลผลิตเสียหาย และบางพื้นที่มีการระบาดของแมลงหวี่ขาว แต่พื้นที่ส่วนใหญ่มีปริมาณน้ำฝนเพียงพอเหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของต้นข้าว และไม่พบการระบาดของโรคและแมลง ส่งผลให้ภาพรวมผลผลิตทั้งประเทศเพิ่มขึ้น
คาดการณ์ผลผลิตเริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2567 - พฤษภาคม 2568 โดยเดือนมกราคม 2568 ผลผลิตออกสู่ตลาด ปริมาณ 0.417 ล้านตันข้าวเปลือก หรือคิดเป็นร้อยละ 1.54 ของผลผลิตข้าวนาปีทั้งหมด โดยตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคม - มกราคม 2568 มีผลผลิตออกสู่ตลาดประมาณ 26.746 ล้านตันข้าวเปลือก หรือคิดเป็นร้อยละ 99.04 ของผลผลิตข้าวนาปีทั้งหมด คงเหลือผลผลิตที่คาดว่าจะออกสู่ตลาดอีกประมาณ 0.261 ล้านตันข้าวเปลือก หรือร้อยละ 0.96 ของผลผลิตข้าวนาปีทั้งหมด
2) ข้าวนาปรัง ปี 2568 สศก. คาดการณ์ข้อมูล ณ เดือนพฤศจิกายน 2567 มีเนื้อที่เพาะปลูก 12.005 ล้านไร่ ผลผลิต 7.864 ล้านตันข้าวเปลือก และผลผลิตต่อไร่ 655 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับปี 2567 ที่มีเนื้อที่เพาะปลูก 10.125 ล้านไร่ ผลผลิต 6.560 ล้านตัน ผลผลิตต่อไร่ 648 กิโลกรัม ทั้งเนื้อที่เพาะปลูก ผลผลิต และผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้นจาก ปี 2567 ร้อยละ 18.57 ร้อยละ 19.88 และร้อยละ 1.08 ตามลำดับ โดยเนื้อที่เพาะปลูกคาดว่าจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากปรากฏการณ์ลานีญาที่เริ่มขึ้นในช่วงเดือนกรกฎาคม ถึง กันยายน 2567 และคาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเนื่อง
ไปจนถึงต้นปี 2568 จะทำให้ปริมาณน้ำฝนมากกว่าปกติ รวมถึงน้ำในอ่างเก็บน้ำส่วนใหญ่และน้ำตามแหล่งน้ำธรรมชาติเมื่อต้นฤดูกาลเพาะปลูกมีปริมาณมากกว่าปีที่แล้ว จูงใจให้เกษตรบางส่วนขยายเนื้อที่เพาะปลูกในที่นา
ที่เคยปล่อยว่าง เพื่อปลูกชดเชยข้าวนาปีที่เสียหายจากน้ำท่วม สำหรับผลผลิตต่อไร่คาดว่าเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีน้ำเพียงพอต่อต่อการเพาะปลูกและการเจริญเติบโตของต้นข้าว
ทั้งนี้ เกษตรกรเก็บเกี่ยวผลผลิตตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ - ตุลาคม 2568 โดยคาดว่าผลผลิตจะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนมีนาคม - เมษายน 2568 ปริมาณรวม 5.33 ล้านตันข้าวเปลือก หรือร้อยละ 67.73 ของผลผลิต
ข้าวนาปรังทั้งหมด
1.2 ราคา
1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ
ข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 15,084 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 14,999 บาท  ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.57
ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 9,090 บาท ราคาลดลงจากตันละ 9,245 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.68
2) ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 35,150 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ข้าวขาว 5% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 14,450 บาท ราคาลดลงจากตันละ 15,130 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 4.49 
3) ราคาส่งออกเอฟโอบี
ข้าวหอมมะลิไทย 100% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 967 ดอลลาร์สหรัฐฯ (32,699 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 944 ดอลลาร์สหรัฐฯ (32,480 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.44 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 219 บาท
ข้าวขาว 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 469 ดอลลาร์สหรัฐฯ (15,859 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 472 ดอลลาร์สหรัฐฯ (16,240 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.64 และลดลงในรูปเงินบาทตันละ 381 บาท
ข้าวนึ่ง 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 495 ดอลลาร์สหรัฐฯ (16,738 บาท/ตัน) ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน แต่ลดลงในรูปเงินบาทตันละ 293 บาท
หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 33.8147 บาท
2. สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ
1) ฟิลิปปินส์  
ฟิลิปปินส์เตรียมออกมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาราคาข้าวภายในประเทศที่ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง แม้จะมีการลดภาษีนำเข้าข้าวจากร้อยละ 35 เป็นร้อยละ 15 ในปี 2567 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้จนถึงปี 2571 และ
มีปริมาณข้าวเพียงพอต่อความต้องการบริโภคของประชาชน ประกอบกับราคาข้าวในตลาดโลกได้ปรับลดลงแล้วก็ตาม แต่ราคาขายปลีกในประเทศยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าปกติ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้เงินเฟ้อของฟิลิปปินส์สูง
เกินกรอบเป้าหมายที่ธนาคารกลางกำหนดไว้ที่ร้อยละ 2 – 4 ทั้งในปี 2565 และปี 2566
ในการนี้ นาย Ferdinand Marcos Jr. ประธานาธิบดีของฟิลิปปินส์ได้สั่งการให้ควบคุมราคาข้าว ซึ่งเป็นอาหารหลักของประชาชน พร้อมทั้งจัดสรรเงินช่วยเหลือให้แก่ผู้ค้าข้าวรายย่อยและเจ้าของร้านค้าขนาดเล็ก
ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าว นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมของฟิลิปปินส์ได้เปิดเผยว่า คณะกรรมการประสานงานราคาแห่งชาติ ได้เสนอให้องค์การอาหารแห่งชาติ (National Food Administration; NFA) ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบในการบริหารจัดการข้าวของประเทศ เริ่มทยอยปล่อยข้าวจากคลังสำรอง โดยคาดว่า NFA จะระบายข้าวออกสู่ตลาดในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ประมาณ 300,000 ตัน
ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์
2) อินโดนีเซีย
สำนักงานสถิติกลางแห่งอินโดนีเซีย (Central Statistics Agency; BPS) รายงานการนําเข้าข้าวในปี 2567 ว่า มีประมาณ 4.52 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 3.06 ล้านตัน ในปี 2566 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 47.62 ซึ่งนำเข้าจาก 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย เวียดนาม เมียนมาร์ ปากีสถาน และอินเดีย โดยส่วนใหญ่นำเข้ามาจากไทยในปริมาณ 1.36 ล้านตัน มูลค่า 862 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (29,148 ล้านบาท) คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 30.19 รองลงมา ได้แก่ เวียดนามปริมาณ 1.25 ล้านตัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 27.62 เมียนมาปริมาณ 0.83 ล้านตัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 18.40 ปากีสถานปริมาณ 0.80 ล้านตัน และอินเดียปริมาณ 0.25 ล้านตัน นอกจากนี้ อินโดนีเซียยังนําเข้าข้าวจากประเทศอื่นๆ อีกประมาณ 0.03 ล้านตัน
ทั้งนี้ จากข้อมูลของ BPS ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา พบว่า การนำเข้าข้าวในปี 2567 มีปริมาณสูงที่สุด ที่ 4.52 ล้านตัน โดยในปี 2563 มีการนำเข้าข้าวประมาณ 0.36 ล้านตัน ปี 2564 มีประมาณ 0.41 ล้านตัน ปี 2565 มีประมาณ 0.43 ล้านตัน และในปี 2566 การนําเข้าข้าวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นปริมาณ 3.06 ล้านตัน
ที่มา สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย
หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 33.8147 บาท

 


ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์


1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
ราคาข้าวโพดในประเทศช่วงสัปดาห์นี้ มีดังนี้
ราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นไม่เกิน 14.5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 8.64 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 8.60 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.47 และราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นเกิน 14.5%
สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 6.62 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 6.60 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.30
ราคาข้าวโพดขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ ที่โรงงานอาหารสัตว์รับซื้อ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ  10.73 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 10.74 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.09
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี. สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในต่างประเทศ
กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ คาดคะเนความต้องการใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของโลก ปี 2567/68
มีปริมาณ 1,238.47 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 1,217.22 ล้านตัน ในปี 2566/67 ร้อยละ 1.75 โดย จีน บราซิล เม็กซิโก อินเดีย อาร์เจนตินา ญี่ปุ่น เวียดนาม อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ และรัสเซีย มีความต้องการใช้เพิ่มขึ้น สำหรับการค้าของโลกมี 189.72 ล้านตัน ลดลงจาก 197.85 ล้านตัน ในปี 2566/67 ร้อยละ 4.11            
โดย บราซิล ยูเครน รัสเซีย ปารากวัย สหภาพยุโรป เมียนมา แคนาดา และเซอร์เบีย ส่งออกลดลงประกอบกับผู้นำเข้า เช่น สหรัฐอเมริกา เม็กซิโก สหภาพยุโรป จีน เกาหลีใต้ อิหร่าน โคลอมเบีย ซาอุดีอาระเบีย เปรู มาเลเซีย โมร็อกโก อังกฤษ ตุรกี แคนาดา ชิลี กัวเตมาลา ไทย ฟิลิปปินส์ สาธารณรัฐโดมินิกัน และบราซิล มีการนำเข้าลดลง
ราคาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดชิคาโกเดือนมีนาคม 2568 ข้าวโพดเมล็ดเหลืองอเมริกันชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 488.00 เซนต์ (6,568.00 บาท/ตัน) สูงขึ้นจากบุชเชลละ 478.00 เซนต์ (6,545.00 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.09 และสูงขึ้นในรูปของเงินบาทตันละ 23.00 บาท




มันสำปะหลัง

สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
การผลิต
ผลผลิตมันสำปะหลังปี 2568 (เริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 – กันยายน 2568) คาดว่ามีพื้นที่เก็บเกี่ยว 8.629 ล้านไร่ ผลผลิต 27.196 ล้านตัน และผลผลิตต่อไร่ 3,152 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับปี 2567
ที่มีพื้นที่เก็บเกี่ยว 8.421 ล้านไร่ ผลผลิต 26.783 ล้านตัน และผลผลิตต่อไร่ 3,181 กิโลกรัม พบว่า พื้นที่เก็บเกี่ยว    และผลผลิต เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.47 และร้อยละ 1.54 ตามลำดับ แต่ผลผลิตต่อไร่ ลดลงร้อยละ 0.91 โดยเดือน
มกราคม 2568 คาดว่าจะมีผลผลิตออกสู่ตลาด 4.69 ล้านตัน (ร้อยละ 17.24 ของผลผลิตทั้งหมด)
ทั้งนี้ผลผลิตมันสำปะหลังปี 2568 จะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนมกราคม – มีนาคม 2568 ปริมาณ 15.56 ล้านตัน (ร้อยละ 57.23 ของผลผลิตทั้งหมด)
ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศประจำสัปดาห์ สรุปได้ดังนี้
ราคาหัวมันสำปะหลังสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1.80 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 1.81 บาท         ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.55
ราคามันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 5.63 บาท ราคาเพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 5.62 บาท         ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.18
ราคาขายส่งในประเทศ
ราคาขายส่งมันเส้น (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต จ.ชลบุรี และ จ.อยุธยา) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ5.70 บาท ราคาเพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 5.67 บาท ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.53
ราคาขายส่งแป้งมันสำปะหลังชั้นพิเศษ (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขตกรุงเทพ และปริมณฑล) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 13.96 บาท ราคาเพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 13.90 บาท ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.43
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ราคาส่งออกมันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 185.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (6,320 บาทต่อตัน) ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน ตันละ 185.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (6,420 บาทต่อตัน)
ราคาส่งออกแป้งมันสำปะหลัง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 413.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,100 บาทต่อตัน)  ราคาเพิ่มขึ้นจากตันละ 410.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,220 บาทต่อตัน)  ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.73


 


ปาล์มน้ำมัน

1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ  
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร คาดว่าปี 2568 ผลผลิตปาล์มน้ำมันเดือนมกราคมจะมีประมาณ 1.235 ล้านตัน คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.222 ล้านตัน สูงขึ้นจากผลผลิตปาล์มทะลาย 1.007 ล้านตัน
คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.181 ล้านตันของเดือนธันวาคม 2567 คิดเป็นร้อยละ 22.64 และร้อยละ 22.65 ตามลำดับ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาผลปาล์มทะลาย สัปดาห์นี้ เฉลี่ย กก.ละ 8.42 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 8.05 บาท ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 4.60  
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาน้ำมันปาล์มดิบ สัปดาห์นี้เฉลี่ย กก.ละ 47.08 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 45.25 บาท ในกับสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 4.04  
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
สถานการณ์ในต่างประเทศ
ราคาในตลาดต่างประเทศ

ตลาดมาเลเซีย ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 4,479.35 ริงกิตมาเลเซีย (34.70 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 4,503.30 ริงกิตมาเลเซีย (35.17 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 0.53  
ตลาดรอตเตอร์ดัม ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,190.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (40.72 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 1,211.25 ดอลลาร์สหรัฐฯ (42.16 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 1.75
หมายเหตุ  :  ราคาในตลาดต่างประเทศเฉลี่ย 5 วัน


 


อ้อยและน้ำตาล
 
  1. สรุปภาวะการผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
          - นายใบน้อย สุวรรณชาตรี เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ได้ทำหนังสือขอความร่วมมือไปยังโรงงานน้ำตาลทั้ง 58 แห่ง ให้รับเฉพาะอ้อยสดเข้าหีบ โดยชะลอ ระงับ ยับยั้ง และยุติการเผาไร่อ้อย พร้อมทั้งยุติการรับซื้ออ้อยไฟไหม้เข้าหีบ ระหว่างวันที่ 3 มกราคม 2568 เวลา 00.01 น. จนถึงวันที่ 12 มกราคม 2568 เวลา 23.59 น. เพื่อเป็นของขวัญวันเด็กสำหรับเยาวชนไทยทั้งประเทศ ทั้งนี้ โดยข้อมูลภาพรวมเฉลี่ย ณ ปัจจุบัน (5 มกราคม 2568) มีปริมาณอ้อยเข้าหีบทั้งหมดประมาณ 18 ล้านตัน โดยเป็นอ้อยไฟไหม้ประมาณ 4 ล้านตัน คิดเป็นร้อยละ 21.80 ของปริมาณอ้อยเข้าหีบทั้งหมด (ที่มา: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์)
2. สรุปภาวะการผลิต การตลาดและราคาในต่างประเทศ
          - กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทย เปิดเผยว่า หน่วยงานความปลอดภัยด้านอาหารส่งออก-นำเข้าของจีน
หรือ The Food Safety Bureau of The General Administration of Customs of The People’s Republic of China (GACC) ได้ระงับการนำเข้าสินค้าประเภทน้ำตาลจากประเทศไทย 2 รายการ ได้แก่ น้ำเชื่อม (Syrup) พิกัด 170290110 และน้ำตาลผสมล่วงหน้า (Pre-mixed powder) พิกัด 1702901200 เนื่องจากตรวจพบความเสี่ยงทางด้านความปลอดภัยของอาหาร และความไม่สอดคล้องกับข้อบังคับและกฎระเบียบของจีน ทั้งนี้ คำสั่งของ GACC มีผลบังคับใช้ 2 ประการคือ 1) จีนจะระงับการยื่นเรื่องขอขึ้นทะเบียนโรงงานผู้ผลิตส่งออกน้ำเชื่อม/น้ำตาลผสม
รายใหม่จากประเทศไทย และ 2) โรงงานผู้ส่งออกไทยที่ขึ้นทะเบียนกับทาง GACC ไว้ก่อนหน้านี้ และมีการส่งออกสินค้าน้ำเชื่อม/น้ำตาลผสมออกจากประเทศไทยก่อนวันที่ 10 ธันวาคม 2567 จะได้รับการผ่อนผันให้นำเข้าได้ สำหรับส่วนที่ส่งออกจากประเทศไทยหลังวันที่ 10 ธันวาคม 2567 จะถูกระงับการนำเข้า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) อยู่ระหว่างเร่งจัดทำข้อมูลเพื่อเสนอขอยกเลิกการระงับนำเข้า โดยจะจัดส่งแนวทางการควบคุมความปลอดภัยอาหารในระบบการผลิตอาหารของไทย ซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนดในประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับ 420 ที่กำกับดูแลโดย อย. พร้อมทั้งส่งรายชื่อผู้ประกอบการที่ได้รับการรับรองจาก อย. แล้ว เพื่อขอให้จีนพิจารณายกเลิกระงับนำเข้าต่อไป (ที่มา: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์, The Standard)
- รัฐบาลจีนระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 เป็นต้นไป อัตราอากรขาเข้าตามกรอบทั่วไปของชาติที่ได้รับความอนุเคราะห์ยิ่ง (Most Favored Nation, MFN) สำหรับน้ำเชื่อม และน้ำตาลผสมบางประเภทจะเพิ่มขึ้นจาก
ร้อยละ 12 เป็นร้อยละ 20 ด้านนักวิเคราะห์กล่าวว่า มาตรการนี้จะช่วยลดการนำเข้าน้ำเชื่อมและน้ำตาลผสม
จากประเทศไทย เวียดนาม และประเทศอื่นๆ ได้ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้ราคาน้ำตาลในประเทศจีนสูงขึ้น (ที่มา: บริษัท อ้อยและน้ำตาลไทย จำกัด)
          - Wilmar กล่าวว่า ปริมาณผลผลิตอ้อยบริเวณภาคกลาง - ใต้ของบราซิลในปีการผลิต 2568/69
ยังคงคาดการณ์ได้ยาก เนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวน ทั้งความแห้งแล้งและฝนที่ตกหนักตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 ทำให้เกิดความกังวลว่า อ้อยโรงงานจะไม่สามารถฟื้นตัวได้ ซึ่งจะส่งผลต่อการผลิตน้ำตาลโดยรวม ด้านบริษัท
ที่ปรึกษา BTG คาดการณ์ว่า สภาพอากาศที่ดีขึ้นจะช่วยให้ปริมาณผลผลิตอ้อยของบริษัท Jalles Machado
ในปีการผลิต 2568/69 เพิ่มขึ้น โดยสัดส่วนการนำอ้อยไปผลิตน้ำตาลจะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 53 - 55  หรืออาจสูงกว่าที่คาดการณ์ ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายการหีบอ้อยเพิ่มขึ้นจาก 7.90 ล้านตันในปีการผลิต 2567/68 เป็น 9 ล้านตันภายในปีการผลิต 2569/70 (ที่มา: บริษัท อ้อยและน้ำตาลไทย จำกัด)




 

 
ถั่วเหลือง

1. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาถั่วเหลืองชนิดคละสัปดาห์นี้กิโลกรัมละ 17.14 บาท ราคาทรงตัวจากสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
สัปดาห์นี้ไม่มีการรายงานราคาขายส่งถั่วเหลืองสกัดน้ำมัน
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
ราคาในตลาดต่างประเท (ตลาดชิคาโก)
ราคาซื้อขายล่วงหน้าเมล็ดถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 1,061.05 เซนต์ (13.34 บาท/กก.) สูงขึ้นจากบุชเชลละ 1,036.00 เซนต์ (13.03 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 2.42
ราคาซื้อขายล่วงหน้ากากถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 311.75 ดอลลาร์สหรัฐฯ (10.67 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 298.44 ดอลลาร์สหรัฐฯ (10.21 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 4.46
ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันถั่วเหลืองสัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 44.36 เซนต์ (33.46 บาท/กก.) ลดลงจากปอนด์ละ 45.64 เซนต์ (34.42 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 2.80


 

 
ยางพารา
 
 

 
ถั่วเขียว

สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดใหญ่คละ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 22.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำคละ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 23.75 บาท
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดเล็กคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 34.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 28.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 50.00 บาท บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 32.00 บาท บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 34.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1036.20 ดอลลาร์สหรัฐ (35.04 บาท/กก.) เพิ่มขึ้นจากตันละ 1019.00 ดอลลาร์สหรัฐ (35.06 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.69 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.02 บาท
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 857.40 ดอลลาร์สหรัฐ (28.99 บาท/กก.) เพิ่มขึ้นจากตันละ 843.20 ดอลลาร์สหรัฐ (29.01 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.68 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.02 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,512.40 ดอลลาร์สหรัฐ (51.14 บาท/กก.) เพิ่มขึ้นจากตันละ ละ 1,487.40 ดอลลาร์สหรัฐ (51.18 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.68 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.03 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 976.80 ดอลลาร์สหรัฐ (33.03 บาท/กก.) เพิ่มขึ้นจากตันละ 960.40 ดอลลาร์สหรัฐ (33.04 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.71 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.01 บาท
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1030.20 ดอลลาร์สหรัฐ (34.84 บาท/กก.) เพิ่มขึ้นจากตันละ 1013.00 ดอลลาร์สหรัฐ (34.85 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.70 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.02 บาท


 

 
ถั่วลิสง

สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ความเคลื่อนไหวของราคาประจำสัปดาห์ มีดังนี้
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกแห้ง สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 37.02 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 37.87 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.24
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดพิเศษ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 77.50 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดธรรมดา สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 67.50 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา


 

 
ฝ้าย

 

 
ไหม

ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 2,071 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,471 บาท ลดลงสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 1,481 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.68 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 3 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 973 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา


 

 
ปศุสัตว์

สุกร
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
 
ภาวะตลาดสุกรสัปดาห์นี้ ราคาสุกรมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดสอดรับกับความต้องการบริโภค แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะสูงขึ้น        
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
สุกรมีชีวิตพันธุ์ผสมน้ำหนัก 100 กิโลกรัมขึ้นไป ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ  71.89 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 71.38 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.71 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 65.10 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 66.29 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 75.31 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 73.29 บาท ส่วนราคาลูกสุกรตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้  ตัวละ 2,300 บาท สูงขึ้นจากตัวละ 2,200 บาท คิดเป็นร้อยละ 4.55 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งสุกรมีชีวิต ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 77.30 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 76.10 บาท คิดเป็นร้อยละ 1.58 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา

ไก่เนื้อ
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ

สัปดาห์นี้ราคาไก่เนื้อมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคสอดรับกับผลผลิตที่ออกสู่ตลาด แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย    
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 41.05 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 41.00 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.12 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 42.00 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 40.75 บาท ภาคใต้ กิโลกรัมละ 43.00 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่เนื้อตามประกาศของบริษัท ซี.พี ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 18.50 บาท ทรงตัวเท่าสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไก่มีชีวิตหน้าโรงฆ่า จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 41.50 บาท  และราคาขายส่งไก่สดทั้งตัวรวมเครื่องใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 59.00 บาท ทรงตัวเท่าสัปดาห์ที่ผ่านมา

ไข่ไก่
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
   
สถานการณ์ตลาดไข่ไก่สัปดาห์นี้ ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ลดลงจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภค  ยังคงชะลอตัว แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 357 บาท  บาท ลดลงจากร้อยฟองละ 358  บาท คิดเป็นร้อยละ 0.28 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 342 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 352 บาท  ภาคกลางร้อยฟองละ 364 บาท และภาคใต้ไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่ไข่ตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 28.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา 
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่ไก่ (เฉลี่ยเบอร์ 0 - 4) ในตลาดกรุงเทพฯจากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 392 บาททรงตัวเท่าสัปดาห์ที่ผ่านมา

ไข่เป็ด
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ

ราคาไข่เป็ดที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 421  บาท สูงขึ้นจากร้อยฟองละ 418  บาท คิดเป็นร้อยละ 0.72 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 439 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 427 บาท  ภาคกลางร้อยฟองละ 392 บาท และภาคใต้ร้อยฟองละ 459 บาท
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่เป็ดคละ ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 480 บาท บาท ทรงตัวเท่าสัปดาห์ที่ผ่านมา

โคเนื้อ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
   
ราคาโคพันธุ์ลูกผสม (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 68.64 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 67.66 บาท คิดเป็นร้อยละ 1.45 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 76.61 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 63.18 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 59.22 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 89.76 บาท

กระบือ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ

ราคากระบือ (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 56.95 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 57.93 บาท คิดเป็นร้อยละ 1.69 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 87.08 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 51.14 บาท  ภาคกลางและภาคใต้ไม่มีรายงาน


 

 
 

 
ประมง

สถานการณ์การผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
1. การผลิต
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (ระหว่างวันที่ 20 – 26 มกราคม 2568) ไม่มีรายงานปริมาณจากองค์การสะพานปลากรุงเทพฯ
 2. การตลาด
ความเคลื่อนไหวของราคาสัตว์น้ำที่สำคัญประจำสัปดาห์นี้มีดังนี้
2.1 ปลาดุกบิ๊กอุย (ขนาด 3 - 4 ตัว/กก.)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 59.46 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 62.30 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 2.84 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคลดลง
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.2 ปลาช่อน (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 80.05 ราคาสูงขึ้นเล็กน้อยจากกิโลกรัมละ 80.04 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.01 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.3 กุ้งกุลาดำ
ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาด 60 ตัวต่อกิโลกรัมและราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาดกลาง (60 ตัว/กก.) ไม่มีรายงานราคา
2.4 กุ้งขาวแวนนาไม
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 160.52 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 154.73 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 5.79 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้น
สำหรับราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 166.67 ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 164.17 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 2.50 บาท
2.5 ปลาทู (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 71.62 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคคงที่
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.6 ปลาหมึกกระดอง (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.7 ปลาเป็ดและปลาป่น
ราคาปลาเป็ดที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 9.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับราคาปลาป่นขายส่งกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ปลาป่นชนิดโปรตีน 60% ขึ้นไป ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 29.00 บาท
ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา และปลาป่นชนิดโปรตีนต่ำกว่า 60% ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละบาท 24.00 ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา


 

 

 


สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์ 20-26 มกราคม 2568

 

ข้าว
 
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
1.1 การผลิต
1) ข้าวนาปี ปี 2567/68 สศก. คาดการณ์ข้อมูล ณ เดือนตุลาคม 2567 มีเนื้อที่เพาะปลูก 62.020 ล้านไร่ ผลผลิต 27.007 ล้านตัน ผลผลิตต่อไร่ 435 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับปี 2566/67 ที่มีเนื้อที่เพาะปลูก 62.098 ล้านไร่ ผลผลิต 26.934 ล้านตัน ผลผลิตต่อไร่ 431 กิโลกรัม เนื้อที่เพาะปลูกลดลงร้อยละ 0.13 ในขณะที่ผลผลิตและผลผลิตต่อไร่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.27 และร้อยละ 0.23 ตามลำดับ โดยเนื้อที่เพาะปลูกคาดว่าจะลดลง เนื่องจากเกษตรกร    มีแนวโน้มที่จะปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชอื่นที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า เช่น อ้อยโรงงาน หรือมันสำปะหลัง สำหรับผลผลิตและผลผลิตต่อไร่คาดว่าเพิ่มขึ้น เนื่องจากปริมาณน้ำฝนภายหลังจากที่เพาะปลูกแล้วเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของต้นข้าว ประกอบกับราคาที่เกษตรกรขายได้ยังจูงใจให้เกษตรกรดูแลรักษา ถึงแม้ว่าในบางจังหวัดประสบอุทกภัยในช่วงเดือนสิงหาคม - กันยายน 2567 มีน้ำท่วมขังเป็นเวลานานทำให้ผลผลิตเสียหาย และบางพื้นที่มีการระบาดของแมลงหวี่ขาว แต่พื้นที่ส่วนใหญ่มีปริมาณน้ำฝนเพียงพอเหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของต้นข้าว และไม่พบการระบาดของโรคและแมลง ส่งผลให้ภาพรวมผลผลิตทั้งประเทศเพิ่มขึ้น
คาดการณ์ผลผลิตเริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2567 - พฤษภาคม 2568 โดยเดือนมกราคม 2568 ผลผลิตออกสู่ตลาด ปริมาณ 0.417 ล้านตันข้าวเปลือก หรือคิดเป็นร้อยละ 1.54 ของผลผลิตข้าวนาปีทั้งหมด โดยตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคม - มกราคม 2568 มีผลผลิตออกสู่ตลาดประมาณ 26.746 ล้านตันข้าวเปลือก หรือคิดเป็นร้อยละ 99.04 ของผลผลิตข้าวนาปีทั้งหมด คงเหลือผลผลิตที่คาดว่าจะออกสู่ตลาดอีกประมาณ 0.261 ล้านตันข้าวเปลือก หรือร้อยละ 0.96 ของผลผลิตข้าวนาปีทั้งหมด
2) ข้าวนาปรัง ปี 2568 สศก. คาดการณ์ข้อมูล ณ เดือนพฤศจิกายน 2567 มีเนื้อที่เพาะปลูก 12.005 ล้านไร่ ผลผลิต 7.864 ล้านตันข้าวเปลือก และผลผลิตต่อไร่ 655 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับปี 2567 ที่มีเนื้อที่เพาะปลูก 10.125 ล้านไร่ ผลผลิต 6.560 ล้านตัน ผลผลิตต่อไร่ 648 กิโลกรัม ทั้งเนื้อที่เพาะปลูก ผลผลิต และผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้นจาก ปี 2567 ร้อยละ 18.57 ร้อยละ 19.88 และร้อยละ 1.08 ตามลำดับ โดยเนื้อที่เพาะปลูกคาดว่าจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากปรากฏการณ์ลานีญาที่เริ่มขึ้นในช่วงเดือนกรกฎาคม ถึง กันยายน 2567 และคาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเนื่อง
ไปจนถึงต้นปี 2568 จะทำให้ปริมาณน้ำฝนมากกว่าปกติ รวมถึงน้ำในอ่างเก็บน้ำส่วนใหญ่และน้ำตามแหล่งน้ำธรรมชาติเมื่อต้นฤดูกาลเพาะปลูกมีปริมาณมากกว่าปีที่แล้ว จูงใจให้เกษตรบางส่วนขยายเนื้อที่เพาะปลูกในที่นา
ที่เคยปล่อยว่าง เพื่อปลูกชดเชยข้าวนาปีที่เสียหายจากน้ำท่วม สำหรับผลผลิตต่อไร่คาดว่าเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีน้ำเพียงพอต่อต่อการเพาะปลูกและการเจริญเติบโตของต้นข้าว
ทั้งนี้ เกษตรกรเก็บเกี่ยวผลผลิตตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ - ตุลาคม 2568 โดยคาดว่าผลผลิตจะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนมีนาคม - เมษายน 2568 ปริมาณรวม 5.33 ล้านตันข้าวเปลือก หรือร้อยละ 67.73 ของผลผลิต
ข้าวนาปรังทั้งหมด
1.2 ราคา
1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ
ข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 15,084 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 14,999 บาท  ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.57
ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 9,090 บาท ราคาลดลงจากตันละ 9,245 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.68
2) ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 35,150 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ข้าวขาว 5% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 14,450 บาท ราคาลดลงจากตันละ 15,130 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 4.49 
3) ราคาส่งออกเอฟโอบี
ข้าวหอมมะลิไทย 100% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 967 ดอลลาร์สหรัฐฯ (32,699 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 944 ดอลลาร์สหรัฐฯ (32,480 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.44 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 219 บาท
ข้าวขาว 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 469 ดอลลาร์สหรัฐฯ (15,859 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 472 ดอลลาร์สหรัฐฯ (16,240 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.64 และลดลงในรูปเงินบาทตันละ 381 บาท
ข้าวนึ่ง 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 495 ดอลลาร์สหรัฐฯ (16,738 บาท/ตัน) ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน แต่ลดลงในรูปเงินบาทตันละ 293 บาท
หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 33.8147 บาท
2. สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ
1) ฟิลิปปินส์  
ฟิลิปปินส์เตรียมออกมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาราคาข้าวภายในประเทศที่ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง แม้จะมีการลดภาษีนำเข้าข้าวจากร้อยละ 35 เป็นร้อยละ 15 ในปี 2567 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้จนถึงปี 2571 และ
มีปริมาณข้าวเพียงพอต่อความต้องการบริโภคของประชาชน ประกอบกับราคาข้าวในตลาดโลกได้ปรับลดลงแล้วก็ตาม แต่ราคาขายปลีกในประเทศยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าปกติ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้เงินเฟ้อของฟิลิปปินส์สูง
เกินกรอบเป้าหมายที่ธนาคารกลางกำหนดไว้ที่ร้อยละ 2 – 4 ทั้งในปี 2565 และปี 2566
ในการนี้ นาย Ferdinand Marcos Jr. ประธานาธิบดีของฟิลิปปินส์ได้สั่งการให้ควบคุมราคาข้าว ซึ่งเป็นอาหารหลักของประชาชน พร้อมทั้งจัดสรรเงินช่วยเหลือให้แก่ผู้ค้าข้าวรายย่อยและเจ้าของร้านค้าขนาดเล็ก
ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าว นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมของฟิลิปปินส์ได้เปิดเผยว่า คณะกรรมการประสานงานราคาแห่งชาติ ได้เสนอให้องค์การอาหารแห่งชาติ (National Food Administration; NFA) ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบในการบริหารจัดการข้าวของประเทศ เริ่มทยอยปล่อยข้าวจากคลังสำรอง โดยคาดว่า NFA จะระบายข้าวออกสู่ตลาดในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ประมาณ 300,000 ตัน
ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์
2) อินโดนีเซีย
สำนักงานสถิติกลางแห่งอินโดนีเซีย (Central Statistics Agency; BPS) รายงานการนําเข้าข้าวในปี 2567 ว่า มีประมาณ 4.52 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 3.06 ล้านตัน ในปี 2566 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 47.62 ซึ่งนำเข้าจาก 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย เวียดนาม เมียนมาร์ ปากีสถาน และอินเดีย โดยส่วนใหญ่นำเข้ามาจากไทยในปริมาณ 1.36 ล้านตัน มูลค่า 862 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (29,148 ล้านบาท) คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 30.19 รองลงมา ได้แก่ เวียดนามปริมาณ 1.25 ล้านตัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 27.62 เมียนมาปริมาณ 0.83 ล้านตัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 18.40 ปากีสถานปริมาณ 0.80 ล้านตัน และอินเดียปริมาณ 0.25 ล้านตัน นอกจากนี้ อินโดนีเซียยังนําเข้าข้าวจากประเทศอื่นๆ อีกประมาณ 0.03 ล้านตัน
ทั้งนี้ จากข้อมูลของ BPS ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา พบว่า การนำเข้าข้าวในปี 2567 มีปริมาณสูงที่สุด ที่ 4.52 ล้านตัน โดยในปี 2563 มีการนำเข้าข้าวประมาณ 0.36 ล้านตัน ปี 2564 มีประมาณ 0.41 ล้านตัน ปี 2565 มีประมาณ 0.43 ล้านตัน และในปี 2566 การนําเข้าข้าวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นปริมาณ 3.06 ล้านตัน
ที่มา สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย
หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 33.8147 บาท

 


ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์


1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
ราคาข้าวโพดในประเทศช่วงสัปดาห์นี้ มีดังนี้
ราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นไม่เกิน 14.5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 8.64 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 8.60 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.47 และราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นเกิน 14.5%
สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 6.62 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 6.60 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.30
ราคาข้าวโพดขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ ที่โรงงานอาหารสัตว์รับซื้อ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ  10.73 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 10.74 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.09
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี. สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในต่างประเทศ
กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ คาดคะเนความต้องการใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของโลก ปี 2567/68
มีปริมาณ 1,238.47 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 1,217.22 ล้านตัน ในปี 2566/67 ร้อยละ 1.75 โดย จีน บราซิล เม็กซิโก อินเดีย อาร์เจนตินา ญี่ปุ่น เวียดนาม อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ และรัสเซีย มีความต้องการใช้เพิ่มขึ้น สำหรับการค้าของโลกมี 189.72 ล้านตัน ลดลงจาก 197.85 ล้านตัน ในปี 2566/67 ร้อยละ 4.11            
โดย บราซิล ยูเครน รัสเซีย ปารากวัย สหภาพยุโรป เมียนมา แคนาดา และเซอร์เบีย ส่งออกลดลงประกอบกับผู้นำเข้า เช่น สหรัฐอเมริกา เม็กซิโก สหภาพยุโรป จีน เกาหลีใต้ อิหร่าน โคลอมเบีย ซาอุดีอาระเบีย เปรู มาเลเซีย โมร็อกโก อังกฤษ ตุรกี แคนาดา ชิลี กัวเตมาลา ไทย ฟิลิปปินส์ สาธารณรัฐโดมินิกัน และบราซิล มีการนำเข้าลดลง
ราคาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดชิคาโกเดือนมีนาคม 2568 ข้าวโพดเมล็ดเหลืองอเมริกันชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 488.00 เซนต์ (6,568.00 บาท/ตัน) สูงขึ้นจากบุชเชลละ 478.00 เซนต์ (6,545.00 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.09 และสูงขึ้นในรูปของเงินบาทตันละ 23.00 บาท




มันสำปะหลัง

สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
การผลิต
ผลผลิตมันสำปะหลังปี 2568 (เริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 – กันยายน 2568) คาดว่ามีพื้นที่เก็บเกี่ยว 8.629 ล้านไร่ ผลผลิต 27.196 ล้านตัน และผลผลิตต่อไร่ 3,152 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับปี 2567
ที่มีพื้นที่เก็บเกี่ยว 8.421 ล้านไร่ ผลผลิต 26.783 ล้านตัน และผลผลิตต่อไร่ 3,181 กิโลกรัม พบว่า พื้นที่เก็บเกี่ยว    และผลผลิต เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.47 และร้อยละ 1.54 ตามลำดับ แต่ผลผลิตต่อไร่ ลดลงร้อยละ 0.91 โดยเดือน
มกราคม 2568 คาดว่าจะมีผลผลิตออกสู่ตลาด 4.69 ล้านตัน (ร้อยละ 17.24 ของผลผลิตทั้งหมด)
ทั้งนี้ผลผลิตมันสำปะหลังปี 2568 จะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนมกราคม – มีนาคม 2568 ปริมาณ 15.56 ล้านตัน (ร้อยละ 57.23 ของผลผลิตทั้งหมด)
ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศประจำสัปดาห์ สรุปได้ดังนี้
ราคาหัวมันสำปะหลังสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1.80 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 1.81 บาท         ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.55
ราคามันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 5.63 บาท ราคาเพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 5.62 บาท         ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.18
ราคาขายส่งในประเทศ
ราคาขายส่งมันเส้น (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต จ.ชลบุรี และ จ.อยุธยา) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ5.70 บาท ราคาเพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 5.67 บาท ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.53
ราคาขายส่งแป้งมันสำปะหลังชั้นพิเศษ (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขตกรุงเทพ และปริมณฑล) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 13.96 บาท ราคาเพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 13.90 บาท ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.43
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ราคาส่งออกมันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 185.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (6,320 บาทต่อตัน) ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน ตันละ 185.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (6,420 บาทต่อตัน)
ราคาส่งออกแป้งมันสำปะหลัง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 413.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,100 บาทต่อตัน)  ราคาเพิ่มขึ้นจากตันละ 410.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,220 บาทต่อตัน)  ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.73


 


ปาล์มน้ำมัน

1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ  
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร คาดว่าปี 2568 ผลผลิตปาล์มน้ำมันเดือนมกราคมจะมีประมาณ 1.235 ล้านตัน คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.222 ล้านตัน สูงขึ้นจากผลผลิตปาล์มทะลาย 1.007 ล้านตัน
คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.181 ล้านตันของเดือนธันวาคม 2567 คิดเป็นร้อยละ 22.64 และร้อยละ 22.65 ตามลำดับ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาผลปาล์มทะลาย สัปดาห์นี้ เฉลี่ย กก.ละ 8.42 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 8.05 บาท ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 4.60  
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาน้ำมันปาล์มดิบ สัปดาห์นี้เฉลี่ย กก.ละ 47.08 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 45.25 บาท ในกับสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 4.04  
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
สถานการณ์ในต่างประเทศ
ราคาในตลาดต่างประเทศ

ตลาดมาเลเซีย ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 4,479.35 ริงกิตมาเลเซีย (34.70 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 4,503.30 ริงกิตมาเลเซีย (35.17 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 0.53  
ตลาดรอตเตอร์ดัม ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,190.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (40.72 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 1,211.25 ดอลลาร์สหรัฐฯ (42.16 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 1.75
หมายเหตุ  :  ราคาในตลาดต่างประเทศเฉลี่ย 5 วัน


 


อ้อยและน้ำตาล
 
  1. สรุปภาวะการผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
          - นายใบน้อย สุวรรณชาตรี เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ได้ทำหนังสือขอความร่วมมือไปยังโรงงานน้ำตาลทั้ง 58 แห่ง ให้รับเฉพาะอ้อยสดเข้าหีบ โดยชะลอ ระงับ ยับยั้ง และยุติการเผาไร่อ้อย พร้อมทั้งยุติการรับซื้ออ้อยไฟไหม้เข้าหีบ ระหว่างวันที่ 3 มกราคม 2568 เวลา 00.01 น. จนถึงวันที่ 12 มกราคม 2568 เวลา 23.59 น. เพื่อเป็นของขวัญวันเด็กสำหรับเยาวชนไทยทั้งประเทศ ทั้งนี้ โดยข้อมูลภาพรวมเฉลี่ย ณ ปัจจุบัน (5 มกราคม 2568) มีปริมาณอ้อยเข้าหีบทั้งหมดประมาณ 18 ล้านตัน โดยเป็นอ้อยไฟไหม้ประมาณ 4 ล้านตัน คิดเป็นร้อยละ 21.80 ของปริมาณอ้อยเข้าหีบทั้งหมด (ที่มา: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์)
2. สรุปภาวะการผลิต การตลาดและราคาในต่างประเทศ
          - กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทย เปิดเผยว่า หน่วยงานความปลอดภัยด้านอาหารส่งออก-นำเข้าของจีน
หรือ The Food Safety Bureau of The General Administration of Customs of The People’s Republic of China (GACC) ได้ระงับการนำเข้าสินค้าประเภทน้ำตาลจากประเทศไทย 2 รายการ ได้แก่ น้ำเชื่อม (Syrup) พิกัด 170290110 และน้ำตาลผสมล่วงหน้า (Pre-mixed powder) พิกัด 1702901200 เนื่องจากตรวจพบความเสี่ยงทางด้านความปลอดภัยของอาหาร และความไม่สอดคล้องกับข้อบังคับและกฎระเบียบของจีน ทั้งนี้ คำสั่งของ GACC มีผลบังคับใช้ 2 ประการคือ 1) จีนจะระงับการยื่นเรื่องขอขึ้นทะเบียนโรงงานผู้ผลิตส่งออกน้ำเชื่อม/น้ำตาลผสม
รายใหม่จากประเทศไทย และ 2) โรงงานผู้ส่งออกไทยที่ขึ้นทะเบียนกับทาง GACC ไว้ก่อนหน้านี้ และมีการส่งออกสินค้าน้ำเชื่อม/น้ำตาลผสมออกจากประเทศไทยก่อนวันที่ 10 ธันวาคม 2567 จะได้รับการผ่อนผันให้นำเข้าได้ สำหรับส่วนที่ส่งออกจากประเทศไทยหลังวันที่ 10 ธันวาคม 2567 จะถูกระงับการนำเข้า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) อยู่ระหว่างเร่งจัดทำข้อมูลเพื่อเสนอขอยกเลิกการระงับนำเข้า โดยจะจัดส่งแนวทางการควบคุมความปลอดภัยอาหารในระบบการผลิตอาหารของไทย ซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนดในประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับ 420 ที่กำกับดูแลโดย อย. พร้อมทั้งส่งรายชื่อผู้ประกอบการที่ได้รับการรับรองจาก อย. แล้ว เพื่อขอให้จีนพิจารณายกเลิกระงับนำเข้าต่อไป (ที่มา: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์, The Standard)
- รัฐบาลจีนระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 เป็นต้นไป อัตราอากรขาเข้าตามกรอบทั่วไปของชาติที่ได้รับความอนุเคราะห์ยิ่ง (Most Favored Nation, MFN) สำหรับน้ำเชื่อม และน้ำตาลผสมบางประเภทจะเพิ่มขึ้นจาก
ร้อยละ 12 เป็นร้อยละ 20 ด้านนักวิเคราะห์กล่าวว่า มาตรการนี้จะช่วยลดการนำเข้าน้ำเชื่อมและน้ำตาลผสม
จากประเทศไทย เวียดนาม และประเทศอื่นๆ ได้ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้ราคาน้ำตาลในประเทศจีนสูงขึ้น (ที่มา: บริษัท อ้อยและน้ำตาลไทย จำกัด)
          - Wilmar กล่าวว่า ปริมาณผลผลิตอ้อยบริเวณภาคกลาง - ใต้ของบราซิลในปีการผลิต 2568/69
ยังคงคาดการณ์ได้ยาก เนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวน ทั้งความแห้งแล้งและฝนที่ตกหนักตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 ทำให้เกิดความกังวลว่า อ้อยโรงงานจะไม่สามารถฟื้นตัวได้ ซึ่งจะส่งผลต่อการผลิตน้ำตาลโดยรวม ด้านบริษัท
ที่ปรึกษา BTG คาดการณ์ว่า สภาพอากาศที่ดีขึ้นจะช่วยให้ปริมาณผลผลิตอ้อยของบริษัท Jalles Machado
ในปีการผลิต 2568/69 เพิ่มขึ้น โดยสัดส่วนการนำอ้อยไปผลิตน้ำตาลจะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 53 - 55  หรืออาจสูงกว่าที่คาดการณ์ ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายการหีบอ้อยเพิ่มขึ้นจาก 7.90 ล้านตันในปีการผลิต 2567/68 เป็น 9 ล้านตันภายในปีการผลิต 2569/70 (ที่มา: บริษัท อ้อยและน้ำตาลไทย จำกัด)




 

 
ถั่วเหลือง

1. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาถั่วเหลืองชนิดคละสัปดาห์นี้กิโลกรัมละ 17.14 บาท ราคาทรงตัวจากสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
สัปดาห์นี้ไม่มีการรายงานราคาขายส่งถั่วเหลืองสกัดน้ำมัน
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
ราคาในตลาดต่างประเท (ตลาดชิคาโก)
ราคาซื้อขายล่วงหน้าเมล็ดถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 1,061.05 เซนต์ (13.34 บาท/กก.) สูงขึ้นจากบุชเชลละ 1,036.00 เซนต์ (13.03 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 2.42
ราคาซื้อขายล่วงหน้ากากถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 311.75 ดอลลาร์สหรัฐฯ (10.67 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 298.44 ดอลลาร์สหรัฐฯ (10.21 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 4.46
ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันถั่วเหลืองสัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 44.36 เซนต์ (33.46 บาท/กก.) ลดลงจากปอนด์ละ 45.64 เซนต์ (34.42 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 2.80


 

 
ยางพารา
 
 

 
ถั่วเขียว

สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดใหญ่คละ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 22.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำคละ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 23.75 บาท
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดเล็กคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 34.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 28.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 50.00 บาท บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 32.00 บาท บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 34.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1036.20 ดอลลาร์สหรัฐ (35.04 บาท/กก.) เพิ่มขึ้นจากตันละ 1019.00 ดอลลาร์สหรัฐ (35.06 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.69 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.02 บาท
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 857.40 ดอลลาร์สหรัฐ (28.99 บาท/กก.) เพิ่มขึ้นจากตันละ 843.20 ดอลลาร์สหรัฐ (29.01 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.68 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.02 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,512.40 ดอลลาร์สหรัฐ (51.14 บาท/กก.) เพิ่มขึ้นจากตันละ ละ 1,487.40 ดอลลาร์สหรัฐ (51.18 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.68 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.03 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 976.80 ดอลลาร์สหรัฐ (33.03 บาท/กก.) เพิ่มขึ้นจากตันละ 960.40 ดอลลาร์สหรัฐ (33.04 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.71 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.01 บาท
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1030.20 ดอลลาร์สหรัฐ (34.84 บาท/กก.) เพิ่มขึ้นจากตันละ 1013.00 ดอลลาร์สหรัฐ (34.85 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.70 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.02 บาท


 

 
ถั่วลิสง

สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ความเคลื่อนไหวของราคาประจำสัปดาห์ มีดังนี้
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกแห้ง สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 37.02 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 37.87 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.24
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดพิเศษ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 77.50 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดธรรมดา สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 67.50 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา


 

 
ฝ้าย

 

 
ไหม

ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 2,071 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,471 บาท ลดลงสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 1,481 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.68 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 3 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 973 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา


 

 
ปศุสัตว์

สุกร
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
 
ภาวะตลาดสุกรสัปดาห์นี้ ราคาสุกรมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดสอดรับกับความต้องการบริโภค แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะสูงขึ้น        
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
สุกรมีชีวิตพันธุ์ผสมน้ำหนัก 100 กิโลกรัมขึ้นไป ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ  71.89 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 71.38 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.71 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 65.10 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 66.29 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 75.31 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 73.29 บาท ส่วนราคาลูกสุกรตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้  ตัวละ 2,300 บาท สูงขึ้นจากตัวละ 2,200 บาท คิดเป็นร้อยละ 4.55 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งสุกรมีชีวิต ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 77.30 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 76.10 บาท คิดเป็นร้อยละ 1.58 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา

ไก่เนื้อ
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ

สัปดาห์นี้ราคาไก่เนื้อมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคสอดรับกับผลผลิตที่ออกสู่ตลาด แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย    
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 41.05 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 41.00 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.12 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 42.00 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 40.75 บาท ภาคใต้ กิโลกรัมละ 43.00 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่เนื้อตามประกาศของบริษัท ซี.พี ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 18.50 บาท ทรงตัวเท่าสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไก่มีชีวิตหน้าโรงฆ่า จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 41.50 บาท  และราคาขายส่งไก่สดทั้งตัวรวมเครื่องใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 59.00 บาท ทรงตัวเท่าสัปดาห์ที่ผ่านมา

ไข่ไก่
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
   
สถานการณ์ตลาดไข่ไก่สัปดาห์นี้ ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ลดลงจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภค  ยังคงชะลอตัว แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 357 บาท  บาท ลดลงจากร้อยฟองละ 358  บาท คิดเป็นร้อยละ 0.28 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 342 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 352 บาท  ภาคกลางร้อยฟองละ 364 บาท และภาคใต้ไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่ไข่ตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 28.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา 
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่ไก่ (เฉลี่ยเบอร์ 0 - 4) ในตลาดกรุงเทพฯจากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 392 บาททรงตัวเท่าสัปดาห์ที่ผ่านมา

ไข่เป็ด
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ

ราคาไข่เป็ดที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 421  บาท สูงขึ้นจากร้อยฟองละ 418  บาท คิดเป็นร้อยละ 0.72 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 439 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 427 บาท  ภาคกลางร้อยฟองละ 392 บาท และภาคใต้ร้อยฟองละ 459 บาท
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่เป็ดคละ ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 480 บาท บาท ทรงตัวเท่าสัปดาห์ที่ผ่านมา

โคเนื้อ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
   
ราคาโคพันธุ์ลูกผสม (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 68.64 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 67.66 บาท คิดเป็นร้อยละ 1.45 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 76.61 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 63.18 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 59.22 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 89.76 บาท

กระบือ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ

ราคากระบือ (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 56.95 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 57.93 บาท คิดเป็นร้อยละ 1.69 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 87.08 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 51.14 บาท  ภาคกลางและภาคใต้ไม่มีรายงาน


 

 
 

 
ประมง

สถานการณ์การผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
1. การผลิต
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (ระหว่างวันที่ 20 – 26 มกราคม 2568) ไม่มีรายงานปริมาณจากองค์การสะพานปลากรุงเทพฯ
 2. การตลาด
ความเคลื่อนไหวของราคาสัตว์น้ำที่สำคัญประจำสัปดาห์นี้มีดังนี้
2.1 ปลาดุกบิ๊กอุย (ขนาด 3 - 4 ตัว/กก.)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 59.46 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 62.30 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 2.84 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคลดลง
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.2 ปลาช่อน (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 80.05 ราคาสูงขึ้นเล็กน้อยจากกิโลกรัมละ 80.04 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.01 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.3 กุ้งกุลาดำ
ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาด 60 ตัวต่อกิโลกรัมและราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาดกลาง (60 ตัว/กก.) ไม่มีรายงานราคา
2.4 กุ้งขาวแวนนาไม
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 160.52 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 154.73 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 5.79 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้น
สำหรับราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 166.67 ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 164.17 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 2.50 บาท
2.5 ปลาทู (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 71.62 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคคงที่
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.6 ปลาหมึกกระดอง (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.7 ปลาเป็ดและปลาป่น
ราคาปลาเป็ดที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 9.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับราคาปลาป่นขายส่งกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ปลาป่นชนิดโปรตีน 60% ขึ้นไป ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 29.00 บาท
ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา และปลาป่นชนิดโปรตีนต่ำกว่า 60% ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละบาท 24.00 ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา


 

 

 


สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์ 20-26 มกราคม 2568

 

ข้าว
 
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
1.1 การผลิต
1) ข้าวนาปี ปี 2567/68 สศก. คาดการณ์ข้อมูล ณ เดือนตุลาคม 2567 มีเนื้อที่เพาะปลูก 62.020 ล้านไร่ ผลผลิต 27.007 ล้านตัน ผลผลิตต่อไร่ 435 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับปี 2566/67 ที่มีเนื้อที่เพาะปลูก 62.098 ล้านไร่ ผลผลิต 26.934 ล้านตัน ผลผลิตต่อไร่ 431 กิโลกรัม เนื้อที่เพาะปลูกลดลงร้อยละ 0.13 ในขณะที่ผลผลิตและผลผลิตต่อไร่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.27 และร้อยละ 0.23 ตามลำดับ โดยเนื้อที่เพาะปลูกคาดว่าจะลดลง เนื่องจากเกษตรกร    มีแนวโน้มที่จะปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชอื่นที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า เช่น อ้อยโรงงาน หรือมันสำปะหลัง สำหรับผลผลิตและผลผลิตต่อไร่คาดว่าเพิ่มขึ้น เนื่องจากปริมาณน้ำฝนภายหลังจากที่เพาะปลูกแล้วเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของต้นข้าว ประกอบกับราคาที่เกษตรกรขายได้ยังจูงใจให้เกษตรกรดูแลรักษา ถึงแม้ว่าในบางจังหวัดประสบอุทกภัยในช่วงเดือนสิงหาคม - กันยายน 2567 มีน้ำท่วมขังเป็นเวลานานทำให้ผลผลิตเสียหาย และบางพื้นที่มีการระบาดของแมลงหวี่ขาว แต่พื้นที่ส่วนใหญ่มีปริมาณน้ำฝนเพียงพอเหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของต้นข้าว และไม่พบการระบาดของโรคและแมลง ส่งผลให้ภาพรวมผลผลิตทั้งประเทศเพิ่มขึ้น
คาดการณ์ผลผลิตเริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2567 - พฤษภาคม 2568 โดยเดือนมกราคม 2568 ผลผลิตออกสู่ตลาด ปริมาณ 0.417 ล้านตันข้าวเปลือก หรือคิดเป็นร้อยละ 1.54 ของผลผลิตข้าวนาปีทั้งหมด โดยตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคม - มกราคม 2568 มีผลผลิตออกสู่ตลาดประมาณ 26.746 ล้านตันข้าวเปลือก หรือคิดเป็นร้อยละ 99.04 ของผลผลิตข้าวนาปีทั้งหมด คงเหลือผลผลิตที่คาดว่าจะออกสู่ตลาดอีกประมาณ 0.261 ล้านตันข้าวเปลือก หรือร้อยละ 0.96 ของผลผลิตข้าวนาปีทั้งหมด
2) ข้าวนาปรัง ปี 2568 สศก. คาดการณ์ข้อมูล ณ เดือนพฤศจิกายน 2567 มีเนื้อที่เพาะปลูก 12.005 ล้านไร่ ผลผลิต 7.864 ล้านตันข้าวเปลือก และผลผลิตต่อไร่ 655 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับปี 2567 ที่มีเนื้อที่เพาะปลูก 10.125 ล้านไร่ ผลผลิต 6.560 ล้านตัน ผลผลิตต่อไร่ 648 กิโลกรัม ทั้งเนื้อที่เพาะปลูก ผลผลิต และผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้นจาก ปี 2567 ร้อยละ 18.57 ร้อยละ 19.88 และร้อยละ 1.08 ตามลำดับ โดยเนื้อที่เพาะปลูกคาดว่าจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากปรากฏการณ์ลานีญาที่เริ่มขึ้นในช่วงเดือนกรกฎาคม ถึง กันยายน 2567 และคาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเนื่อง
ไปจนถึงต้นปี 2568 จะทำให้ปริมาณน้ำฝนมากกว่าปกติ รวมถึงน้ำในอ่างเก็บน้ำส่วนใหญ่และน้ำตามแหล่งน้ำธรรมชาติเมื่อต้นฤดูกาลเพาะปลูกมีปริมาณมากกว่าปีที่แล้ว จูงใจให้เกษตรบางส่วนขยายเนื้อที่เพาะปลูกในที่นา
ที่เคยปล่อยว่าง เพื่อปลูกชดเชยข้าวนาปีที่เสียหายจากน้ำท่วม สำหรับผลผลิตต่อไร่คาดว่าเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีน้ำเพียงพอต่อต่อการเพาะปลูกและการเจริญเติบโตของต้นข้าว
ทั้งนี้ เกษตรกรเก็บเกี่ยวผลผลิตตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ - ตุลาคม 2568 โดยคาดว่าผลผลิตจะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนมีนาคม - เมษายน 2568 ปริมาณรวม 5.33 ล้านตันข้าวเปลือก หรือร้อยละ 67.73 ของผลผลิต
ข้าวนาปรังทั้งหมด
1.2 ราคา
1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ
ข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 15,084 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 14,999 บาท  ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.57
ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 9,090 บาท ราคาลดลงจากตันละ 9,245 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.68
2) ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 35,150 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ข้าวขาว 5% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 14,450 บาท ราคาลดลงจากตันละ 15,130 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 4.49 
3) ราคาส่งออกเอฟโอบี
ข้าวหอมมะลิไทย 100% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 967 ดอลลาร์สหรัฐฯ (32,699 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 944 ดอลลาร์สหรัฐฯ (32,480 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.44 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 219 บาท
ข้าวขาว 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 469 ดอลลาร์สหรัฐฯ (15,859 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 472 ดอลลาร์สหรัฐฯ (16,240 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.64 และลดลงในรูปเงินบาทตันละ 381 บาท
ข้าวนึ่ง 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 495 ดอลลาร์สหรัฐฯ (16,738 บาท/ตัน) ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน แต่ลดลงในรูปเงินบาทตันละ 293 บาท
หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 33.8147 บาท
2. สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ
1) ฟิลิปปินส์  
ฟิลิปปินส์เตรียมออกมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาราคาข้าวภายในประเทศที่ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง แม้จะมีการลดภาษีนำเข้าข้าวจากร้อยละ 35 เป็นร้อยละ 15 ในปี 2567 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้จนถึงปี 2571 และ
มีปริมาณข้าวเพียงพอต่อความต้องการบริโภคของประชาชน ประกอบกับราคาข้าวในตลาดโลกได้ปรับลดลงแล้วก็ตาม แต่ราคาขายปลีกในประเทศยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าปกติ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้เงินเฟ้อของฟิลิปปินส์สูง
เกินกรอบเป้าหมายที่ธนาคารกลางกำหนดไว้ที่ร้อยละ 2 – 4 ทั้งในปี 2565 และปี 2566
ในการนี้ นาย Ferdinand Marcos Jr. ประธานาธิบดีของฟิลิปปินส์ได้สั่งการให้ควบคุมราคาข้าว ซึ่งเป็นอาหารหลักของประชาชน พร้อมทั้งจัดสรรเงินช่วยเหลือให้แก่ผู้ค้าข้าวรายย่อยและเจ้าของร้านค้าขนาดเล็ก
ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าว นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมของฟิลิปปินส์ได้เปิดเผยว่า คณะกรรมการประสานงานราคาแห่งชาติ ได้เสนอให้องค์การอาหารแห่งชาติ (National Food Administration; NFA) ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบในการบริหารจัดการข้าวของประเทศ เริ่มทยอยปล่อยข้าวจากคลังสำรอง โดยคาดว่า NFA จะระบายข้าวออกสู่ตลาดในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ประมาณ 300,000 ตัน
ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์
2) อินโดนีเซีย
สำนักงานสถิติกลางแห่งอินโดนีเซีย (Central Statistics Agency; BPS) รายงานการนําเข้าข้าวในปี 2567 ว่า มีประมาณ 4.52 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 3.06 ล้านตัน ในปี 2566 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 47.62 ซึ่งนำเข้าจาก 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย เวียดนาม เมียนมาร์ ปากีสถาน และอินเดีย โดยส่วนใหญ่นำเข้ามาจากไทยในปริมาณ 1.36 ล้านตัน มูลค่า 862 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (29,148 ล้านบาท) คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 30.19 รองลงมา ได้แก่ เวียดนามปริมาณ 1.25 ล้านตัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 27.62 เมียนมาปริมาณ 0.83 ล้านตัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 18.40 ปากีสถานปริมาณ 0.80 ล้านตัน และอินเดียปริมาณ 0.25 ล้านตัน นอกจากนี้ อินโดนีเซียยังนําเข้าข้าวจากประเทศอื่นๆ อีกประมาณ 0.03 ล้านตัน
ทั้งนี้ จากข้อมูลของ BPS ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา พบว่า การนำเข้าข้าวในปี 2567 มีปริมาณสูงที่สุด ที่ 4.52 ล้านตัน โดยในปี 2563 มีการนำเข้าข้าวประมาณ 0.36 ล้านตัน ปี 2564 มีประมาณ 0.41 ล้านตัน ปี 2565 มีประมาณ 0.43 ล้านตัน และในปี 2566 การนําเข้าข้าวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นปริมาณ 3.06 ล้านตัน
ที่มา สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย
หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 33.8147 บาท

 


ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์


1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
ราคาข้าวโพดในประเทศช่วงสัปดาห์นี้ มีดังนี้
ราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นไม่เกิน 14.5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 8.64 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 8.60 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.47 และราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นเกิน 14.5%
สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 6.62 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 6.60 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.30
ราคาข้าวโพดขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ ที่โรงงานอาหารสัตว์รับซื้อ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ  10.73 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 10.74 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.09
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี. สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในต่างประเทศ
กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ คาดคะเนความต้องการใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของโลก ปี 2567/68
มีปริมาณ 1,238.47 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 1,217.22 ล้านตัน ในปี 2566/67 ร้อยละ 1.75 โดย จีน บราซิล เม็กซิโก อินเดีย อาร์เจนตินา ญี่ปุ่น เวียดนาม อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ และรัสเซีย มีความต้องการใช้เพิ่มขึ้น สำหรับการค้าของโลกมี 189.72 ล้านตัน ลดลงจาก 197.85 ล้านตัน ในปี 2566/67 ร้อยละ 4.11            
โดย บราซิล ยูเครน รัสเซีย ปารากวัย สหภาพยุโรป เมียนมา แคนาดา และเซอร์เบีย ส่งออกลดลงประกอบกับผู้นำเข้า เช่น สหรัฐอเมริกา เม็กซิโก สหภาพยุโรป จีน เกาหลีใต้ อิหร่าน โคลอมเบีย ซาอุดีอาระเบีย เปรู มาเลเซีย โมร็อกโก อังกฤษ ตุรกี แคนาดา ชิลี กัวเตมาลา ไทย ฟิลิปปินส์ สาธารณรัฐโดมินิกัน และบราซิล มีการนำเข้าลดลง
ราคาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดชิคาโกเดือนมีนาคม 2568 ข้าวโพดเมล็ดเหลืองอเมริกันชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 488.00 เซนต์ (6,568.00 บาท/ตัน) สูงขึ้นจากบุชเชลละ 478.00 เซนต์ (6,545.00 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.09 และสูงขึ้นในรูปของเงินบาทตันละ 23.00 บาท




มันสำปะหลัง

สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
การผลิต
ผลผลิตมันสำปะหลังปี 2568 (เริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 – กันยายน 2568) คาดว่ามีพื้นที่เก็บเกี่ยว 8.629 ล้านไร่ ผลผลิต 27.196 ล้านตัน และผลผลิตต่อไร่ 3,152 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับปี 2567
ที่มีพื้นที่เก็บเกี่ยว 8.421 ล้านไร่ ผลผลิต 26.783 ล้านตัน และผลผลิตต่อไร่ 3,181 กิโลกรัม พบว่า พื้นที่เก็บเกี่ยว    และผลผลิต เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.47 และร้อยละ 1.54 ตามลำดับ แต่ผลผลิตต่อไร่ ลดลงร้อยละ 0.91 โดยเดือน
มกราคม 2568 คาดว่าจะมีผลผลิตออกสู่ตลาด 4.69 ล้านตัน (ร้อยละ 17.24 ของผลผลิตทั้งหมด)
ทั้งนี้ผลผลิตมันสำปะหลังปี 2568 จะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนมกราคม – มีนาคม 2568 ปริมาณ 15.56 ล้านตัน (ร้อยละ 57.23 ของผลผลิตทั้งหมด)
ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศประจำสัปดาห์ สรุปได้ดังนี้
ราคาหัวมันสำปะหลังสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1.80 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 1.81 บาท         ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.55
ราคามันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 5.63 บาท ราคาเพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 5.62 บาท         ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.18
ราคาขายส่งในประเทศ
ราคาขายส่งมันเส้น (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต จ.ชลบุรี และ จ.อยุธยา) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ5.70 บาท ราคาเพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 5.67 บาท ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.53
ราคาขายส่งแป้งมันสำปะหลังชั้นพิเศษ (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขตกรุงเทพ และปริมณฑล) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 13.96 บาท ราคาเพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 13.90 บาท ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.43
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ราคาส่งออกมันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 185.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (6,320 บาทต่อตัน) ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน ตันละ 185.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (6,420 บาทต่อตัน)
ราคาส่งออกแป้งมันสำปะหลัง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 413.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,100 บาทต่อตัน)  ราคาเพิ่มขึ้นจากตันละ 410.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,220 บาทต่อตัน)  ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.73


 


ปาล์มน้ำมัน

1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ  
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร คาดว่าปี 2568 ผลผลิตปาล์มน้ำมันเดือนมกราคมจะมีประมาณ 1.235 ล้านตัน คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.222 ล้านตัน สูงขึ้นจากผลผลิตปาล์มทะลาย 1.007 ล้านตัน
คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.181 ล้านตันของเดือนธันวาคม 2567 คิดเป็นร้อยละ 22.64 และร้อยละ 22.65 ตามลำดับ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาผลปาล์มทะลาย สัปดาห์นี้ เฉลี่ย กก.ละ 8.42 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 8.05 บาท ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 4.60  
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาน้ำมันปาล์มดิบ สัปดาห์นี้เฉลี่ย กก.ละ 47.08 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 45.25 บาท ในกับสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 4.04  
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
สถานการณ์ในต่างประเทศ
ราคาในตลาดต่างประเทศ

ตลาดมาเลเซีย ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 4,479.35 ริงกิตมาเลเซีย (34.70 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 4,503.30 ริงกิตมาเลเซีย (35.17 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 0.53  
ตลาดรอตเตอร์ดัม ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,190.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (40.72 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 1,211.25 ดอลลาร์สหรัฐฯ (42.16 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 1.75
หมายเหตุ  :  ราคาในตลาดต่างประเทศเฉลี่ย 5 วัน


 


อ้อยและน้ำตาล
 
  1. สรุปภาวะการผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
          - นายใบน้อย สุวรรณชาตรี เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ได้ทำหนังสือขอความร่วมมือไปยังโรงงานน้ำตาลทั้ง 58 แห่ง ให้รับเฉพาะอ้อยสดเข้าหีบ โดยชะลอ ระงับ ยับยั้ง และยุติการเผาไร่อ้อย พร้อมทั้งยุติการรับซื้ออ้อยไฟไหม้เข้าหีบ ระหว่างวันที่ 3 มกราคม 2568 เวลา 00.01 น. จนถึงวันที่ 12 มกราคม 2568 เวลา 23.59 น. เพื่อเป็นของขวัญวันเด็กสำหรับเยาวชนไทยทั้งประเทศ ทั้งนี้ โดยข้อมูลภาพรวมเฉลี่ย ณ ปัจจุบัน (5 มกราคม 2568) มีปริมาณอ้อยเข้าหีบทั้งหมดประมาณ 18 ล้านตัน โดยเป็นอ้อยไฟไหม้ประมาณ 4 ล้านตัน คิดเป็นร้อยละ 21.80 ของปริมาณอ้อยเข้าหีบทั้งหมด (ที่มา: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์)
2. สรุปภาวะการผลิต การตลาดและราคาในต่างประเทศ
          - กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทย เปิดเผยว่า หน่วยงานความปลอดภัยด้านอาหารส่งออก-นำเข้าของจีน
หรือ The Food Safety Bureau of The General Administration of Customs of The People’s Republic of China (GACC) ได้ระงับการนำเข้าสินค้าประเภทน้ำตาลจากประเทศไทย 2 รายการ ได้แก่ น้ำเชื่อม (Syrup) พิกัด 170290110 และน้ำตาลผสมล่วงหน้า (Pre-mixed powder) พิกัด 1702901200 เนื่องจากตรวจพบความเสี่ยงทางด้านความปลอดภัยของอาหาร และความไม่สอดคล้องกับข้อบังคับและกฎระเบียบของจีน ทั้งนี้ คำสั่งของ GACC มีผลบังคับใช้ 2 ประการคือ 1) จีนจะระงับการยื่นเรื่องขอขึ้นทะเบียนโรงงานผู้ผลิตส่งออกน้ำเชื่อม/น้ำตาลผสม
รายใหม่จากประเทศไทย และ 2) โรงงานผู้ส่งออกไทยที่ขึ้นทะเบียนกับทาง GACC ไว้ก่อนหน้านี้ และมีการส่งออกสินค้าน้ำเชื่อม/น้ำตาลผสมออกจากประเทศไทยก่อนวันที่ 10 ธันวาคม 2567 จะได้รับการผ่อนผันให้นำเข้าได้ สำหรับส่วนที่ส่งออกจากประเทศไทยหลังวันที่ 10 ธันวาคม 2567 จะถูกระงับการนำเข้า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) อยู่ระหว่างเร่งจัดทำข้อมูลเพื่อเสนอขอยกเลิกการระงับนำเข้า โดยจะจัดส่งแนวทางการควบคุมความปลอดภัยอาหารในระบบการผลิตอาหารของไทย ซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนดในประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับ 420 ที่กำกับดูแลโดย อย. พร้อมทั้งส่งรายชื่อผู้ประกอบการที่ได้รับการรับรองจาก อย. แล้ว เพื่อขอให้จีนพิจารณายกเลิกระงับนำเข้าต่อไป (ที่มา: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์, The Standard)
- รัฐบาลจีนระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 เป็นต้นไป อัตราอากรขาเข้าตามกรอบทั่วไปของชาติที่ได้รับความอนุเคราะห์ยิ่ง (Most Favored Nation, MFN) สำหรับน้ำเชื่อม และน้ำตาลผสมบางประเภทจะเพิ่มขึ้นจาก
ร้อยละ 12 เป็นร้อยละ 20 ด้านนักวิเคราะห์กล่าวว่า มาตรการนี้จะช่วยลดการนำเข้าน้ำเชื่อมและน้ำตาลผสม
จากประเทศไทย เวียดนาม และประเทศอื่นๆ ได้ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้ราคาน้ำตาลในประเทศจีนสูงขึ้น (ที่มา: บริษัท อ้อยและน้ำตาลไทย จำกัด)
          - Wilmar กล่าวว่า ปริมาณผลผลิตอ้อยบริเวณภาคกลาง - ใต้ของบราซิลในปีการผลิต 2568/69
ยังคงคาดการณ์ได้ยาก เนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวน ทั้งความแห้งแล้งและฝนที่ตกหนักตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 ทำให้เกิดความกังวลว่า อ้อยโรงงานจะไม่สามารถฟื้นตัวได้ ซึ่งจะส่งผลต่อการผลิตน้ำตาลโดยรวม ด้านบริษัท
ที่ปรึกษา BTG คาดการณ์ว่า สภาพอากาศที่ดีขึ้นจะช่วยให้ปริมาณผลผลิตอ้อยของบริษัท Jalles Machado
ในปีการผลิต 2568/69 เพิ่มขึ้น โดยสัดส่วนการนำอ้อยไปผลิตน้ำตาลจะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 53 - 55  หรืออาจสูงกว่าที่คาดการณ์ ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายการหีบอ้อยเพิ่มขึ้นจาก 7.90 ล้านตันในปีการผลิต 2567/68 เป็น 9 ล้านตันภายในปีการผลิต 2569/70 (ที่มา: บริษัท อ้อยและน้ำตาลไทย จำกัด)




 

 
ถั่วเหลือง

1. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาถั่วเหลืองชนิดคละสัปดาห์นี้กิโลกรัมละ 17.14 บาท ราคาทรงตัวจากสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
สัปดาห์นี้ไม่มีการรายงานราคาขายส่งถั่วเหลืองสกัดน้ำมัน
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
ราคาในตลาดต่างประเท (ตลาดชิคาโก)
ราคาซื้อขายล่วงหน้าเมล็ดถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 1,061.05 เซนต์ (13.34 บาท/กก.) สูงขึ้นจากบุชเชลละ 1,036.00 เซนต์ (13.03 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 2.42
ราคาซื้อขายล่วงหน้ากากถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 311.75 ดอลลาร์สหรัฐฯ (10.67 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 298.44 ดอลลาร์สหรัฐฯ (10.21 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 4.46
ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันถั่วเหลืองสัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 44.36 เซนต์ (33.46 บาท/กก.) ลดลงจากปอนด์ละ 45.64 เซนต์ (34.42 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 2.80


 

 
ยางพารา
 
 

 
ถั่วเขียว

สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดใหญ่คละ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 22.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำคละ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 23.75 บาท
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดเล็กคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 34.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 28.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 50.00 บาท บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 32.00 บาท บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 34.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1036.20 ดอลลาร์สหรัฐ (35.04 บาท/กก.) เพิ่มขึ้นจากตันละ 1019.00 ดอลลาร์สหรัฐ (35.06 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.69 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.02 บาท
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 857.40 ดอลลาร์สหรัฐ (28.99 บาท/กก.) เพิ่มขึ้นจากตันละ 843.20 ดอลลาร์สหรัฐ (29.01 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.68 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.02 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,512.40 ดอลลาร์สหรัฐ (51.14 บาท/กก.) เพิ่มขึ้นจากตันละ ละ 1,487.40 ดอลลาร์สหรัฐ (51.18 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.68 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.03 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 976.80 ดอลลาร์สหรัฐ (33.03 บาท/กก.) เพิ่มขึ้นจากตันละ 960.40 ดอลลาร์สหรัฐ (33.04 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.71 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.01 บาท
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1030.20 ดอลลาร์สหรัฐ (34.84 บาท/กก.) เพิ่มขึ้นจากตันละ 1013.00 ดอลลาร์สหรัฐ (34.85 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.70 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.02 บาท


 

 
ถั่วลิสง

สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ความเคลื่อนไหวของราคาประจำสัปดาห์ มีดังนี้
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกแห้ง สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 37.02 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 37.87 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.24
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดพิเศษ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 77.50 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดธรรมดา สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 67.50 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา


 

 
ฝ้าย

 

 
ไหม

ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 2,071 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,471 บาท ลดลงสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 1,481 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.68 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 3 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 973 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา


 

 
ปศุสัตว์

สุกร
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
 
ภาวะตลาดสุกรสัปดาห์นี้ ราคาสุกรมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดสอดรับกับความต้องการบริโภค แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะสูงขึ้น        
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
สุกรมีชีวิตพันธุ์ผสมน้ำหนัก 100 กิโลกรัมขึ้นไป ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ  71.89 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 71.38 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.71 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 65.10 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 66.29 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 75.31 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 73.29 บาท ส่วนราคาลูกสุกรตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้  ตัวละ 2,300 บาท สูงขึ้นจากตัวละ 2,200 บาท คิดเป็นร้อยละ 4.55 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งสุกรมีชีวิต ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 77.30 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 76.10 บาท คิดเป็นร้อยละ 1.58 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา

ไก่เนื้อ
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ

สัปดาห์นี้ราคาไก่เนื้อมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคสอดรับกับผลผลิตที่ออกสู่ตลาด แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย    
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 41.05 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 41.00 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.12 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 42.00 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 40.75 บาท ภาคใต้ กิโลกรัมละ 43.00 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่เนื้อตามประกาศของบริษัท ซี.พี ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 18.50 บาท ทรงตัวเท่าสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไก่มีชีวิตหน้าโรงฆ่า จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 41.50 บาท  และราคาขายส่งไก่สดทั้งตัวรวมเครื่องใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 59.00 บาท ทรงตัวเท่าสัปดาห์ที่ผ่านมา

ไข่ไก่
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
   
สถานการณ์ตลาดไข่ไก่สัปดาห์นี้ ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ลดลงจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภค  ยังคงชะลอตัว แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 357 บาท  บาท ลดลงจากร้อยฟองละ 358  บาท คิดเป็นร้อยละ 0.28 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 342 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 352 บาท  ภาคกลางร้อยฟองละ 364 บาท และภาคใต้ไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่ไข่ตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 28.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา 
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่ไก่ (เฉลี่ยเบอร์ 0 - 4) ในตลาดกรุงเทพฯจากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 392 บาททรงตัวเท่าสัปดาห์ที่ผ่านมา

ไข่เป็ด
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ

ราคาไข่เป็ดที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 421  บาท สูงขึ้นจากร้อยฟองละ 418  บาท คิดเป็นร้อยละ 0.72 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 439 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 427 บาท  ภาคกลางร้อยฟองละ 392 บาท และภาคใต้ร้อยฟองละ 459 บาท
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่เป็ดคละ ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 480 บาท บาท ทรงตัวเท่าสัปดาห์ที่ผ่านมา

โคเนื้อ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
   
ราคาโคพันธุ์ลูกผสม (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 68.64 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 67.66 บาท คิดเป็นร้อยละ 1.45 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 76.61 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 63.18 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 59.22 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 89.76 บาท

กระบือ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ

ราคากระบือ (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 56.95 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 57.93 บาท คิดเป็นร้อยละ 1.69 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 87.08 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 51.14 บาท  ภาคกลางและภาคใต้ไม่มีรายงาน


 

 
 

 
ประมง

สถานการณ์การผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
1. การผลิต
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (ระหว่างวันที่ 20 – 26 มกราคม 2568) ไม่มีรายงานปริมาณจากองค์การสะพานปลากรุงเทพฯ
 2. การตลาด
ความเคลื่อนไหวของราคาสัตว์น้ำที่สำคัญประจำสัปดาห์นี้มีดังนี้
2.1 ปลาดุกบิ๊กอุย (ขนาด 3 - 4 ตัว/กก.)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 59.46 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 62.30 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 2.84 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคลดลง
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.2 ปลาช่อน (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 80.05 ราคาสูงขึ้นเล็กน้อยจากกิโลกรัมละ 80.04 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.01 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.3 กุ้งกุลาดำ
ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาด 60 ตัวต่อกิโลกรัมและราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาดกลาง (60 ตัว/กก.) ไม่มีรายงานราคา
2.4 กุ้งขาวแวนนาไม
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 160.52 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 154.73 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 5.79 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้น
สำหรับราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 166.67 ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 164.17 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 2.50 บาท
2.5 ปลาทู (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 71.62 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคคงที่
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.6 ปลาหมึกกระดอง (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.7 ปลาเป็ดและปลาป่น
ราคาปลาเป็ดที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 9.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับราคาปลาป่นขายส่งกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ปลาป่นชนิดโปรตีน 60% ขึ้นไป ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 29.00 บาท
ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา และปลาป่นชนิดโปรตีนต่ำกว่า 60% ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละบาท 24.00 ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา


 

 

 


สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์ 20-26 มกราคม 2568

 

ข้าว
 
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
1.1 การผลิต
1) ข้าวนาปี ปี 2567/68 สศก. คาดการณ์ข้อมูล ณ เดือนตุลาคม 2567 มีเนื้อที่เพาะปลูก 62.020 ล้านไร่ ผลผลิต 27.007 ล้านตัน ผลผลิตต่อไร่ 435 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับปี 2566/67 ที่มีเนื้อที่เพาะปลูก 62.098 ล้านไร่ ผลผลิต 26.934 ล้านตัน ผลผลิตต่อไร่ 431 กิโลกรัม เนื้อที่เพาะปลูกลดลงร้อยละ 0.13 ในขณะที่ผลผลิตและผลผลิตต่อไร่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.27 และร้อยละ 0.23 ตามลำดับ โดยเนื้อที่เพาะปลูกคาดว่าจะลดลง เนื่องจากเกษตรกร    มีแนวโน้มที่จะปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชอื่นที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า เช่น อ้อยโรงงาน หรือมันสำปะหลัง สำหรับผลผลิตและผลผลิตต่อไร่คาดว่าเพิ่มขึ้น เนื่องจากปริมาณน้ำฝนภายหลังจากที่เพาะปลูกแล้วเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของต้นข้าว ประกอบกับราคาที่เกษตรกรขายได้ยังจูงใจให้เกษตรกรดูแลรักษา ถึงแม้ว่าในบางจังหวัดประสบอุทกภัยในช่วงเดือนสิงหาคม - กันยายน 2567 มีน้ำท่วมขังเป็นเวลานานทำให้ผลผลิตเสียหาย และบางพื้นที่มีการระบาดของแมลงหวี่ขาว แต่พื้นที่ส่วนใหญ่มีปริมาณน้ำฝนเพียงพอเหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของต้นข้าว และไม่พบการระบาดของโรคและแมลง ส่งผลให้ภาพรวมผลผลิตทั้งประเทศเพิ่มขึ้น
คาดการณ์ผลผลิตเริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2567 - พฤษภาคม 2568 โดยเดือนมกราคม 2568 ผลผลิตออกสู่ตลาด ปริมาณ 0.417 ล้านตันข้าวเปลือก หรือคิดเป็นร้อยละ 1.54 ของผลผลิตข้าวนาปีทั้งหมด โดยตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคม - มกราคม 2568 มีผลผลิตออกสู่ตลาดประมาณ 26.746 ล้านตันข้าวเปลือก หรือคิดเป็นร้อยละ 99.04 ของผลผลิตข้าวนาปีทั้งหมด คงเหลือผลผลิตที่คาดว่าจะออกสู่ตลาดอีกประมาณ 0.261 ล้านตันข้าวเปลือก หรือร้อยละ 0.96 ของผลผลิตข้าวนาปีทั้งหมด
2) ข้าวนาปรัง ปี 2568 สศก. คาดการณ์ข้อมูล ณ เดือนพฤศจิกายน 2567 มีเนื้อที่เพาะปลูก 12.005 ล้านไร่ ผลผลิต 7.864 ล้านตันข้าวเปลือก และผลผลิตต่อไร่ 655 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับปี 2567 ที่มีเนื้อที่เพาะปลูก 10.125 ล้านไร่ ผลผลิต 6.560 ล้านตัน ผลผลิตต่อไร่ 648 กิโลกรัม ทั้งเนื้อที่เพาะปลูก ผลผลิต และผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้นจาก ปี 2567 ร้อยละ 18.57 ร้อยละ 19.88 และร้อยละ 1.08 ตามลำดับ โดยเนื้อที่เพาะปลูกคาดว่าจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากปรากฏการณ์ลานีญาที่เริ่มขึ้นในช่วงเดือนกรกฎาคม ถึง กันยายน 2567 และคาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเนื่อง
ไปจนถึงต้นปี 2568 จะทำให้ปริมาณน้ำฝนมากกว่าปกติ รวมถึงน้ำในอ่างเก็บน้ำส่วนใหญ่และน้ำตามแหล่งน้ำธรรมชาติเมื่อต้นฤดูกาลเพาะปลูกมีปริมาณมากกว่าปีที่แล้ว จูงใจให้เกษตรบางส่วนขยายเนื้อที่เพาะปลูกในที่นา
ที่เคยปล่อยว่าง เพื่อปลูกชดเชยข้าวนาปีที่เสียหายจากน้ำท่วม สำหรับผลผลิตต่อไร่คาดว่าเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีน้ำเพียงพอต่อต่อการเพาะปลูกและการเจริญเติบโตของต้นข้าว
ทั้งนี้ เกษตรกรเก็บเกี่ยวผลผลิตตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ - ตุลาคม 2568 โดยคาดว่าผลผลิตจะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนมีนาคม - เมษายน 2568 ปริมาณรวม 5.33 ล้านตันข้าวเปลือก หรือร้อยละ 67.73 ของผลผลิต
ข้าวนาปรังทั้งหมด
1.2 ราคา
1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ
ข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 15,084 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 14,999 บาท  ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.57
ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 9,090 บาท ราคาลดลงจากตันละ 9,245 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.68
2) ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 35,150 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ข้าวขาว 5% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 14,450 บาท ราคาลดลงจากตันละ 15,130 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 4.49 
3) ราคาส่งออกเอฟโอบี
ข้าวหอมมะลิไทย 100% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 967 ดอลลาร์สหรัฐฯ (32,699 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 944 ดอลลาร์สหรัฐฯ (32,480 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.44 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 219 บาท
ข้าวขาว 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 469 ดอลลาร์สหรัฐฯ (15,859 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 472 ดอลลาร์สหรัฐฯ (16,240 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.64 และลดลงในรูปเงินบาทตันละ 381 บาท
ข้าวนึ่ง 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 495 ดอลลาร์สหรัฐฯ (16,738 บาท/ตัน) ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน แต่ลดลงในรูปเงินบาทตันละ 293 บาท
หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 33.8147 บาท
2. สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ
1) ฟิลิปปินส์  
ฟิลิปปินส์เตรียมออกมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาราคาข้าวภายในประเทศที่ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง แม้จะมีการลดภาษีนำเข้าข้าวจากร้อยละ 35 เป็นร้อยละ 15 ในปี 2567 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้จนถึงปี 2571 และ
มีปริมาณข้าวเพียงพอต่อความต้องการบริโภคของประชาชน ประกอบกับราคาข้าวในตลาดโลกได้ปรับลดลงแล้วก็ตาม แต่ราคาขายปลีกในประเทศยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าปกติ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้เงินเฟ้อของฟิลิปปินส์สูง
เกินกรอบเป้าหมายที่ธนาคารกลางกำหนดไว้ที่ร้อยละ 2 – 4 ทั้งในปี 2565 และปี 2566
ในการนี้ นาย Ferdinand Marcos Jr. ประธานาธิบดีของฟิลิปปินส์ได้สั่งการให้ควบคุมราคาข้าว ซึ่งเป็นอาหารหลักของประชาชน พร้อมทั้งจัดสรรเงินช่วยเหลือให้แก่ผู้ค้าข้าวรายย่อยและเจ้าของร้านค้าขนาดเล็ก
ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าว นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมของฟิลิปปินส์ได้เปิดเผยว่า คณะกรรมการประสานงานราคาแห่งชาติ ได้เสนอให้องค์การอาหารแห่งชาติ (National Food Administration; NFA) ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบในการบริหารจัดการข้าวของประเทศ เริ่มทยอยปล่อยข้าวจากคลังสำรอง โดยคาดว่า NFA จะระบายข้าวออกสู่ตลาดในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ประมาณ 300,000 ตัน
ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์
2) อินโดนีเซีย
สำนักงานสถิติกลางแห่งอินโดนีเซีย (Central Statistics Agency; BPS) รายงานการนําเข้าข้าวในปี 2567 ว่า มีประมาณ 4.52 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 3.06 ล้านตัน ในปี 2566 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 47.62 ซึ่งนำเข้าจาก 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย เวียดนาม เมียนมาร์ ปากีสถาน และอินเดีย โดยส่วนใหญ่นำเข้ามาจากไทยในปริมาณ 1.36 ล้านตัน มูลค่า 862 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (29,148 ล้านบาท) คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 30.19 รองลงมา ได้แก่ เวียดนามปริมาณ 1.25 ล้านตัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 27.62 เมียนมาปริมาณ 0.83 ล้านตัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 18.40 ปากีสถานปริมาณ 0.80 ล้านตัน และอินเดียปริมาณ 0.25 ล้านตัน นอกจากนี้ อินโดนีเซียยังนําเข้าข้าวจากประเทศอื่นๆ อีกประมาณ 0.03 ล้านตัน
ทั้งนี้ จากข้อมูลของ BPS ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา พบว่า การนำเข้าข้าวในปี 2567 มีปริมาณสูงที่สุด ที่ 4.52 ล้านตัน โดยในปี 2563 มีการนำเข้าข้าวประมาณ 0.36 ล้านตัน ปี 2564 มีประมาณ 0.41 ล้านตัน ปี 2565 มีประมาณ 0.43 ล้านตัน และในปี 2566 การนําเข้าข้าวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นปริมาณ 3.06 ล้านตัน
ที่มา สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย
หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 33.8147 บาท

 


ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์


1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
ราคาข้าวโพดในประเทศช่วงสัปดาห์นี้ มีดังนี้
ราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นไม่เกิน 14.5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 8.64 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 8.60 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.47 และราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นเกิน 14.5%
สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 6.62 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 6.60 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.30
ราคาข้าวโพดขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ ที่โรงงานอาหารสัตว์รับซื้อ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ  10.73 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 10.74 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.09
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี. สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในต่างประเทศ
กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ คาดคะเนความต้องการใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของโลก ปี 2567/68
มีปริมาณ 1,238.47 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 1,217.22 ล้านตัน ในปี 2566/67 ร้อยละ 1.75 โดย จีน บราซิล เม็กซิโก อินเดีย อาร์เจนตินา ญี่ปุ่น เวียดนาม อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ และรัสเซีย มีความต้องการใช้เพิ่มขึ้น สำหรับการค้าของโลกมี 189.72 ล้านตัน ลดลงจาก 197.85 ล้านตัน ในปี 2566/67 ร้อยละ 4.11            
โดย บราซิล ยูเครน รัสเซีย ปารากวัย สหภาพยุโรป เมียนมา แคนาดา และเซอร์เบีย ส่งออกลดลงประกอบกับผู้นำเข้า เช่น สหรัฐอเมริกา เม็กซิโก สหภาพยุโรป จีน เกาหลีใต้ อิหร่าน โคลอมเบีย ซาอุดีอาระเบีย เปรู มาเลเซีย โมร็อกโก อังกฤษ ตุรกี แคนาดา ชิลี กัวเตมาลา ไทย ฟิลิปปินส์ สาธารณรัฐโดมินิกัน และบราซิล มีการนำเข้าลดลง
ราคาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดชิคาโกเดือนมีนาคม 2568 ข้าวโพดเมล็ดเหลืองอเมริกันชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 488.00 เซนต์ (6,568.00 บาท/ตัน) สูงขึ้นจากบุชเชลละ 478.00 เซนต์ (6,545.00 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.09 และสูงขึ้นในรูปของเงินบาทตันละ 23.00 บาท




มันสำปะหลัง

สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
การผลิต
ผลผลิตมันสำปะหลังปี 2568 (เริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 – กันยายน 2568) คาดว่ามีพื้นที่เก็บเกี่ยว 8.629 ล้านไร่ ผลผลิต 27.196 ล้านตัน และผลผลิตต่อไร่ 3,152 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับปี 2567
ที่มีพื้นที่เก็บเกี่ยว 8.421 ล้านไร่ ผลผลิต 26.783 ล้านตัน และผลผลิตต่อไร่ 3,181 กิโลกรัม พบว่า พื้นที่เก็บเกี่ยว    และผลผลิต เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.47 และร้อยละ 1.54 ตามลำดับ แต่ผลผลิตต่อไร่ ลดลงร้อยละ 0.91 โดยเดือน
มกราคม 2568 คาดว่าจะมีผลผลิตออกสู่ตลาด 4.69 ล้านตัน (ร้อยละ 17.24 ของผลผลิตทั้งหมด)
ทั้งนี้ผลผลิตมันสำปะหลังปี 2568 จะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนมกราคม – มีนาคม 2568 ปริมาณ 15.56 ล้านตัน (ร้อยละ 57.23 ของผลผลิตทั้งหมด)
ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศประจำสัปดาห์ สรุปได้ดังนี้
ราคาหัวมันสำปะหลังสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1.80 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 1.81 บาท         ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.55
ราคามันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 5.63 บาท ราคาเพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 5.62 บาท         ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.18
ราคาขายส่งในประเทศ
ราคาขายส่งมันเส้น (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต จ.ชลบุรี และ จ.อยุธยา) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ5.70 บาท ราคาเพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 5.67 บาท ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.53
ราคาขายส่งแป้งมันสำปะหลังชั้นพิเศษ (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขตกรุงเทพ และปริมณฑล) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 13.96 บาท ราคาเพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 13.90 บาท ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.43
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ราคาส่งออกมันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 185.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (6,320 บาทต่อตัน) ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน ตันละ 185.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (6,420 บาทต่อตัน)
ราคาส่งออกแป้งมันสำปะหลัง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 413.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,100 บาทต่อตัน)  ราคาเพิ่มขึ้นจากตันละ 410.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,220 บาทต่อตัน)  ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.73


 


ปาล์มน้ำมัน

1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ  
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร คาดว่าปี 2568 ผลผลิตปาล์มน้ำมันเดือนมกราคมจะมีประมาณ 1.235 ล้านตัน คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.222 ล้านตัน สูงขึ้นจากผลผลิตปาล์มทะลาย 1.007 ล้านตัน
คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.181 ล้านตันของเดือนธันวาคม 2567 คิดเป็นร้อยละ 22.64 และร้อยละ 22.65 ตามลำดับ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาผลปาล์มทะลาย สัปดาห์นี้ เฉลี่ย กก.ละ 8.42 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 8.05 บาท ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 4.60  
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาน้ำมันปาล์มดิบ สัปดาห์นี้เฉลี่ย กก.ละ 47.08 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 45.25 บาท ในกับสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 4.04  
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
สถานการณ์ในต่างประเทศ
ราคาในตลาดต่างประเทศ

ตลาดมาเลเซีย ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 4,479.35 ริงกิตมาเลเซีย (34.70 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 4,503.30 ริงกิตมาเลเซีย (35.17 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 0.53  
ตลาดรอตเตอร์ดัม ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,190.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (40.72 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 1,211.25 ดอลลาร์สหรัฐฯ (42.16 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 1.75
หมายเหตุ  :  ราคาในตลาดต่างประเทศเฉลี่ย 5 วัน


 


อ้อยและน้ำตาล
 
  1. สรุปภาวะการผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
          - นายใบน้อย สุวรรณชาตรี เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ได้ทำหนังสือขอความร่วมมือไปยังโรงงานน้ำตาลทั้ง 58 แห่ง ให้รับเฉพาะอ้อยสดเข้าหีบ โดยชะลอ ระงับ ยับยั้ง และยุติการเผาไร่อ้อย พร้อมทั้งยุติการรับซื้ออ้อยไฟไหม้เข้าหีบ ระหว่างวันที่ 3 มกราคม 2568 เวลา 00.01 น. จนถึงวันที่ 12 มกราคม 2568 เวลา 23.59 น. เพื่อเป็นของขวัญวันเด็กสำหรับเยาวชนไทยทั้งประเทศ ทั้งนี้ โดยข้อมูลภาพรวมเฉลี่ย ณ ปัจจุบัน (5 มกราคม 2568) มีปริมาณอ้อยเข้าหีบทั้งหมดประมาณ 18 ล้านตัน โดยเป็นอ้อยไฟไหม้ประมาณ 4 ล้านตัน คิดเป็นร้อยละ 21.80 ของปริมาณอ้อยเข้าหีบทั้งหมด (ที่มา: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์)
2. สรุปภาวะการผลิต การตลาดและราคาในต่างประเทศ
          - กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทย เปิดเผยว่า หน่วยงานความปลอดภัยด้านอาหารส่งออก-นำเข้าของจีน
หรือ The Food Safety Bureau of The General Administration of Customs of The People’s Republic of China (GACC) ได้ระงับการนำเข้าสินค้าประเภทน้ำตาลจากประเทศไทย 2 รายการ ได้แก่ น้ำเชื่อม (Syrup) พิกัด 170290110 และน้ำตาลผสมล่วงหน้า (Pre-mixed powder) พิกัด 1702901200 เนื่องจากตรวจพบความเสี่ยงทางด้านความปลอดภัยของอาหาร และความไม่สอดคล้องกับข้อบังคับและกฎระเบียบของจีน ทั้งนี้ คำสั่งของ GACC มีผลบังคับใช้ 2 ประการคือ 1) จีนจะระงับการยื่นเรื่องขอขึ้นทะเบียนโรงงานผู้ผลิตส่งออกน้ำเชื่อม/น้ำตาลผสม
รายใหม่จากประเทศไทย และ 2) โรงงานผู้ส่งออกไทยที่ขึ้นทะเบียนกับทาง GACC ไว้ก่อนหน้านี้ และมีการส่งออกสินค้าน้ำเชื่อม/น้ำตาลผสมออกจากประเทศไทยก่อนวันที่ 10 ธันวาคม 2567 จะได้รับการผ่อนผันให้นำเข้าได้ สำหรับส่วนที่ส่งออกจากประเทศไทยหลังวันที่ 10 ธันวาคม 2567 จะถูกระงับการนำเข้า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) อยู่ระหว่างเร่งจัดทำข้อมูลเพื่อเสนอขอยกเลิกการระงับนำเข้า โดยจะจัดส่งแนวทางการควบคุมความปลอดภัยอาหารในระบบการผลิตอาหารของไทย ซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนดในประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับ 420 ที่กำกับดูแลโดย อย. พร้อมทั้งส่งรายชื่อผู้ประกอบการที่ได้รับการรับรองจาก อย. แล้ว เพื่อขอให้จีนพิจารณายกเลิกระงับนำเข้าต่อไป (ที่มา: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์, The Standard)
- รัฐบาลจีนระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 เป็นต้นไป อัตราอากรขาเข้าตามกรอบทั่วไปของชาติที่ได้รับความอนุเคราะห์ยิ่ง (Most Favored Nation, MFN) สำหรับน้ำเชื่อม และน้ำตาลผสมบางประเภทจะเพิ่มขึ้นจาก
ร้อยละ 12 เป็นร้อยละ 20 ด้านนักวิเคราะห์กล่าวว่า มาตรการนี้จะช่วยลดการนำเข้าน้ำเชื่อมและน้ำตาลผสม
จากประเทศไทย เวียดนาม และประเทศอื่นๆ ได้ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้ราคาน้ำตาลในประเทศจีนสูงขึ้น (ที่มา: บริษัท อ้อยและน้ำตาลไทย จำกัด)
          - Wilmar กล่าวว่า ปริมาณผลผลิตอ้อยบริเวณภาคกลาง - ใต้ของบราซิลในปีการผลิต 2568/69
ยังคงคาดการณ์ได้ยาก เนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวน ทั้งความแห้งแล้งและฝนที่ตกหนักตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 ทำให้เกิดความกังวลว่า อ้อยโรงงานจะไม่สามารถฟื้นตัวได้ ซึ่งจะส่งผลต่อการผลิตน้ำตาลโดยรวม ด้านบริษัท
ที่ปรึกษา BTG คาดการณ์ว่า สภาพอากาศที่ดีขึ้นจะช่วยให้ปริมาณผลผลิตอ้อยของบริษัท Jalles Machado
ในปีการผลิต 2568/69 เพิ่มขึ้น โดยสัดส่วนการนำอ้อยไปผลิตน้ำตาลจะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 53 - 55  หรืออาจสูงกว่าที่คาดการณ์ ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายการหีบอ้อยเพิ่มขึ้นจาก 7.90 ล้านตันในปีการผลิต 2567/68 เป็น 9 ล้านตันภายในปีการผลิต 2569/70 (ที่มา: บริษัท อ้อยและน้ำตาลไทย จำกัด)




 

 
ถั่วเหลือง

1. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาถั่วเหลืองชนิดคละสัปดาห์นี้กิโลกรัมละ 17.14 บาท ราคาทรงตัวจากสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
สัปดาห์นี้ไม่มีการรายงานราคาขายส่งถั่วเหลืองสกัดน้ำมัน
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
ราคาในตลาดต่างประเท (ตลาดชิคาโก)
ราคาซื้อขายล่วงหน้าเมล็ดถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 1,061.05 เซนต์ (13.34 บาท/กก.) สูงขึ้นจากบุชเชลละ 1,036.00 เซนต์ (13.03 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 2.42
ราคาซื้อขายล่วงหน้ากากถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 311.75 ดอลลาร์สหรัฐฯ (10.67 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 298.44 ดอลลาร์สหรัฐฯ (10.21 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 4.46
ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันถั่วเหลืองสัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 44.36 เซนต์ (33.46 บาท/กก.) ลดลงจากปอนด์ละ 45.64 เซนต์ (34.42 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 2.80


 

 
ยางพารา
 
 

 
ถั่วเขียว

สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดใหญ่คละ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 22.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำคละ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 23.75 บาท
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดเล็กคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 34.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 28.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 50.00 บาท บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 32.00 บาท บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 34.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1036.20 ดอลลาร์สหรัฐ (35.04 บาท/กก.) เพิ่มขึ้นจากตันละ 1019.00 ดอลลาร์สหรัฐ (35.06 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.69 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.02 บาท
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 857.40 ดอลลาร์สหรัฐ (28.99 บาท/กก.) เพิ่มขึ้นจากตันละ 843.20 ดอลลาร์สหรัฐ (29.01 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.68 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.02 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,512.40 ดอลลาร์สหรัฐ (51.14 บาท/กก.) เพิ่มขึ้นจากตันละ ละ 1,487.40 ดอลลาร์สหรัฐ (51.18 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.68 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.03 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 976.80 ดอลลาร์สหรัฐ (33.03 บาท/กก.) เพิ่มขึ้นจากตันละ 960.40 ดอลลาร์สหรัฐ (33.04 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.71 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.01 บาท
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1030.20 ดอลลาร์สหรัฐ (34.84 บาท/กก.) เพิ่มขึ้นจากตันละ 1013.00 ดอลลาร์สหรัฐ (34.85 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.70 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.02 บาท


 

 
ถั่วลิสง

สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ความเคลื่อนไหวของราคาประจำสัปดาห์ มีดังนี้
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกแห้ง สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 37.02 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 37.87 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.24
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดพิเศษ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 77.50 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดธรรมดา สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 67.50 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา


 

 
ฝ้าย

 

 
ไหม

ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 2,071 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,471 บาท ลดลงสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 1,481 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.68 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 3 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 973 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา


 

 
ปศุสัตว์

สุกร
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
 
ภาวะตลาดสุกรสัปดาห์นี้ ราคาสุกรมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดสอดรับกับความต้องการบริโภค แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะสูงขึ้น        
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
สุกรมีชีวิตพันธุ์ผสมน้ำหนัก 100 กิโลกรัมขึ้นไป ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ  71.89 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 71.38 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.71 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 65.10 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 66.29 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 75.31 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 73.29 บาท ส่วนราคาลูกสุกรตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้  ตัวละ 2,300 บาท สูงขึ้นจากตัวละ 2,200 บาท คิดเป็นร้อยละ 4.55 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งสุกรมีชีวิต ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 77.30 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 76.10 บาท คิดเป็นร้อยละ 1.58 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา

ไก่เนื้อ
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ

สัปดาห์นี้ราคาไก่เนื้อมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคสอดรับกับผลผลิตที่ออกสู่ตลาด แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย    
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 41.05 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 41.00 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.12 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 42.00 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 40.75 บาท ภาคใต้ กิโลกรัมละ 43.00 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่เนื้อตามประกาศของบริษัท ซี.พี ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 18.50 บาท ทรงตัวเท่าสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไก่มีชีวิตหน้าโรงฆ่า จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 41.50 บาท  และราคาขายส่งไก่สดทั้งตัวรวมเครื่องใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 59.00 บาท ทรงตัวเท่าสัปดาห์ที่ผ่านมา

ไข่ไก่
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
   
สถานการณ์ตลาดไข่ไก่สัปดาห์นี้ ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ลดลงจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภค  ยังคงชะลอตัว แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 357 บาท  บาท ลดลงจากร้อยฟองละ 358  บาท คิดเป็นร้อยละ 0.28 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 342 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 352 บาท  ภาคกลางร้อยฟองละ 364 บาท และภาคใต้ไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่ไข่ตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 28.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา 
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่ไก่ (เฉลี่ยเบอร์ 0 - 4) ในตลาดกรุงเทพฯจากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 392 บาททรงตัวเท่าสัปดาห์ที่ผ่านมา

ไข่เป็ด
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ

ราคาไข่เป็ดที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 421  บาท สูงขึ้นจากร้อยฟองละ 418  บาท คิดเป็นร้อยละ 0.72 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 439 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 427 บาท  ภาคกลางร้อยฟองละ 392 บาท และภาคใต้ร้อยฟองละ 459 บาท
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่เป็ดคละ ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 480 บาท บาท ทรงตัวเท่าสัปดาห์ที่ผ่านมา

โคเนื้อ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
   
ราคาโคพันธุ์ลูกผสม (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 68.64 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 67.66 บาท คิดเป็นร้อยละ 1.45 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 76.61 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 63.18 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 59.22 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 89.76 บาท

กระบือ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ

ราคากระบือ (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 56.95 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 57.93 บาท คิดเป็นร้อยละ 1.69 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 87.08 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 51.14 บาท  ภาคกลางและภาคใต้ไม่มีรายงาน


 

 
 

 
ประมง

สถานการณ์การผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
1. การผลิต
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (ระหว่างวันที่ 20 – 26 มกราคม 2568) ไม่มีรายงานปริมาณจากองค์การสะพานปลากรุงเทพฯ
 2. การตลาด
ความเคลื่อนไหวของราคาสัตว์น้ำที่สำคัญประจำสัปดาห์นี้มีดังนี้
2.1 ปลาดุกบิ๊กอุย (ขนาด 3 - 4 ตัว/กก.)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 59.46 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 62.30 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 2.84 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคลดลง
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.2 ปลาช่อน (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 80.05 ราคาสูงขึ้นเล็กน้อยจากกิโลกรัมละ 80.04 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.01 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.3 กุ้งกุลาดำ
ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาด 60 ตัวต่อกิโลกรัมและราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาดกลาง (60 ตัว/กก.) ไม่มีรายงานราคา
2.4 กุ้งขาวแวนนาไม
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 160.52 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 154.73 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 5.79 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้น
สำหรับราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 166.67 ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 164.17 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 2.50 บาท
2.5 ปลาทู (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 71.62 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคคงที่
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.6 ปลาหมึกกระดอง (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.7 ปลาเป็ดและปลาป่น
ราคาปลาเป็ดที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 9.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับราคาปลาป่นขายส่งกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ปลาป่นชนิดโปรตีน 60% ขึ้นไป ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 29.00 บาท
ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา และปลาป่นชนิดโปรตีนต่ำกว่า 60% ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละบาท 24.00 ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา


 

 

 


สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์ 20-26 มกราคม 2568

 

ข้าว
 
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
1.1 การผลิต
1) ข้าวนาปี ปี 2567/68 สศก. คาดการณ์ข้อมูล ณ เดือนตุลาคม 2567 มีเนื้อที่เพาะปลูก 62.020 ล้านไร่ ผลผลิต 27.007 ล้านตัน ผลผลิตต่อไร่ 435 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับปี 2566/67 ที่มีเนื้อที่เพาะปลูก 62.098 ล้านไร่ ผลผลิต 26.934 ล้านตัน ผลผลิตต่อไร่ 431 กิโลกรัม เนื้อที่เพาะปลูกลดลงร้อยละ 0.13 ในขณะที่ผลผลิตและผลผลิตต่อไร่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.27 และร้อยละ 0.23 ตามลำดับ โดยเนื้อที่เพาะปลูกคาดว่าจะลดลง เนื่องจากเกษตรกร    มีแนวโน้มที่จะปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชอื่นที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า เช่น อ้อยโรงงาน หรือมันสำปะหลัง สำหรับผลผลิตและผลผลิตต่อไร่คาดว่าเพิ่มขึ้น เนื่องจากปริมาณน้ำฝนภายหลังจากที่เพาะปลูกแล้วเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของต้นข้าว ประกอบกับราคาที่เกษตรกรขายได้ยังจูงใจให้เกษตรกรดูแลรักษา ถึงแม้ว่าในบางจังหวัดประสบอุทกภัยในช่วงเดือนสิงหาคม - กันยายน 2567 มีน้ำท่วมขังเป็นเวลานานทำให้ผลผลิตเสียหาย และบางพื้นที่มีการระบาดของแมลงหวี่ขาว แต่พื้นที่ส่วนใหญ่มีปริมาณน้ำฝนเพียงพอเหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของต้นข้าว และไม่พบการระบาดของโรคและแมลง ส่งผลให้ภาพรวมผลผลิตทั้งประเทศเพิ่มขึ้น
คาดการณ์ผลผลิตเริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2567 - พฤษภาคม 2568 โดยเดือนมกราคม 2568 ผลผลิตออกสู่ตลาด ปริมาณ 0.417 ล้านตันข้าวเปลือก หรือคิดเป็นร้อยละ 1.54 ของผลผลิตข้าวนาปีทั้งหมด โดยตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคม - มกราคม 2568 มีผลผลิตออกสู่ตลาดประมาณ 26.746 ล้านตันข้าวเปลือก หรือคิดเป็นร้อยละ 99.04 ของผลผลิตข้าวนาปีทั้งหมด คงเหลือผลผลิตที่คาดว่าจะออกสู่ตลาดอีกประมาณ 0.261 ล้านตันข้าวเปลือก หรือร้อยละ 0.96 ของผลผลิตข้าวนาปีทั้งหมด
2) ข้าวนาปรัง ปี 2568 สศก. คาดการณ์ข้อมูล ณ เดือนพฤศจิกายน 2567 มีเนื้อที่เพาะปลูก 12.005 ล้านไร่ ผลผลิต 7.864 ล้านตันข้าวเปลือก และผลผลิตต่อไร่ 655 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับปี 2567 ที่มีเนื้อที่เพาะปลูก 10.125 ล้านไร่ ผลผลิต 6.560 ล้านตัน ผลผลิตต่อไร่ 648 กิโลกรัม ทั้งเนื้อที่เพาะปลูก ผลผลิต และผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้นจาก ปี 2567 ร้อยละ 18.57 ร้อยละ 19.88 และร้อยละ 1.08 ตามลำดับ โดยเนื้อที่เพาะปลูกคาดว่าจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากปรากฏการณ์ลานีญาที่เริ่มขึ้นในช่วงเดือนกรกฎาคม ถึง กันยายน 2567 และคาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเนื่อง
ไปจนถึงต้นปี 2568 จะทำให้ปริมาณน้ำฝนมากกว่าปกติ รวมถึงน้ำในอ่างเก็บน้ำส่วนใหญ่และน้ำตามแหล่งน้ำธรรมชาติเมื่อต้นฤดูกาลเพาะปลูกมีปริมาณมากกว่าปีที่แล้ว จูงใจให้เกษตรบางส่วนขยายเนื้อที่เพาะปลูกในที่นา
ที่เคยปล่อยว่าง เพื่อปลูกชดเชยข้าวนาปีที่เสียหายจากน้ำท่วม สำหรับผลผลิตต่อไร่คาดว่าเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีน้ำเพียงพอต่อต่อการเพาะปลูกและการเจริญเติบโตของต้นข้าว
ทั้งนี้ เกษตรกรเก็บเกี่ยวผลผลิตตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ - ตุลาคม 2568 โดยคาดว่าผลผลิตจะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนมีนาคม - เมษายน 2568 ปริมาณรวม 5.33 ล้านตันข้าวเปลือก หรือร้อยละ 67.73 ของผลผลิต
ข้าวนาปรังทั้งหมด
1.2 ราคา
1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ
ข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 15,084 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 14,999 บาท  ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.57
ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 9,090 บาท ราคาลดลงจากตันละ 9,245 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.68
2) ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 35,150 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ข้าวขาว 5% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 14,450 บาท ราคาลดลงจากตันละ 15,130 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 4.49 
3) ราคาส่งออกเอฟโอบี
ข้าวหอมมะลิไทย 100% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 967 ดอลลาร์สหรัฐฯ (32,699 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 944 ดอลลาร์สหรัฐฯ (32,480 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.44 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 219 บาท
ข้าวขาว 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 469 ดอลลาร์สหรัฐฯ (15,859 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 472 ดอลลาร์สหรัฐฯ (16,240 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.64 และลดลงในรูปเงินบาทตันละ 381 บาท
ข้าวนึ่ง 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 495 ดอลลาร์สหรัฐฯ (16,738 บาท/ตัน) ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน แต่ลดลงในรูปเงินบาทตันละ 293 บาท
หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 33.8147 บาท
2. สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ
1) ฟิลิปปินส์  
ฟิลิปปินส์เตรียมออกมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาราคาข้าวภายในประเทศที่ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง แม้จะมีการลดภาษีนำเข้าข้าวจากร้อยละ 35 เป็นร้อยละ 15 ในปี 2567 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้จนถึงปี 2571 และ
มีปริมาณข้าวเพียงพอต่อความต้องการบริโภคของประชาชน ประกอบกับราคาข้าวในตลาดโลกได้ปรับลดลงแล้วก็ตาม แต่ราคาขายปลีกในประเทศยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าปกติ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้เงินเฟ้อของฟิลิปปินส์สูง
เกินกรอบเป้าหมายที่ธนาคารกลางกำหนดไว้ที่ร้อยละ 2 – 4 ทั้งในปี 2565 และปี 2566
ในการนี้ นาย Ferdinand Marcos Jr. ประธานาธิบดีของฟิลิปปินส์ได้สั่งการให้ควบคุมราคาข้าว ซึ่งเป็นอาหารหลักของประชาชน พร้อมทั้งจัดสรรเงินช่วยเหลือให้แก่ผู้ค้าข้าวรายย่อยและเจ้าของร้านค้าขนาดเล็ก
ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าว นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมของฟิลิปปินส์ได้เปิดเผยว่า คณะกรรมการประสานงานราคาแห่งชาติ ได้เสนอให้องค์การอาหารแห่งชาติ (National Food Administration; NFA) ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบในการบริหารจัดการข้าวของประเทศ เริ่มทยอยปล่อยข้าวจากคลังสำรอง โดยคาดว่า NFA จะระบายข้าวออกสู่ตลาดในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ประมาณ 300,000 ตัน
ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์
2) อินโดนีเซีย
สำนักงานสถิติกลางแห่งอินโดนีเซีย (Central Statistics Agency; BPS) รายงานการนําเข้าข้าวในปี 2567 ว่า มีประมาณ 4.52 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 3.06 ล้านตัน ในปี 2566 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 47.62 ซึ่งนำเข้าจาก 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย เวียดนาม เมียนมาร์ ปากีสถาน และอินเดีย โดยส่วนใหญ่นำเข้ามาจากไทยในปริมาณ 1.36 ล้านตัน มูลค่า 862 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (29,148 ล้านบาท) คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 30.19 รองลงมา ได้แก่ เวียดนามปริมาณ 1.25 ล้านตัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 27.62 เมียนมาปริมาณ 0.83 ล้านตัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 18.40 ปากีสถานปริมาณ 0.80 ล้านตัน และอินเดียปริมาณ 0.25 ล้านตัน นอกจากนี้ อินโดนีเซียยังนําเข้าข้าวจากประเทศอื่นๆ อีกประมาณ 0.03 ล้านตัน
ทั้งนี้ จากข้อมูลของ BPS ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา พบว่า การนำเข้าข้าวในปี 2567 มีปริมาณสูงที่สุด ที่ 4.52 ล้านตัน โดยในปี 2563 มีการนำเข้าข้าวประมาณ 0.36 ล้านตัน ปี 2564 มีประมาณ 0.41 ล้านตัน ปี 2565 มีประมาณ 0.43 ล้านตัน และในปี 2566 การนําเข้าข้าวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นปริมาณ 3.06 ล้านตัน
ที่มา สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย
หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 33.8147 บาท

 


ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์


1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
ราคาข้าวโพดในประเทศช่วงสัปดาห์นี้ มีดังนี้
ราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นไม่เกิน 14.5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 8.64 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 8.60 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.47 และราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นเกิน 14.5%
สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 6.62 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 6.60 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.30
ราคาข้าวโพดขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ ที่โรงงานอาหารสัตว์รับซื้อ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ  10.73 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 10.74 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.09
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี. สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในต่างประเทศ
กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ คาดคะเนความต้องการใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของโลก ปี 2567/68
มีปริมาณ 1,238.47 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 1,217.22 ล้านตัน ในปี 2566/67 ร้อยละ 1.75 โดย จีน บราซิล เม็กซิโก อินเดีย อาร์เจนตินา ญี่ปุ่น เวียดนาม อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ และรัสเซีย มีความต้องการใช้เพิ่มขึ้น สำหรับการค้าของโลกมี 189.72 ล้านตัน ลดลงจาก 197.85 ล้านตัน ในปี 2566/67 ร้อยละ 4.11            
โดย บราซิล ยูเครน รัสเซีย ปารากวัย สหภาพยุโรป เมียนมา แคนาดา และเซอร์เบีย ส่งออกลดลงประกอบกับผู้นำเข้า เช่น สหรัฐอเมริกา เม็กซิโก สหภาพยุโรป จีน เกาหลีใต้ อิหร่าน โคลอมเบีย ซาอุดีอาระเบีย เปรู มาเลเซีย โมร็อกโก อังกฤษ ตุรกี แคนาดา ชิลี กัวเตมาลา ไทย ฟิลิปปินส์ สาธารณรัฐโดมินิกัน และบราซิล มีการนำเข้าลดลง
ราคาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดชิคาโกเดือนมีนาคม 2568 ข้าวโพดเมล็ดเหลืองอเมริกันชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 488.00 เซนต์ (6,568.00 บาท/ตัน) สูงขึ้นจากบุชเชลละ 478.00 เซนต์ (6,545.00 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.09 และสูงขึ้นในรูปของเงินบาทตันละ 23.00 บาท




มันสำปะหลัง

สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
การผลิต
ผลผลิตมันสำปะหลังปี 2568 (เริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 – กันยายน 2568) คาดว่ามีพื้นที่เก็บเกี่ยว 8.629 ล้านไร่ ผลผลิต 27.196 ล้านตัน และผลผลิตต่อไร่ 3,152 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับปี 2567
ที่มีพื้นที่เก็บเกี่ยว 8.421 ล้านไร่ ผลผลิต 26.783 ล้านตัน และผลผลิตต่อไร่ 3,181 กิโลกรัม พบว่า พื้นที่เก็บเกี่ยว    และผลผลิต เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.47 และร้อยละ 1.54 ตามลำดับ แต่ผลผลิตต่อไร่ ลดลงร้อยละ 0.91 โดยเดือน
มกราคม 2568 คาดว่าจะมีผลผลิตออกสู่ตลาด 4.69 ล้านตัน (ร้อยละ 17.24 ของผลผลิตทั้งหมด)
ทั้งนี้ผลผลิตมันสำปะหลังปี 2568 จะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนมกราคม – มีนาคม 2568 ปริมาณ 15.56 ล้านตัน (ร้อยละ 57.23 ของผลผลิตทั้งหมด)
ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศประจำสัปดาห์ สรุปได้ดังนี้
ราคาหัวมันสำปะหลังสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1.80 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 1.81 บาท         ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.55
ราคามันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 5.63 บาท ราคาเพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 5.62 บาท         ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.18
ราคาขายส่งในประเทศ
ราคาขายส่งมันเส้น (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต จ.ชลบุรี และ จ.อยุธยา) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ5.70 บาท ราคาเพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 5.67 บาท ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.53
ราคาขายส่งแป้งมันสำปะหลังชั้นพิเศษ (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขตกรุงเทพ และปริมณฑล) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 13.96 บาท ราคาเพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 13.90 บาท ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.43
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ราคาส่งออกมันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 185.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (6,320 บาทต่อตัน) ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน ตันละ 185.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (6,420 บาทต่อตัน)
ราคาส่งออกแป้งมันสำปะหลัง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 413.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,100 บาทต่อตัน)  ราคาเพิ่มขึ้นจากตันละ 410.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,220 บาทต่อตัน)  ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.73


 


ปาล์มน้ำมัน

1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ  
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร คาดว่าปี 2568 ผลผลิตปาล์มน้ำมันเดือนมกราคมจะมีประมาณ 1.235 ล้านตัน คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.222 ล้านตัน สูงขึ้นจากผลผลิตปาล์มทะลาย 1.007 ล้านตัน
คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.181 ล้านตันของเดือนธันวาคม 2567 คิดเป็นร้อยละ 22.64 และร้อยละ 22.65 ตามลำดับ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาผลปาล์มทะลาย สัปดาห์นี้ เฉลี่ย กก.ละ 8.42 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 8.05 บาท ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 4.60  
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาน้ำมันปาล์มดิบ สัปดาห์นี้เฉลี่ย กก.ละ 47.08 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 45.25 บาท ในกับสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 4.04  
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
สถานการณ์ในต่างประเทศ
ราคาในตลาดต่างประเทศ

ตลาดมาเลเซีย ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 4,479.35 ริงกิตมาเลเซีย (34.70 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 4,503.30 ริงกิตมาเลเซีย (35.17 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 0.53  
ตลาดรอตเตอร์ดัม ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,190.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (40.72 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 1,211.25 ดอลลาร์สหรัฐฯ (42.16 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 1.75
หมายเหตุ  :  ราคาในตลาดต่างประเทศเฉลี่ย 5 วัน


 


อ้อยและน้ำตาล
 
  1. สรุปภาวะการผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
          - นายใบน้อย สุวรรณชาตรี เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ได้ทำหนังสือขอความร่วมมือไปยังโรงงานน้ำตาลทั้ง 58 แห่ง ให้รับเฉพาะอ้อยสดเข้าหีบ โดยชะลอ ระงับ ยับยั้ง และยุติการเผาไร่อ้อย พร้อมทั้งยุติการรับซื้ออ้อยไฟไหม้เข้าหีบ ระหว่างวันที่ 3 มกราคม 2568 เวลา 00.01 น. จนถึงวันที่ 12 มกราคม 2568 เวลา 23.59 น. เพื่อเป็นของขวัญวันเด็กสำหรับเยาวชนไทยทั้งประเทศ ทั้งนี้ โดยข้อมูลภาพรวมเฉลี่ย ณ ปัจจุบัน (5 มกราคม 2568) มีปริมาณอ้อยเข้าหีบทั้งหมดประมาณ 18 ล้านตัน โดยเป็นอ้อยไฟไหม้ประมาณ 4 ล้านตัน คิดเป็นร้อยละ 21.80 ของปริมาณอ้อยเข้าหีบทั้งหมด (ที่มา: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์)
2. สรุปภาวะการผลิต การตลาดและราคาในต่างประเทศ
          - กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทย เปิดเผยว่า หน่วยงานความปลอดภัยด้านอาหารส่งออก-นำเข้าของจีน
หรือ The Food Safety Bureau of The General Administration of Customs of The People’s Republic of China (GACC) ได้ระงับการนำเข้าสินค้าประเภทน้ำตาลจากประเทศไทย 2 รายการ ได้แก่ น้ำเชื่อม (Syrup) พิกัด 170290110 และน้ำตาลผสมล่วงหน้า (Pre-mixed powder) พิกัด 1702901200 เนื่องจากตรวจพบความเสี่ยงทางด้านความปลอดภัยของอาหาร และความไม่สอดคล้องกับข้อบังคับและกฎระเบียบของจีน ทั้งนี้ คำสั่งของ GACC มีผลบังคับใช้ 2 ประการคือ 1) จีนจะระงับการยื่นเรื่องขอขึ้นทะเบียนโรงงานผู้ผลิตส่งออกน้ำเชื่อม/น้ำตาลผสม
รายใหม่จากประเทศไทย และ 2) โรงงานผู้ส่งออกไทยที่ขึ้นทะเบียนกับทาง GACC ไว้ก่อนหน้านี้ และมีการส่งออกสินค้าน้ำเชื่อม/น้ำตาลผสมออกจากประเทศไทยก่อนวันที่ 10 ธันวาคม 2567 จะได้รับการผ่อนผันให้นำเข้าได้ สำหรับส่วนที่ส่งออกจากประเทศไทยหลังวันที่ 10 ธันวาคม 2567 จะถูกระงับการนำเข้า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) อยู่ระหว่างเร่งจัดทำข้อมูลเพื่อเสนอขอยกเลิกการระงับนำเข้า โดยจะจัดส่งแนวทางการควบคุมความปลอดภัยอาหารในระบบการผลิตอาหารของไทย ซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนดในประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับ 420 ที่กำกับดูแลโดย อย. พร้อมทั้งส่งรายชื่อผู้ประกอบการที่ได้รับการรับรองจาก อย. แล้ว เพื่อขอให้จีนพิจารณายกเลิกระงับนำเข้าต่อไป (ที่มา: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์, The Standard)
- รัฐบาลจีนระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 เป็นต้นไป อัตราอากรขาเข้าตามกรอบทั่วไปของชาติที่ได้รับความอนุเคราะห์ยิ่ง (Most Favored Nation, MFN) สำหรับน้ำเชื่อม และน้ำตาลผสมบางประเภทจะเพิ่มขึ้นจาก
ร้อยละ 12 เป็นร้อยละ 20 ด้านนักวิเคราะห์กล่าวว่า มาตรการนี้จะช่วยลดการนำเข้าน้ำเชื่อมและน้ำตาลผสม
จากประเทศไทย เวียดนาม และประเทศอื่นๆ ได้ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้ราคาน้ำตาลในประเทศจีนสูงขึ้น (ที่มา: บริษัท อ้อยและน้ำตาลไทย จำกัด)
          - Wilmar กล่าวว่า ปริมาณผลผลิตอ้อยบริเวณภาคกลาง - ใต้ของบราซิลในปีการผลิต 2568/69
ยังคงคาดการณ์ได้ยาก เนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวน ทั้งความแห้งแล้งและฝนที่ตกหนักตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 ทำให้เกิดความกังวลว่า อ้อยโรงงานจะไม่สามารถฟื้นตัวได้ ซึ่งจะส่งผลต่อการผลิตน้ำตาลโดยรวม ด้านบริษัท
ที่ปรึกษา BTG คาดการณ์ว่า สภาพอากาศที่ดีขึ้นจะช่วยให้ปริมาณผลผลิตอ้อยของบริษัท Jalles Machado
ในปีการผลิต 2568/69 เพิ่มขึ้น โดยสัดส่วนการนำอ้อยไปผลิตน้ำตาลจะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 53 - 55  หรืออาจสูงกว่าที่คาดการณ์ ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายการหีบอ้อยเพิ่มขึ้นจาก 7.90 ล้านตันในปีการผลิต 2567/68 เป็น 9 ล้านตันภายในปีการผลิต 2569/70 (ที่มา: บริษัท อ้อยและน้ำตาลไทย จำกัด)




 

 
ถั่วเหลือง

1. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาถั่วเหลืองชนิดคละสัปดาห์นี้กิโลกรัมละ 17.14 บาท ราคาทรงตัวจากสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
สัปดาห์นี้ไม่มีการรายงานราคาขายส่งถั่วเหลืองสกัดน้ำมัน
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
ราคาในตลาดต่างประเท (ตลาดชิคาโก)
ราคาซื้อขายล่วงหน้าเมล็ดถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 1,061.05 เซนต์ (13.34 บาท/กก.) สูงขึ้นจากบุชเชลละ 1,036.00 เซนต์ (13.03 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 2.42
ราคาซื้อขายล่วงหน้ากากถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 311.75 ดอลลาร์สหรัฐฯ (10.67 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 298.44 ดอลลาร์สหรัฐฯ (10.21 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 4.46
ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันถั่วเหลืองสัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 44.36 เซนต์ (33.46 บาท/กก.) ลดลงจากปอนด์ละ 45.64 เซนต์ (34.42 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 2.80


 

 
ยางพารา
 
 

 
ถั่วเขียว

สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดใหญ่คละ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 22.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำคละ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 23.75 บาท
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดเล็กคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 34.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 28.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 50.00 บาท บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 32.00 บาท บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 34.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1036.20 ดอลลาร์สหรัฐ (35.04 บาท/กก.) เพิ่มขึ้นจากตันละ 1019.00 ดอลลาร์สหรัฐ (35.06 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.69 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.02 บาท
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 857.40 ดอลลาร์สหรัฐ (28.99 บาท/กก.) เพิ่มขึ้นจากตันละ 843.20 ดอลลาร์สหรัฐ (29.01 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.68 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.02 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,512.40 ดอลลาร์สหรัฐ (51.14 บาท/กก.) เพิ่มขึ้นจากตันละ ละ 1,487.40 ดอลลาร์สหรัฐ (51.18 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.68 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.03 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 976.80 ดอลลาร์สหรัฐ (33.03 บาท/กก.) เพิ่มขึ้นจากตันละ 960.40 ดอลลาร์สหรัฐ (33.04 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.71 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.01 บาท
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1030.20 ดอลลาร์สหรัฐ (34.84 บาท/กก.) เพิ่มขึ้นจากตันละ 1013.00 ดอลลาร์สหรัฐ (34.85 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.70 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.02 บาท


 

 
ถั่วลิสง

สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ความเคลื่อนไหวของราคาประจำสัปดาห์ มีดังนี้
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกแห้ง สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 37.02 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 37.87 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.24
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดพิเศษ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 77.50 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดธรรมดา สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 67.50 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา


 

 
ฝ้าย

 

 
ไหม

ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 2,071 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,471 บาท ลดลงสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 1,481 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.68 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 3 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 973 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา


 

 
ปศุสัตว์

สุกร
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
 
ภาวะตลาดสุกรสัปดาห์นี้ ราคาสุกรมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดสอดรับกับความต้องการบริโภค แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะสูงขึ้น        
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
สุกรมีชีวิตพันธุ์ผสมน้ำหนัก 100 กิโลกรัมขึ้นไป ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ  71.89 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 71.38 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.71 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 65.10 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 66.29 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 75.31 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 73.29 บาท ส่วนราคาลูกสุกรตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้  ตัวละ 2,300 บาท สูงขึ้นจากตัวละ 2,200 บาท คิดเป็นร้อยละ 4.55 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งสุกรมีชีวิต ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 77.30 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 76.10 บาท คิดเป็นร้อยละ 1.58 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา

ไก่เนื้อ
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ

สัปดาห์นี้ราคาไก่เนื้อมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคสอดรับกับผลผลิตที่ออกสู่ตลาด แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย    
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 41.05 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 41.00 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.12 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 42.00 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 40.75 บาท ภาคใต้ กิโลกรัมละ 43.00 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่เนื้อตามประกาศของบริษัท ซี.พี ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 18.50 บาท ทรงตัวเท่าสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไก่มีชีวิตหน้าโรงฆ่า จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 41.50 บาท  และราคาขายส่งไก่สดทั้งตัวรวมเครื่องใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 59.00 บาท ทรงตัวเท่าสัปดาห์ที่ผ่านมา

ไข่ไก่
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
   
สถานการณ์ตลาดไข่ไก่สัปดาห์นี้ ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ลดลงจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภค  ยังคงชะลอตัว แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 357 บาท  บาท ลดลงจากร้อยฟองละ 358  บาท คิดเป็นร้อยละ 0.28 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 342 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 352 บาท  ภาคกลางร้อยฟองละ 364 บาท และภาคใต้ไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่ไข่ตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 28.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา 
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่ไก่ (เฉลี่ยเบอร์ 0 - 4) ในตลาดกรุงเทพฯจากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 392 บาททรงตัวเท่าสัปดาห์ที่ผ่านมา

ไข่เป็ด
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ

ราคาไข่เป็ดที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 421  บาท สูงขึ้นจากร้อยฟองละ 418  บาท คิดเป็นร้อยละ 0.72 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 439 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 427 บาท  ภาคกลางร้อยฟองละ 392 บาท และภาคใต้ร้อยฟองละ 459 บาท
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่เป็ดคละ ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 480 บาท บาท ทรงตัวเท่าสัปดาห์ที่ผ่านมา

โคเนื้อ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
   
ราคาโคพันธุ์ลูกผสม (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 68.64 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 67.66 บาท คิดเป็นร้อยละ 1.45 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 76.61 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 63.18 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 59.22 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 89.76 บาท

กระบือ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ

ราคากระบือ (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 56.95 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 57.93 บาท คิดเป็นร้อยละ 1.69 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 87.08 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 51.14 บาท  ภาคกลางและภาคใต้ไม่มีรายงาน


 

 
 

 
ประมง

สถานการณ์การผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
1. การผลิต
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (ระหว่างวันที่ 20 – 26 มกราคม 2568) ไม่มีรายงานปริมาณจากองค์การสะพานปลากรุงเทพฯ
 2. การตลาด
ความเคลื่อนไหวของราคาสัตว์น้ำที่สำคัญประจำสัปดาห์นี้มีดังนี้
2.1 ปลาดุกบิ๊กอุย (ขนาด 3 - 4 ตัว/กก.)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 59.46 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 62.30 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 2.84 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคลดลง
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.2 ปลาช่อน (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 80.05 ราคาสูงขึ้นเล็กน้อยจากกิโลกรัมละ 80.04 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.01 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.3 กุ้งกุลาดำ
ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาด 60 ตัวต่อกิโลกรัมและราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาดกลาง (60 ตัว/กก.) ไม่มีรายงานราคา
2.4 กุ้งขาวแวนนาไม
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 160.52 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 154.73 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 5.79 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้น
สำหรับราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 166.67 ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 164.17 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 2.50 บาท
2.5 ปลาทู (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 71.62 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคคงที่
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.6 ปลาหมึกกระดอง (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.7 ปลาเป็ดและปลาป่น
ราคาปลาเป็ดที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 9.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับราคาปลาป่นขายส่งกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ปลาป่นชนิดโปรตีน 60% ขึ้นไป ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 29.00 บาท
ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา และปลาป่นชนิดโปรตีนต่ำกว่า 60% ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละบาท 24.00 ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา


 

 

 


สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์ 20-26 มกราคม 2568

 

ข้าว
 
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
1.1 การผลิต
1) ข้าวนาปี ปี 2567/68 สศก. คาดการณ์ข้อมูล ณ เดือนตุลาคม 2567 มีเนื้อที่เพาะปลูก 62.020 ล้านไร่ ผลผลิต 27.007 ล้านตัน ผลผลิตต่อไร่ 435 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับปี 2566/67 ที่มีเนื้อที่เพาะปลูก 62.098 ล้านไร่ ผลผลิต 26.934 ล้านตัน ผลผลิตต่อไร่ 431 กิโลกรัม เนื้อที่เพาะปลูกลดลงร้อยละ 0.13 ในขณะที่ผลผลิตและผลผลิตต่อไร่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.27 และร้อยละ 0.23 ตามลำดับ โดยเนื้อที่เพาะปลูกคาดว่าจะลดลง เนื่องจากเกษตรกร    มีแนวโน้มที่จะปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชอื่นที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า เช่น อ้อยโรงงาน หรือมันสำปะหลัง สำหรับผลผลิตและผลผลิตต่อไร่คาดว่าเพิ่มขึ้น เนื่องจากปริมาณน้ำฝนภายหลังจากที่เพาะปลูกแล้วเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของต้นข้าว ประกอบกับราคาที่เกษตรกรขายได้ยังจูงใจให้เกษตรกรดูแลรักษา ถึงแม้ว่าในบางจังหวัดประสบอุทกภัยในช่วงเดือนสิงหาคม - กันยายน 2567 มีน้ำท่วมขังเป็นเวลานานทำให้ผลผลิตเสียหาย และบางพื้นที่มีการระบาดของแมลงหวี่ขาว แต่พื้นที่ส่วนใหญ่มีปริมาณน้ำฝนเพียงพอเหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของต้นข้าว และไม่พบการระบาดของโรคและแมลง ส่งผลให้ภาพรวมผลผลิตทั้งประเทศเพิ่มขึ้น
คาดการณ์ผลผลิตเริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2567 - พฤษภาคม 2568 โดยเดือนมกราคม 2568 ผลผลิตออกสู่ตลาด ปริมาณ 0.417 ล้านตันข้าวเปลือก หรือคิดเป็นร้อยละ 1.54 ของผลผลิตข้าวนาปีทั้งหมด โดยตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคม - มกราคม 2568 มีผลผลิตออกสู่ตลาดประมาณ 26.746 ล้านตันข้าวเปลือก หรือคิดเป็นร้อยละ 99.04 ของผลผลิตข้าวนาปีทั้งหมด คงเหลือผลผลิตที่คาดว่าจะออกสู่ตลาดอีกประมาณ 0.261 ล้านตันข้าวเปลือก หรือร้อยละ 0.96 ของผลผลิตข้าวนาปีทั้งหมด
2) ข้าวนาปรัง ปี 2568 สศก. คาดการณ์ข้อมูล ณ เดือนพฤศจิกายน 2567 มีเนื้อที่เพาะปลูก 12.005 ล้านไร่ ผลผลิต 7.864 ล้านตันข้าวเปลือก และผลผลิตต่อไร่ 655 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับปี 2567 ที่มีเนื้อที่เพาะปลูก 10.125 ล้านไร่ ผลผลิต 6.560 ล้านตัน ผลผลิตต่อไร่ 648 กิโลกรัม ทั้งเนื้อที่เพาะปลูก ผลผลิต และผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้นจาก ปี 2567 ร้อยละ 18.57 ร้อยละ 19.88 และร้อยละ 1.08 ตามลำดับ โดยเนื้อที่เพาะปลูกคาดว่าจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากปรากฏการณ์ลานีญาที่เริ่มขึ้นในช่วงเดือนกรกฎาคม ถึง กันยายน 2567 และคาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเนื่อง
ไปจนถึงต้นปี 2568 จะทำให้ปริมาณน้ำฝนมากกว่าปกติ รวมถึงน้ำในอ่างเก็บน้ำส่วนใหญ่และน้ำตามแหล่งน้ำธรรมชาติเมื่อต้นฤดูกาลเพาะปลูกมีปริมาณมากกว่าปีที่แล้ว จูงใจให้เกษตรบางส่วนขยายเนื้อที่เพาะปลูกในที่นา
ที่เคยปล่อยว่าง เพื่อปลูกชดเชยข้าวนาปีที่เสียหายจากน้ำท่วม สำหรับผลผลิตต่อไร่คาดว่าเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีน้ำเพียงพอต่อต่อการเพาะปลูกและการเจริญเติบโตของต้นข้าว
ทั้งนี้ เกษตรกรเก็บเกี่ยวผลผลิตตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ - ตุลาคม 2568 โดยคาดว่าผลผลิตจะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนมีนาคม - เมษายน 2568 ปริมาณรวม 5.33 ล้านตันข้าวเปลือก หรือร้อยละ 67.73 ของผลผลิต
ข้าวนาปรังทั้งหมด
1.2 ราคา
1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ
ข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 15,084 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 14,999 บาท  ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.57
ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 9,090 บาท ราคาลดลงจากตันละ 9,245 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.68
2) ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 35,150 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ข้าวขาว 5% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 14,450 บาท ราคาลดลงจากตันละ 15,130 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 4.49 
3) ราคาส่งออกเอฟโอบี
ข้าวหอมมะลิไทย 100% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 967 ดอลลาร์สหรัฐฯ (32,699 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 944 ดอลลาร์สหรัฐฯ (32,480 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.44 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 219 บาท
ข้าวขาว 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 469 ดอลลาร์สหรัฐฯ (15,859 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 472 ดอลลาร์สหรัฐฯ (16,240 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.64 และลดลงในรูปเงินบาทตันละ 381 บาท
ข้าวนึ่ง 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 495 ดอลลาร์สหรัฐฯ (16,738 บาท/ตัน) ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน แต่ลดลงในรูปเงินบาทตันละ 293 บาท
หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 33.8147 บาท
2. สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ
1) ฟิลิปปินส์  
ฟิลิปปินส์เตรียมออกมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาราคาข้าวภายในประเทศที่ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง แม้จะมีการลดภาษีนำเข้าข้าวจากร้อยละ 35 เป็นร้อยละ 15 ในปี 2567 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้จนถึงปี 2571 และ
มีปริมาณข้าวเพียงพอต่อความต้องการบริโภคของประชาชน ประกอบกับราคาข้าวในตลาดโลกได้ปรับลดลงแล้วก็ตาม แต่ราคาขายปลีกในประเทศยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าปกติ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้เงินเฟ้อของฟิลิปปินส์สูง
เกินกรอบเป้าหมายที่ธนาคารกลางกำหนดไว้ที่ร้อยละ 2 – 4 ทั้งในปี 2565 และปี 2566
ในการนี้ นาย Ferdinand Marcos Jr. ประธานาธิบดีของฟิลิปปินส์ได้สั่งการให้ควบคุมราคาข้าว ซึ่งเป็นอาหารหลักของประชาชน พร้อมทั้งจัดสรรเงินช่วยเหลือให้แก่ผู้ค้าข้าวรายย่อยและเจ้าของร้านค้าขนาดเล็ก
ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าว นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมของฟิลิปปินส์ได้เปิดเผยว่า คณะกรรมการประสานงานราคาแห่งชาติ ได้เสนอให้องค์การอาหารแห่งชาติ (National Food Administration; NFA) ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบในการบริหารจัดการข้าวของประเทศ เริ่มทยอยปล่อยข้าวจากคลังสำรอง โดยคาดว่า NFA จะระบายข้าวออกสู่ตลาดในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ประมาณ 300,000 ตัน
ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์
2) อินโดนีเซีย
สำนักงานสถิติกลางแห่งอินโดนีเซีย (Central Statistics Agency; BPS) รายงานการนําเข้าข้าวในปี 2567 ว่า มีประมาณ 4.52 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 3.06 ล้านตัน ในปี 2566 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 47.62 ซึ่งนำเข้าจาก 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย เวียดนาม เมียนมาร์ ปากีสถาน และอินเดีย โดยส่วนใหญ่นำเข้ามาจากไทยในปริมาณ 1.36 ล้านตัน มูลค่า 862 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (29,148 ล้านบาท) คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 30.19 รองลงมา ได้แก่ เวียดนามปริมาณ 1.25 ล้านตัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 27.62 เมียนมาปริมาณ 0.83 ล้านตัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 18.40 ปากีสถานปริมาณ 0.80 ล้านตัน และอินเดียปริมาณ 0.25 ล้านตัน นอกจากนี้ อินโดนีเซียยังนําเข้าข้าวจากประเทศอื่นๆ อีกประมาณ 0.03 ล้านตัน
ทั้งนี้ จากข้อมูลของ BPS ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา พบว่า การนำเข้าข้าวในปี 2567 มีปริมาณสูงที่สุด ที่ 4.52 ล้านตัน โดยในปี 2563 มีการนำเข้าข้าวประมาณ 0.36 ล้านตัน ปี 2564 มีประมาณ 0.41 ล้านตัน ปี 2565 มีประมาณ 0.43 ล้านตัน และในปี 2566 การนําเข้าข้าวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นปริมาณ 3.06 ล้านตัน
ที่มา สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย
หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 33.8147 บาท

 


ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์


1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
ราคาข้าวโพดในประเทศช่วงสัปดาห์นี้ มีดังนี้
ราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นไม่เกิน 14.5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 8.64 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 8.60 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.47 และราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นเกิน 14.5%
สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 6.62 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 6.60 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.30
ราคาข้าวโพดขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ ที่โรงงานอาหารสัตว์รับซื้อ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ  10.73 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 10.74 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.09
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี. สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในต่างประเทศ
กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ คาดคะเนความต้องการใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของโลก ปี 2567/68
มีปริมาณ 1,238.47 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 1,217.22 ล้านตัน ในปี 2566/67 ร้อยละ 1.75 โดย จีน บราซิล เม็กซิโก อินเดีย อาร์เจนตินา ญี่ปุ่น เวียดนาม อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ และรัสเซีย มีความต้องการใช้เพิ่มขึ้น สำหรับการค้าของโลกมี 189.72 ล้านตัน ลดลงจาก 197.85 ล้านตัน ในปี 2566/67 ร้อยละ 4.11            
โดย บราซิล ยูเครน รัสเซีย ปารากวัย สหภาพยุโรป เมียนมา แคนาดา และเซอร์เบีย ส่งออกลดลงประกอบกับผู้นำเข้า เช่น สหรัฐอเมริกา เม็กซิโก สหภาพยุโรป จีน เกาหลีใต้ อิหร่าน โคลอมเบีย ซาอุดีอาระเบีย เปรู มาเลเซีย โมร็อกโก อังกฤษ ตุรกี แคนาดา ชิลี กัวเตมาลา ไทย ฟิลิปปินส์ สาธารณรัฐโดมินิกัน และบราซิล มีการนำเข้าลดลง
ราคาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดชิคาโกเดือนมีนาคม 2568 ข้าวโพดเมล็ดเหลืองอเมริกันชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 488.00 เซนต์ (6,568.00 บาท/ตัน) สูงขึ้นจากบุชเชลละ 478.00 เซนต์ (6,545.00 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.09 และสูงขึ้นในรูปของเงินบาทตันละ 23.00 บาท




มันสำปะหลัง

สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
การผลิต
ผลผลิตมันสำปะหลังปี 2568 (เริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 – กันยายน 2568) คาดว่ามีพื้นที่เก็บเกี่ยว 8.629 ล้านไร่ ผลผลิต 27.196 ล้านตัน และผลผลิตต่อไร่ 3,152 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับปี 2567
ที่มีพื้นที่เก็บเกี่ยว 8.421 ล้านไร่ ผลผลิต 26.783 ล้านตัน และผลผลิตต่อไร่ 3,181 กิโลกรัม พบว่า พื้นที่เก็บเกี่ยว    และผลผลิต เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.47 และร้อยละ 1.54 ตามลำดับ แต่ผลผลิตต่อไร่ ลดลงร้อยละ 0.91 โดยเดือน
มกราคม 2568 คาดว่าจะมีผลผลิตออกสู่ตลาด 4.69 ล้านตัน (ร้อยละ 17.24 ของผลผลิตทั้งหมด)
ทั้งนี้ผลผลิตมันสำปะหลังปี 2568 จะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนมกราคม – มีนาคม 2568 ปริมาณ 15.56 ล้านตัน (ร้อยละ 57.23 ของผลผลิตทั้งหมด)
ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศประจำสัปดาห์ สรุปได้ดังนี้
ราคาหัวมันสำปะหลังสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1.80 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 1.81 บาท         ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.55
ราคามันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 5.63 บาท ราคาเพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 5.62 บาท         ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.18
ราคาขายส่งในประเทศ
ราคาขายส่งมันเส้น (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต จ.ชลบุรี และ จ.อยุธยา) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ5.70 บาท ราคาเพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 5.67 บาท ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.53
ราคาขายส่งแป้งมันสำปะหลังชั้นพิเศษ (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขตกรุงเทพ และปริมณฑล) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 13.96 บาท ราคาเพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 13.90 บาท ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.43
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ราคาส่งออกมันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 185.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (6,320 บาทต่อตัน) ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน ตันละ 185.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (6,420 บาทต่อตัน)
ราคาส่งออกแป้งมันสำปะหลัง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 413.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,100 บาทต่อตัน)  ราคาเพิ่มขึ้นจากตันละ 410.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,220 บาทต่อตัน)  ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.73


 


ปาล์มน้ำมัน

1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ  
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร คาดว่าปี 2568 ผลผลิตปาล์มน้ำมันเดือนมกราคมจะมีประมาณ 1.235 ล้านตัน คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.222 ล้านตัน สูงขึ้นจากผลผลิตปาล์มทะลาย 1.007 ล้านตัน
คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.181 ล้านตันของเดือนธันวาคม 2567 คิดเป็นร้อยละ 22.64 และร้อยละ 22.65 ตามลำดับ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาผลปาล์มทะลาย สัปดาห์นี้ เฉลี่ย กก.ละ 8.42 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 8.05 บาท ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 4.60  
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาน้ำมันปาล์มดิบ สัปดาห์นี้เฉลี่ย กก.ละ 47.08 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 45.25 บาท ในกับสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 4.04  
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
สถานการณ์ในต่างประเทศ
ราคาในตลาดต่างประเทศ

ตลาดมาเลเซีย ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 4,479.35 ริงกิตมาเลเซีย (34.70 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 4,503.30 ริงกิตมาเลเซีย (35.17 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 0.53  
ตลาดรอตเตอร์ดัม ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,190.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (40.72 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 1,211.25 ดอลลาร์สหรัฐฯ (42.16 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 1.75
หมายเหตุ  :  ราคาในตลาดต่างประเทศเฉลี่ย 5 วัน


 


อ้อยและน้ำตาล
 
  1. สรุปภาวะการผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
          - นายใบน้อย สุวรรณชาตรี เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ได้ทำหนังสือขอความร่วมมือไปยังโรงงานน้ำตาลทั้ง 58 แห่ง ให้รับเฉพาะอ้อยสดเข้าหีบ โดยชะลอ ระงับ ยับยั้ง และยุติการเผาไร่อ้อย พร้อมทั้งยุติการรับซื้ออ้อยไฟไหม้เข้าหีบ ระหว่างวันที่ 3 มกราคม 2568 เวลา 00.01 น. จนถึงวันที่ 12 มกราคม 2568 เวลา 23.59 น. เพื่อเป็นของขวัญวันเด็กสำหรับเยาวชนไทยทั้งประเทศ ทั้งนี้ โดยข้อมูลภาพรวมเฉลี่ย ณ ปัจจุบัน (5 มกราคม 2568) มีปริมาณอ้อยเข้าหีบทั้งหมดประมาณ 18 ล้านตัน โดยเป็นอ้อยไฟไหม้ประมาณ 4 ล้านตัน คิดเป็นร้อยละ 21.80 ของปริมาณอ้อยเข้าหีบทั้งหมด (ที่มา: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์)
2. สรุปภาวะการผลิต การตลาดและราคาในต่างประเทศ
          - กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทย เปิดเผยว่า หน่วยงานความปลอดภัยด้านอาหารส่งออก-นำเข้าของจีน
หรือ The Food Safety Bureau of The General Administration of Customs of The People’s Republic of China (GACC) ได้ระงับการนำเข้าสินค้าประเภทน้ำตาลจากประเทศไทย 2 รายการ ได้แก่ น้ำเชื่อม (Syrup) พิกัด 170290110 และน้ำตาลผสมล่วงหน้า (Pre-mixed powder) พิกัด 1702901200 เนื่องจากตรวจพบความเสี่ยงทางด้านความปลอดภัยของอาหาร และความไม่สอดคล้องกับข้อบังคับและกฎระเบียบของจีน ทั้งนี้ คำสั่งของ GACC มีผลบังคับใช้ 2 ประการคือ 1) จีนจะระงับการยื่นเรื่องขอขึ้นทะเบียนโรงงานผู้ผลิตส่งออกน้ำเชื่อม/น้ำตาลผสม
รายใหม่จากประเทศไทย และ 2) โรงงานผู้ส่งออกไทยที่ขึ้นทะเบียนกับทาง GACC ไว้ก่อนหน้านี้ และมีการส่งออกสินค้าน้ำเชื่อม/น้ำตาลผสมออกจากประเทศไทยก่อนวันที่ 10 ธันวาคม 2567 จะได้รับการผ่อนผันให้นำเข้าได้ สำหรับส่วนที่ส่งออกจากประเทศไทยหลังวันที่ 10 ธันวาคม 2567 จะถูกระงับการนำเข้า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) อยู่ระหว่างเร่งจัดทำข้อมูลเพื่อเสนอขอยกเลิกการระงับนำเข้า โดยจะจัดส่งแนวทางการควบคุมความปลอดภัยอาหารในระบบการผลิตอาหารของไทย ซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนดในประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับ 420 ที่กำกับดูแลโดย อย. พร้อมทั้งส่งรายชื่อผู้ประกอบการที่ได้รับการรับรองจาก อย. แล้ว เพื่อขอให้จีนพิจารณายกเลิกระงับนำเข้าต่อไป (ที่มา: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์, The Standard)
- รัฐบาลจีนระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 เป็นต้นไป อัตราอากรขาเข้าตามกรอบทั่วไปของชาติที่ได้รับความอนุเคราะห์ยิ่ง (Most Favored Nation, MFN) สำหรับน้ำเชื่อม และน้ำตาลผสมบางประเภทจะเพิ่มขึ้นจาก
ร้อยละ 12 เป็นร้อยละ 20 ด้านนักวิเคราะห์กล่าวว่า มาตรการนี้จะช่วยลดการนำเข้าน้ำเชื่อมและน้ำตาลผสม
จากประเทศไทย เวียดนาม และประเทศอื่นๆ ได้ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้ราคาน้ำตาลในประเทศจีนสูงขึ้น (ที่มา: บริษัท อ้อยและน้ำตาลไทย จำกัด)
          - Wilmar กล่าวว่า ปริมาณผลผลิตอ้อยบริเวณภาคกลาง - ใต้ของบราซิลในปีการผลิต 2568/69
ยังคงคาดการณ์ได้ยาก เนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวน ทั้งความแห้งแล้งและฝนที่ตกหนักตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 ทำให้เกิดความกังวลว่า อ้อยโรงงานจะไม่สามารถฟื้นตัวได้ ซึ่งจะส่งผลต่อการผลิตน้ำตาลโดยรวม ด้านบริษัท
ที่ปรึกษา BTG คาดการณ์ว่า สภาพอากาศที่ดีขึ้นจะช่วยให้ปริมาณผลผลิตอ้อยของบริษัท Jalles Machado
ในปีการผลิต 2568/69 เพิ่มขึ้น โดยสัดส่วนการนำอ้อยไปผลิตน้ำตาลจะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 53 - 55  หรืออาจสูงกว่าที่คาดการณ์ ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายการหีบอ้อยเพิ่มขึ้นจาก 7.90 ล้านตันในปีการผลิต 2567/68 เป็น 9 ล้านตันภายในปีการผลิต 2569/70 (ที่มา: บริษัท อ้อยและน้ำตาลไทย จำกัด)




 

 
ถั่วเหลือง

1. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาถั่วเหลืองชนิดคละสัปดาห์นี้กิโลกรัมละ 17.14 บาท ราคาทรงตัวจากสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
สัปดาห์นี้ไม่มีการรายงานราคาขายส่งถั่วเหลืองสกัดน้ำมัน
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
ราคาในตลาดต่างประเท (ตลาดชิคาโก)
ราคาซื้อขายล่วงหน้าเมล็ดถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 1,061.05 เซนต์ (13.34 บาท/กก.) สูงขึ้นจากบุชเชลละ 1,036.00 เซนต์ (13.03 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 2.42
ราคาซื้อขายล่วงหน้ากากถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 311.75 ดอลลาร์สหรัฐฯ (10.67 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 298.44 ดอลลาร์สหรัฐฯ (10.21 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 4.46
ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันถั่วเหลืองสัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 44.36 เซนต์ (33.46 บาท/กก.) ลดลงจากปอนด์ละ 45.64 เซนต์ (34.42 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 2.80


 

 
ยางพารา
 
 

 
ถั่วเขียว

สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดใหญ่คละ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 22.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำคละ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 23.75 บาท
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดเล็กคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 34.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 28.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 50.00 บาท บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 32.00 บาท บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 34.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1036.20 ดอลลาร์สหรัฐ (35.04 บาท/กก.) เพิ่มขึ้นจากตันละ 1019.00 ดอลลาร์สหรัฐ (35.06 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.69 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.02 บาท
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 857.40 ดอลลาร์สหรัฐ (28.99 บาท/กก.) เพิ่มขึ้นจากตันละ 843.20 ดอลลาร์สหรัฐ (29.01 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.68 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.02 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,512.40 ดอลลาร์สหรัฐ (51.14 บาท/กก.) เพิ่มขึ้นจากตันละ ละ 1,487.40 ดอลลาร์สหรัฐ (51.18 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.68 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.03 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 976.80 ดอลลาร์สหรัฐ (33.03 บาท/กก.) เพิ่มขึ้นจากตันละ 960.40 ดอลลาร์สหรัฐ (33.04 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.71 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.01 บาท
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1030.20 ดอลลาร์สหรัฐ (34.84 บาท/กก.) เพิ่มขึ้นจากตันละ 1013.00 ดอลลาร์สหรัฐ (34.85 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.70 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.02 บาท


 

 
ถั่วลิสง

สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ความเคลื่อนไหวของราคาประจำสัปดาห์ มีดังนี้
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกแห้ง สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 37.02 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 37.87 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.24
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดพิเศษ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 77.50 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดธรรมดา สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 67.50 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา


 

 
ฝ้าย

 

 
ไหม

ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 2,071 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,471 บาท ลดลงสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 1,481 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.68 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 3 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 973 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา


 

 
ปศุสัตว์

สุกร
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
 
ภาวะตลาดสุกรสัปดาห์นี้ ราคาสุกรมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดสอดรับกับความต้องการบริโภค แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะสูงขึ้น        
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
สุกรมีชีวิตพันธุ์ผสมน้ำหนัก 100 กิโลกรัมขึ้นไป ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ  71.89 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 71.38 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.71 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 65.10 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 66.29 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 75.31 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 73.29 บาท ส่วนราคาลูกสุกรตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้  ตัวละ 2,300 บาท สูงขึ้นจากตัวละ 2,200 บาท คิดเป็นร้อยละ 4.55 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งสุกรมีชีวิต ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 77.30 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 76.10 บาท คิดเป็นร้อยละ 1.58 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา

ไก่เนื้อ
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ

สัปดาห์นี้ราคาไก่เนื้อมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคสอดรับกับผลผลิตที่ออกสู่ตลาด แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย    
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 41.05 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 41.00 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.12 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 42.00 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 40.75 บาท ภาคใต้ กิโลกรัมละ 43.00 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่เนื้อตามประกาศของบริษัท ซี.พี ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 18.50 บาท ทรงตัวเท่าสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไก่มีชีวิตหน้าโรงฆ่า จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 41.50 บาท  และราคาขายส่งไก่สดทั้งตัวรวมเครื่องใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 59.00 บาท ทรงตัวเท่าสัปดาห์ที่ผ่านมา

ไข่ไก่
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
   
สถานการณ์ตลาดไข่ไก่สัปดาห์นี้ ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ลดลงจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภค  ยังคงชะลอตัว แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 357 บาท  บาท ลดลงจากร้อยฟองละ 358  บาท คิดเป็นร้อยละ 0.28 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 342 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 352 บาท  ภาคกลางร้อยฟองละ 364 บาท และภาคใต้ไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่ไข่ตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 28.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา 
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่ไก่ (เฉลี่ยเบอร์ 0 - 4) ในตลาดกรุงเทพฯจากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 392 บาททรงตัวเท่าสัปดาห์ที่ผ่านมา

ไข่เป็ด
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ

ราคาไข่เป็ดที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 421  บาท สูงขึ้นจากร้อยฟองละ 418  บาท คิดเป็นร้อยละ 0.72 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 439 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 427 บาท  ภาคกลางร้อยฟองละ 392 บาท และภาคใต้ร้อยฟองละ 459 บาท
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่เป็ดคละ ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 480 บาท บาท ทรงตัวเท่าสัปดาห์ที่ผ่านมา

โคเนื้อ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
   
ราคาโคพันธุ์ลูกผสม (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 68.64 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 67.66 บาท คิดเป็นร้อยละ 1.45 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 76.61 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 63.18 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 59.22 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 89.76 บาท

กระบือ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ

ราคากระบือ (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 56.95 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 57.93 บาท คิดเป็นร้อยละ 1.69 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 87.08 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 51.14 บาท  ภาคกลางและภาคใต้ไม่มีรายงาน


 

 
 

 
ประมง

สถานการณ์การผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
1. การผลิต
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (ระหว่างวันที่ 20 – 26 มกราคม 2568) ไม่มีรายงานปริมาณจากองค์การสะพานปลากรุงเทพฯ
 2. การตลาด
ความเคลื่อนไหวของราคาสัตว์น้ำที่สำคัญประจำสัปดาห์นี้มีดังนี้
2.1 ปลาดุกบิ๊กอุย (ขนาด 3 - 4 ตัว/กก.)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 59.46 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 62.30 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 2.84 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคลดลง
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.2 ปลาช่อน (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 80.05 ราคาสูงขึ้นเล็กน้อยจากกิโลกรัมละ 80.04 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.01 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.3 กุ้งกุลาดำ
ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาด 60 ตัวต่อกิโลกรัมและราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาดกลาง (60 ตัว/กก.) ไม่มีรายงานราคา
2.4 กุ้งขาวแวนนาไม
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 160.52 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 154.73 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 5.79 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้น
สำหรับราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 166.67 ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 164.17 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 2.50 บาท
2.5 ปลาทู (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 71.62 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคคงที่
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.6 ปลาหมึกกระดอง (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.7 ปลาเป็ดและปลาป่น
ราคาปลาเป็ดที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 9.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับราคาปลาป่นขายส่งกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ปลาป่นชนิดโปรตีน 60% ขึ้นไป ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 29.00 บาท
ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา และปลาป่นชนิดโปรตีนต่ำกว่า 60% ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละบาท 24.00 ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา


 

 

 


สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์ 20-26 มกราคม 2568

 

ข้าว
 
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
1.1 การผลิต
1) ข้าวนาปี ปี 2567/68 สศก. คาดการณ์ข้อมูล ณ เดือนตุลาคม 2567 มีเนื้อที่เพาะปลูก 62.020 ล้านไร่ ผลผลิต 27.007 ล้านตัน ผลผลิตต่อไร่ 435 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับปี 2566/67 ที่มีเนื้อที่เพาะปลูก 62.098 ล้านไร่ ผลผลิต 26.934 ล้านตัน ผลผลิตต่อไร่ 431 กิโลกรัม เนื้อที่เพาะปลูกลดลงร้อยละ 0.13 ในขณะที่ผลผลิตและผลผลิตต่อไร่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.27 และร้อยละ 0.23 ตามลำดับ โดยเนื้อที่เพาะปลูกคาดว่าจะลดลง เนื่องจากเกษตรกร    มีแนวโน้มที่จะปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชอื่นที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า เช่น อ้อยโรงงาน หรือมันสำปะหลัง สำหรับผลผลิตและผลผลิตต่อไร่คาดว่าเพิ่มขึ้น เนื่องจากปริมาณน้ำฝนภายหลังจากที่เพาะปลูกแล้วเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของต้นข้าว ประกอบกับราคาที่เกษตรกรขายได้ยังจูงใจให้เกษตรกรดูแลรักษา ถึงแม้ว่าในบางจังหวัดประสบอุทกภัยในช่วงเดือนสิงหาคม - กันยายน 2567 มีน้ำท่วมขังเป็นเวลานานทำให้ผลผลิตเสียหาย และบางพื้นที่มีการระบาดของแมลงหวี่ขาว แต่พื้นที่ส่วนใหญ่มีปริมาณน้ำฝนเพียงพอเหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของต้นข้าว และไม่พบการระบาดของโรคและแมลง ส่งผลให้ภาพรวมผลผลิตทั้งประเทศเพิ่มขึ้น
คาดการณ์ผลผลิตเริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2567 - พฤษภาคม 2568 โดยเดือนมกราคม 2568 ผลผลิตออกสู่ตลาด ปริมาณ 0.417 ล้านตันข้าวเปลือก หรือคิดเป็นร้อยละ 1.54 ของผลผลิตข้าวนาปีทั้งหมด โดยตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคม - มกราคม 2568 มีผลผลิตออกสู่ตลาดประมาณ 26.746 ล้านตันข้าวเปลือก หรือคิดเป็นร้อยละ 99.04 ของผลผลิตข้าวนาปีทั้งหมด คงเหลือผลผลิตที่คาดว่าจะออกสู่ตลาดอีกประมาณ 0.261 ล้านตันข้าวเปลือก หรือร้อยละ 0.96 ของผลผลิตข้าวนาปีทั้งหมด
2) ข้าวนาปรัง ปี 2568 สศก. คาดการณ์ข้อมูล ณ เดือนพฤศจิกายน 2567 มีเนื้อที่เพาะปลูก 12.005 ล้านไร่ ผลผลิต 7.864 ล้านตันข้าวเปลือก และผลผลิตต่อไร่ 655 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับปี 2567 ที่มีเนื้อที่เพาะปลูก 10.125 ล้านไร่ ผลผลิต 6.560 ล้านตัน ผลผลิตต่อไร่ 648 กิโลกรัม ทั้งเนื้อที่เพาะปลูก ผลผลิต และผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้นจาก ปี 2567 ร้อยละ 18.57 ร้อยละ 19.88 และร้อยละ 1.08 ตามลำดับ โดยเนื้อที่เพาะปลูกคาดว่าจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากปรากฏการณ์ลานีญาที่เริ่มขึ้นในช่วงเดือนกรกฎาคม ถึง กันยายน 2567 และคาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเนื่อง
ไปจนถึงต้นปี 2568 จะทำให้ปริมาณน้ำฝนมากกว่าปกติ รวมถึงน้ำในอ่างเก็บน้ำส่วนใหญ่และน้ำตามแหล่งน้ำธรรมชาติเมื่อต้นฤดูกาลเพาะปลูกมีปริมาณมากกว่าปีที่แล้ว จูงใจให้เกษตรบางส่วนขยายเนื้อที่เพาะปลูกในที่นา
ที่เคยปล่อยว่าง เพื่อปลูกชดเชยข้าวนาปีที่เสียหายจากน้ำท่วม สำหรับผลผลิตต่อไร่คาดว่าเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีน้ำเพียงพอต่อต่อการเพาะปลูกและการเจริญเติบโตของต้นข้าว
ทั้งนี้ เกษตรกรเก็บเกี่ยวผลผลิตตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ - ตุลาคม 2568 โดยคาดว่าผลผลิตจะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนมีนาคม - เมษายน 2568 ปริมาณรวม 5.33 ล้านตันข้าวเปลือก หรือร้อยละ 67.73 ของผลผลิต
ข้าวนาปรังทั้งหมด
1.2 ราคา
1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ
ข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 15,084 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 14,999 บาท  ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.57
ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 9,090 บาท ราคาลดลงจากตันละ 9,245 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.68
2) ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 35,150 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ข้าวขาว 5% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 14,450 บาท ราคาลดลงจากตันละ 15,130 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 4.49 
3) ราคาส่งออกเอฟโอบี
ข้าวหอมมะลิไทย 100% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 967 ดอลลาร์สหรัฐฯ (32,699 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 944 ดอลลาร์สหรัฐฯ (32,480 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.44 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 219 บาท
ข้าวขาว 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 469 ดอลลาร์สหรัฐฯ (15,859 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 472 ดอลลาร์สหรัฐฯ (16,240 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.64 และลดลงในรูปเงินบาทตันละ 381 บาท
ข้าวนึ่ง 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 495 ดอลลาร์สหรัฐฯ (16,738 บาท/ตัน) ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน แต่ลดลงในรูปเงินบาทตันละ 293 บาท
หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 33.8147 บาท
2. สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ
1) ฟิลิปปินส์  
ฟิลิปปินส์เตรียมออกมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาราคาข้าวภายในประเทศที่ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง แม้จะมีการลดภาษีนำเข้าข้าวจากร้อยละ 35 เป็นร้อยละ 15 ในปี 2567 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้จนถึงปี 2571 และ
มีปริมาณข้าวเพียงพอต่อความต้องการบริโภคของประชาชน ประกอบกับราคาข้าวในตลาดโลกได้ปรับลดลงแล้วก็ตาม แต่ราคาขายปลีกในประเทศยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าปกติ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้เงินเฟ้อของฟิลิปปินส์สูง
เกินกรอบเป้าหมายที่ธนาคารกลางกำหนดไว้ที่ร้อยละ 2 – 4 ทั้งในปี 2565 และปี 2566
ในการนี้ นาย Ferdinand Marcos Jr. ประธานาธิบดีของฟิลิปปินส์ได้สั่งการให้ควบคุมราคาข้าว ซึ่งเป็นอาหารหลักของประชาชน พร้อมทั้งจัดสรรเงินช่วยเหลือให้แก่ผู้ค้าข้าวรายย่อยและเจ้าของร้านค้าขนาดเล็ก
ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าว นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมของฟิลิปปินส์ได้เปิดเผยว่า คณะกรรมการประสานงานราคาแห่งชาติ ได้เสนอให้องค์การอาหารแห่งชาติ (National Food Administration; NFA) ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบในการบริหารจัดการข้าวของประเทศ เริ่มทยอยปล่อยข้าวจากคลังสำรอง โดยคาดว่า NFA จะระบายข้าวออกสู่ตลาดในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ประมาณ 300,000 ตัน
ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์
2) อินโดนีเซีย
สำนักงานสถิติกลางแห่งอินโดนีเซีย (Central Statistics Agency; BPS) รายงานการนําเข้าข้าวในปี 2567 ว่า มีประมาณ 4.52 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 3.06 ล้านตัน ในปี 2566 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 47.62 ซึ่งนำเข้าจาก 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย เวียดนาม เมียนมาร์ ปากีสถาน และอินเดีย โดยส่วนใหญ่นำเข้ามาจากไทยในปริมาณ 1.36 ล้านตัน มูลค่า 862 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (29,148 ล้านบาท) คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 30.19 รองลงมา ได้แก่ เวียดนามปริมาณ 1.25 ล้านตัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 27.62 เมียนมาปริมาณ 0.83 ล้านตัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 18.40 ปากีสถานปริมาณ 0.80 ล้านตัน และอินเดียปริมาณ 0.25 ล้านตัน นอกจากนี้ อินโดนีเซียยังนําเข้าข้าวจากประเทศอื่นๆ อีกประมาณ 0.03 ล้านตัน
ทั้งนี้ จากข้อมูลของ BPS ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา พบว่า การนำเข้าข้าวในปี 2567 มีปริมาณสูงที่สุด ที่ 4.52 ล้านตัน โดยในปี 2563 มีการนำเข้าข้าวประมาณ 0.36 ล้านตัน ปี 2564 มีประมาณ 0.41 ล้านตัน ปี 2565 มีประมาณ 0.43 ล้านตัน และในปี 2566 การนําเข้าข้าวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นปริมาณ 3.06 ล้านตัน
ที่มา สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย
หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 33.8147 บาท

 


ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์


1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
ราคาข้าวโพดในประเทศช่วงสัปดาห์นี้ มีดังนี้
ราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นไม่เกิน 14.5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 8.64 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 8.60 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.47 และราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นเกิน 14.5%
สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 6.62 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 6.60 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.30
ราคาข้าวโพดขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ ที่โรงงานอาหารสัตว์รับซื้อ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ  10.73 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 10.74 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.09
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี. สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในต่างประเทศ
กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ คาดคะเนความต้องการใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของโลก ปี 2567/68
มีปริมาณ 1,238.47 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 1,217.22 ล้านตัน ในปี 2566/67 ร้อยละ 1.75 โดย จีน บราซิล เม็กซิโก อินเดีย อาร์เจนตินา ญี่ปุ่น เวียดนาม อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ และรัสเซีย มีความต้องการใช้เพิ่มขึ้น สำหรับการค้าของโลกมี 189.72 ล้านตัน ลดลงจาก 197.85 ล้านตัน ในปี 2566/67 ร้อยละ 4.11            
โดย บราซิล ยูเครน รัสเซีย ปารากวัย สหภาพยุโรป เมียนมา แคนาดา และเซอร์เบีย ส่งออกลดลงประกอบกับผู้นำเข้า เช่น สหรัฐอเมริกา เม็กซิโก สหภาพยุโรป จีน เกาหลีใต้ อิหร่าน โคลอมเบีย ซาอุดีอาระเบีย เปรู มาเลเซีย โมร็อกโก อังกฤษ ตุรกี แคนาดา ชิลี กัวเตมาลา ไทย ฟิลิปปินส์ สาธารณรัฐโดมินิกัน และบราซิล มีการนำเข้าลดลง
ราคาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดชิคาโกเดือนมีนาคม 2568 ข้าวโพดเมล็ดเหลืองอเมริกันชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 488.00 เซนต์ (6,568.00 บาท/ตัน) สูงขึ้นจากบุชเชลละ 478.00 เซนต์ (6,545.00 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.09 และสูงขึ้นในรูปของเงินบาทตันละ 23.00 บาท




มันสำปะหลัง

สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
การผลิต
ผลผลิตมันสำปะหลังปี 2568 (เริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 – กันยายน 2568) คาดว่ามีพื้นที่เก็บเกี่ยว 8.629 ล้านไร่ ผลผลิต 27.196 ล้านตัน และผลผลิตต่อไร่ 3,152 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับปี 2567
ที่มีพื้นที่เก็บเกี่ยว 8.421 ล้านไร่ ผลผลิต 26.783 ล้านตัน และผลผลิตต่อไร่ 3,181 กิโลกรัม พบว่า พื้นที่เก็บเกี่ยว    และผลผลิต เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.47 และร้อยละ 1.54 ตามลำดับ แต่ผลผลิตต่อไร่ ลดลงร้อยละ 0.91 โดยเดือน
มกราคม 2568 คาดว่าจะมีผลผลิตออกสู่ตลาด 4.69 ล้านตัน (ร้อยละ 17.24 ของผลผลิตทั้งหมด)
ทั้งนี้ผลผลิตมันสำปะหลังปี 2568 จะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนมกราคม – มีนาคม 2568 ปริมาณ 15.56 ล้านตัน (ร้อยละ 57.23 ของผลผลิตทั้งหมด)
ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศประจำสัปดาห์ สรุปได้ดังนี้
ราคาหัวมันสำปะหลังสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1.80 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 1.81 บาท         ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.55
ราคามันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 5.63 บาท ราคาเพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 5.62 บาท         ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.18
ราคาขายส่งในประเทศ
ราคาขายส่งมันเส้น (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต จ.ชลบุรี และ จ.อยุธยา) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ5.70 บาท ราคาเพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 5.67 บาท ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.53
ราคาขายส่งแป้งมันสำปะหลังชั้นพิเศษ (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขตกรุงเทพ และปริมณฑล) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 13.96 บาท ราคาเพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 13.90 บาท ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.43
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ราคาส่งออกมันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 185.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (6,320 บาทต่อตัน) ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน ตันละ 185.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (6,420 บาทต่อตัน)
ราคาส่งออกแป้งมันสำปะหลัง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 413.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,100 บาทต่อตัน)  ราคาเพิ่มขึ้นจากตันละ 410.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,220 บาทต่อตัน)  ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.73


 


ปาล์มน้ำมัน

1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ  
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร คาดว่าปี 2568 ผลผลิตปาล์มน้ำมันเดือนมกราคมจะมีประมาณ 1.235 ล้านตัน คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.222 ล้านตัน สูงขึ้นจากผลผลิตปาล์มทะลาย 1.007 ล้านตัน
คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.181 ล้านตันของเดือนธันวาคม 2567 คิดเป็นร้อยละ 22.64 และร้อยละ 22.65 ตามลำดับ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาผลปาล์มทะลาย สัปดาห์นี้ เฉลี่ย กก.ละ 8.42 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 8.05 บาท ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 4.60  
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาน้ำมันปาล์มดิบ สัปดาห์นี้เฉลี่ย กก.ละ 47.08 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 45.25 บาท ในกับสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 4.04  
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
สถานการณ์ในต่างประเทศ
ราคาในตลาดต่างประเทศ

ตลาดมาเลเซีย ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 4,479.35 ริงกิตมาเลเซีย (34.70 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 4,503.30 ริงกิตมาเลเซีย (35.17 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 0.53  
ตลาดรอตเตอร์ดัม ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,190.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (40.72 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 1,211.25 ดอลลาร์สหรัฐฯ (42.16 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 1.75
หมายเหตุ  :  ราคาในตลาดต่างประเทศเฉลี่ย 5 วัน


 


อ้อยและน้ำตาล
 
  1. สรุปภาวะการผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
          - นายใบน้อย สุวรรณชาตรี เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ได้ทำหนังสือขอความร่วมมือไปยังโรงงานน้ำตาลทั้ง 58 แห่ง ให้รับเฉพาะอ้อยสดเข้าหีบ โดยชะลอ ระงับ ยับยั้ง และยุติการเผาไร่อ้อย พร้อมทั้งยุติการรับซื้ออ้อยไฟไหม้เข้าหีบ ระหว่างวันที่ 3 มกราคม 2568 เวลา 00.01 น. จนถึงวันที่ 12 มกราคม 2568 เวลา 23.59 น. เพื่อเป็นของขวัญวันเด็กสำหรับเยาวชนไทยทั้งประเทศ ทั้งนี้ โดยข้อมูลภาพรวมเฉลี่ย ณ ปัจจุบัน (5 มกราคม 2568) มีปริมาณอ้อยเข้าหีบทั้งหมดประมาณ 18 ล้านตัน โดยเป็นอ้อยไฟไหม้ประมาณ 4 ล้านตัน คิดเป็นร้อยละ 21.80 ของปริมาณอ้อยเข้าหีบทั้งหมด (ที่มา: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์)
2. สรุปภาวะการผลิต การตลาดและราคาในต่างประเทศ
          - กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทย เปิดเผยว่า หน่วยงานความปลอดภัยด้านอาหารส่งออก-นำเข้าของจีน
หรือ The Food Safety Bureau of The General Administration of Customs of The People’s Republic of China (GACC) ได้ระงับการนำเข้าสินค้าประเภทน้ำตาลจากประเทศไทย 2 รายการ ได้แก่ น้ำเชื่อม (Syrup) พิกัด 170290110 และน้ำตาลผสมล่วงหน้า (Pre-mixed powder) พิกัด 1702901200 เนื่องจากตรวจพบความเสี่ยงทางด้านความปลอดภัยของอาหาร และความไม่สอดคล้องกับข้อบังคับและกฎระเบียบของจีน ทั้งนี้ คำสั่งของ GACC มีผลบังคับใช้ 2 ประการคือ 1) จีนจะระงับการยื่นเรื่องขอขึ้นทะเบียนโรงงานผู้ผลิตส่งออกน้ำเชื่อม/น้ำตาลผสม
รายใหม่จากประเทศไทย และ 2) โรงงานผู้ส่งออกไทยที่ขึ้นทะเบียนกับทาง GACC ไว้ก่อนหน้านี้ และมีการส่งออกสินค้าน้ำเชื่อม/น้ำตาลผสมออกจากประเทศไทยก่อนวันที่ 10 ธันวาคม 2567 จะได้รับการผ่อนผันให้นำเข้าได้ สำหรับส่วนที่ส่งออกจากประเทศไทยหลังวันที่ 10 ธันวาคม 2567 จะถูกระงับการนำเข้า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) อยู่ระหว่างเร่งจัดทำข้อมูลเพื่อเสนอขอยกเลิกการระงับนำเข้า โดยจะจัดส่งแนวทางการควบคุมความปลอดภัยอาหารในระบบการผลิตอาหารของไทย ซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนดในประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับ 420 ที่กำกับดูแลโดย อย. พร้อมทั้งส่งรายชื่อผู้ประกอบการที่ได้รับการรับรองจาก อย. แล้ว เพื่อขอให้จีนพิจารณายกเลิกระงับนำเข้าต่อไป (ที่มา: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์, The Standard)
- รัฐบาลจีนระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 เป็นต้นไป อัตราอากรขาเข้าตามกรอบทั่วไปของชาติที่ได้รับความอนุเคราะห์ยิ่ง (Most Favored Nation, MFN) สำหรับน้ำเชื่อม และน้ำตาลผสมบางประเภทจะเพิ่มขึ้นจาก
ร้อยละ 12 เป็นร้อยละ 20 ด้านนักวิเคราะห์กล่าวว่า มาตรการนี้จะช่วยลดการนำเข้าน้ำเชื่อมและน้ำตาลผสม
จากประเทศไทย เวียดนาม และประเทศอื่นๆ ได้ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้ราคาน้ำตาลในประเทศจีนสูงขึ้น (ที่มา: บริษัท อ้อยและน้ำตาลไทย จำกัด)
          - Wilmar กล่าวว่า ปริมาณผลผลิตอ้อยบริเวณภาคกลาง - ใต้ของบราซิลในปีการผลิต 2568/69
ยังคงคาดการณ์ได้ยาก เนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวน ทั้งความแห้งแล้งและฝนที่ตกหนักตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 ทำให้เกิดความกังวลว่า อ้อยโรงงานจะไม่สามารถฟื้นตัวได้ ซึ่งจะส่งผลต่อการผลิตน้ำตาลโดยรวม ด้านบริษัท
ที่ปรึกษา BTG คาดการณ์ว่า สภาพอากาศที่ดีขึ้นจะช่วยให้ปริมาณผลผลิตอ้อยของบริษัท Jalles Machado
ในปีการผลิต 2568/69 เพิ่มขึ้น โดยสัดส่วนการนำอ้อยไปผลิตน้ำตาลจะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 53 - 55  หรืออาจสูงกว่าที่คาดการณ์ ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายการหีบอ้อยเพิ่มขึ้นจาก 7.90 ล้านตันในปีการผลิต 2567/68 เป็น 9 ล้านตันภายในปีการผลิต 2569/70 (ที่มา: บริษัท อ้อยและน้ำตาลไทย จำกัด)




 

 
ถั่วเหลือง

1. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาถั่วเหลืองชนิดคละสัปดาห์นี้กิโลกรัมละ 17.14 บาท ราคาทรงตัวจากสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
สัปดาห์นี้ไม่มีการรายงานราคาขายส่งถั่วเหลืองสกัดน้ำมัน
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
ราคาในตลาดต่างประเท (ตลาดชิคาโก)
ราคาซื้อขายล่วงหน้าเมล็ดถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 1,061.05 เซนต์ (13.34 บาท/กก.) สูงขึ้นจากบุชเชลละ 1,036.00 เซนต์ (13.03 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 2.42
ราคาซื้อขายล่วงหน้ากากถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 311.75 ดอลลาร์สหรัฐฯ (10.67 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 298.44 ดอลลาร์สหรัฐฯ (10.21 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 4.46
ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันถั่วเหลืองสัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 44.36 เซนต์ (33.46 บาท/กก.) ลดลงจากปอนด์ละ 45.64 เซนต์ (34.42 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 2.80


 

 
ยางพารา
 
 

 
ถั่วเขียว

สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดใหญ่คละ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 22.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำคละ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 23.75 บาท
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดเล็กคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 34.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 28.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 50.00 บาท บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 32.00 บาท บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 34.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1036.20 ดอลลาร์สหรัฐ (35.04 บาท/กก.) เพิ่มขึ้นจากตันละ 1019.00 ดอลลาร์สหรัฐ (35.06 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.69 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.02 บาท
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 857.40 ดอลลาร์สหรัฐ (28.99 บาท/กก.) เพิ่มขึ้นจากตันละ 843.20 ดอลลาร์สหรัฐ (29.01 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.68 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.02 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,512.40 ดอลลาร์สหรัฐ (51.14 บาท/กก.) เพิ่มขึ้นจากตันละ ละ 1,487.40 ดอลลาร์สหรัฐ (51.18 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.68 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.03 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 976.80 ดอลลาร์สหรัฐ (33.03 บาท/กก.) เพิ่มขึ้นจากตันละ 960.40 ดอลลาร์สหรัฐ (33.04 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.71 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.01 บาท
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1030.20 ดอลลาร์สหรัฐ (34.84 บาท/กก.) เพิ่มขึ้นจากตันละ 1013.00 ดอลลาร์สหรัฐ (34.85 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.70 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.02 บาท


 

 
ถั่วลิสง

สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ความเคลื่อนไหวของราคาประจำสัปดาห์ มีดังนี้
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกแห้ง สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 37.02 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 37.87 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.24
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดพิเศษ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 77.50 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดธรรมดา สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 67.50 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา


 

 
ฝ้าย

 

 
ไหม

ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 2,071 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,471 บาท ลดลงสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 1,481 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.68 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 3 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 973 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา


 

 
ปศุสัตว์

สุกร
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
 
ภาวะตลาดสุกรสัปดาห์นี้ ราคาสุกรมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดสอดรับกับความต้องการบริโภค แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะสูงขึ้น        
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
สุกรมีชีวิตพันธุ์ผสมน้ำหนัก 100 กิโลกรัมขึ้นไป ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ  71.89 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 71.38 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.71 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 65.10 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 66.29 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 75.31 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 73.29 บาท ส่วนราคาลูกสุกรตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้  ตัวละ 2,300 บาท สูงขึ้นจากตัวละ 2,200 บาท คิดเป็นร้อยละ 4.55 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งสุกรมีชีวิต ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 77.30 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 76.10 บาท คิดเป็นร้อยละ 1.58 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา

ไก่เนื้อ
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ

สัปดาห์นี้ราคาไก่เนื้อมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคสอดรับกับผลผลิตที่ออกสู่ตลาด แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย    
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 41.05 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 41.00 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.12 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 42.00 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 40.75 บาท ภาคใต้ กิโลกรัมละ 43.00 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่เนื้อตามประกาศของบริษัท ซี.พี ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 18.50 บาท ทรงตัวเท่าสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไก่มีชีวิตหน้าโรงฆ่า จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 41.50 บาท  และราคาขายส่งไก่สดทั้งตัวรวมเครื่องใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 59.00 บาท ทรงตัวเท่าสัปดาห์ที่ผ่านมา

ไข่ไก่
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
   
สถานการณ์ตลาดไข่ไก่สัปดาห์นี้ ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ลดลงจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภค  ยังคงชะลอตัว แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 357 บาท  บาท ลดลงจากร้อยฟองละ 358  บาท คิดเป็นร้อยละ 0.28 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 342 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 352 บาท  ภาคกลางร้อยฟองละ 364 บาท และภาคใต้ไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่ไข่ตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 28.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา 
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่ไก่ (เฉลี่ยเบอร์ 0 - 4) ในตลาดกรุงเทพฯจากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 392 บาททรงตัวเท่าสัปดาห์ที่ผ่านมา

ไข่เป็ด
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ

ราคาไข่เป็ดที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 421  บาท สูงขึ้นจากร้อยฟองละ 418  บาท คิดเป็นร้อยละ 0.72 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 439 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 427 บาท  ภาคกลางร้อยฟองละ 392 บาท และภาคใต้ร้อยฟองละ 459 บาท
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่เป็ดคละ ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 480 บาท บาท ทรงตัวเท่าสัปดาห์ที่ผ่านมา

โคเนื้อ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
   
ราคาโคพันธุ์ลูกผสม (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 68.64 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 67.66 บาท คิดเป็นร้อยละ 1.45 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 76.61 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 63.18 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 59.22 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 89.76 บาท

กระบือ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ

ราคากระบือ (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 56.95 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 57.93 บาท คิดเป็นร้อยละ 1.69 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 87.08 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 51.14 บาท  ภาคกลางและภาคใต้ไม่มีรายงาน


 

 
 

 
ประมง

สถานการณ์การผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
1. การผลิต
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (ระหว่างวันที่ 20 – 26 มกราคม 2568) ไม่มีรายงานปริมาณจากองค์การสะพานปลากรุงเทพฯ
 2. การตลาด
ความเคลื่อนไหวของราคาสัตว์น้ำที่สำคัญประจำสัปดาห์นี้มีดังนี้
2.1 ปลาดุกบิ๊กอุย (ขนาด 3 - 4 ตัว/กก.)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 59.46 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 62.30 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 2.84 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคลดลง
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.2 ปลาช่อน (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 80.05 ราคาสูงขึ้นเล็กน้อยจากกิโลกรัมละ 80.04 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.01 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.3 กุ้งกุลาดำ
ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาด 60 ตัวต่อกิโลกรัมและราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาดกลาง (60 ตัว/กก.) ไม่มีรายงานราคา
2.4 กุ้งขาวแวนนาไม
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 160.52 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 154.73 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 5.79 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้น
สำหรับราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 166.67 ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 164.17 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 2.50 บาท
2.5 ปลาทู (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 71.62 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคคงที่
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.6 ปลาหมึกกระดอง (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.7 ปลาเป็ดและปลาป่น
ราคาปลาเป็ดที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 9.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับราคาปลาป่นขายส่งกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ปลาป่นชนิดโปรตีน 60% ขึ้นไป ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 29.00 บาท
ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา และปลาป่นชนิดโปรตีนต่ำกว่า 60% ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละบาท 24.00 ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา


 

 

 


สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์ 20-26 มกราคม 2568

 

ข้าว
 
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
1.1 การผลิต
1) ข้าวนาปี ปี 2567/68 สศก. คาดการณ์ข้อมูล ณ เดือนตุลาคม 2567 มีเนื้อที่เพาะปลูก 62.020 ล้านไร่ ผลผลิต 27.007 ล้านตัน ผลผลิตต่อไร่ 435 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับปี 2566/67 ที่มีเนื้อที่เพาะปลูก 62.098 ล้านไร่ ผลผลิต 26.934 ล้านตัน ผลผลิตต่อไร่ 431 กิโลกรัม เนื้อที่เพาะปลูกลดลงร้อยละ 0.13 ในขณะที่ผลผลิตและผลผลิตต่อไร่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.27 และร้อยละ 0.23 ตามลำดับ โดยเนื้อที่เพาะปลูกคาดว่าจะลดลง เนื่องจากเกษตรกร    มีแนวโน้มที่จะปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชอื่นที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า เช่น อ้อยโรงงาน หรือมันสำปะหลัง สำหรับผลผลิตและผลผลิตต่อไร่คาดว่าเพิ่มขึ้น เนื่องจากปริมาณน้ำฝนภายหลังจากที่เพาะปลูกแล้วเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของต้นข้าว ประกอบกับราคาที่เกษตรกรขายได้ยังจูงใจให้เกษตรกรดูแลรักษา ถึงแม้ว่าในบางจังหวัดประสบอุทกภัยในช่วงเดือนสิงหาคม - กันยายน 2567 มีน้ำท่วมขังเป็นเวลานานทำให้ผลผลิตเสียหาย และบางพื้นที่มีการระบาดของแมลงหวี่ขาว แต่พื้นที่ส่วนใหญ่มีปริมาณน้ำฝนเพียงพอเหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของต้นข้าว และไม่พบการระบาดของโรคและแมลง ส่งผลให้ภาพรวมผลผลิตทั้งประเทศเพิ่มขึ้น
คาดการณ์ผลผลิตเริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2567 - พฤษภาคม 2568 โดยเดือนมกราคม 2568 ผลผลิตออกสู่ตลาด ปริมาณ 0.417 ล้านตันข้าวเปลือก หรือคิดเป็นร้อยละ 1.54 ของผลผลิตข้าวนาปีทั้งหมด โดยตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคม - มกราคม 2568 มีผลผลิตออกสู่ตลาดประมาณ 26.746 ล้านตันข้าวเปลือก หรือคิดเป็นร้อยละ 99.04 ของผลผลิตข้าวนาปีทั้งหมด คงเหลือผลผลิตที่คาดว่าจะออกสู่ตลาดอีกประมาณ 0.261 ล้านตันข้าวเปลือก หรือร้อยละ 0.96 ของผลผลิตข้าวนาปีทั้งหมด
2) ข้าวนาปรัง ปี 2568 สศก. คาดการณ์ข้อมูล ณ เดือนพฤศจิกายน 2567 มีเนื้อที่เพาะปลูก 12.005 ล้านไร่ ผลผลิต 7.864 ล้านตันข้าวเปลือก และผลผลิตต่อไร่ 655 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับปี 2567 ที่มีเนื้อที่เพาะปลูก 10.125 ล้านไร่ ผลผลิต 6.560 ล้านตัน ผลผลิตต่อไร่ 648 กิโลกรัม ทั้งเนื้อที่เพาะปลูก ผลผลิต และผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้นจาก ปี 2567 ร้อยละ 18.57 ร้อยละ 19.88 และร้อยละ 1.08 ตามลำดับ โดยเนื้อที่เพาะปลูกคาดว่าจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากปรากฏการณ์ลานีญาที่เริ่มขึ้นในช่วงเดือนกรกฎาคม ถึง กันยายน 2567 และคาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเนื่อง
ไปจนถึงต้นปี 2568 จะทำให้ปริมาณน้ำฝนมากกว่าปกติ รวมถึงน้ำในอ่างเก็บน้ำส่วนใหญ่และน้ำตามแหล่งน้ำธรรมชาติเมื่อต้นฤดูกาลเพาะปลูกมีปริมาณมากกว่าปีที่แล้ว จูงใจให้เกษตรบางส่วนขยายเนื้อที่เพาะปลูกในที่นา
ที่เคยปล่อยว่าง เพื่อปลูกชดเชยข้าวนาปีที่เสียหายจากน้ำท่วม สำหรับผลผลิตต่อไร่คาดว่าเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีน้ำเพียงพอต่อต่อการเพาะปลูกและการเจริญเติบโตของต้นข้าว
ทั้งนี้ เกษตรกรเก็บเกี่ยวผลผลิตตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ - ตุลาคม 2568 โดยคาดว่าผลผลิตจะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนมีนาคม - เมษายน 2568 ปริมาณรวม 5.33 ล้านตันข้าวเปลือก หรือร้อยละ 67.73 ของผลผลิต
ข้าวนาปรังทั้งหมด
1.2 ราคา
1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ
ข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 15,084 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 14,999 บาท  ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.57
ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 9,090 บาท ราคาลดลงจากตันละ 9,245 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.68
2) ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 35,150 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ข้าวขาว 5% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 14,450 บาท ราคาลดลงจากตันละ 15,130 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 4.49 
3) ราคาส่งออกเอฟโอบี
ข้าวหอมมะลิไทย 100% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 967 ดอลลาร์สหรัฐฯ (32,699 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 944 ดอลลาร์สหรัฐฯ (32,480 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.44 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 219 บาท
ข้าวขาว 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 469 ดอลลาร์สหรัฐฯ (15,859 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 472 ดอลลาร์สหรัฐฯ (16,240 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.64 และลดลงในรูปเงินบาทตันละ 381 บาท
ข้าวนึ่ง 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 495 ดอลลาร์สหรัฐฯ (16,738 บาท/ตัน) ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน แต่ลดลงในรูปเงินบาทตันละ 293 บาท
หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 33.8147 บาท
2. สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ
1) ฟิลิปปินส์  
ฟิลิปปินส์เตรียมออกมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาราคาข้าวภายในประเทศที่ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง แม้จะมีการลดภาษีนำเข้าข้าวจากร้อยละ 35 เป็นร้อยละ 15 ในปี 2567 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้จนถึงปี 2571 และ
มีปริมาณข้าวเพียงพอต่อความต้องการบริโภคของประชาชน ประกอบกับราคาข้าวในตลาดโลกได้ปรับลดลงแล้วก็ตาม แต่ราคาขายปลีกในประเทศยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าปกติ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้เงินเฟ้อของฟิลิปปินส์สูง
เกินกรอบเป้าหมายที่ธนาคารกลางกำหนดไว้ที่ร้อยละ 2 – 4 ทั้งในปี 2565 และปี 2566
ในการนี้ นาย Ferdinand Marcos Jr. ประธานาธิบดีของฟิลิปปินส์ได้สั่งการให้ควบคุมราคาข้าว ซึ่งเป็นอาหารหลักของประชาชน พร้อมทั้งจัดสรรเงินช่วยเหลือให้แก่ผู้ค้าข้าวรายย่อยและเจ้าของร้านค้าขนาดเล็ก
ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าว นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมของฟิลิปปินส์ได้เปิดเผยว่า คณะกรรมการประสานงานราคาแห่งชาติ ได้เสนอให้องค์การอาหารแห่งชาติ (National Food Administration; NFA) ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบในการบริหารจัดการข้าวของประเทศ เริ่มทยอยปล่อยข้าวจากคลังสำรอง โดยคาดว่า NFA จะระบายข้าวออกสู่ตลาดในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ประมาณ 300,000 ตัน
ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์
2) อินโดนีเซีย
สำนักงานสถิติกลางแห่งอินโดนีเซีย (Central Statistics Agency; BPS) รายงานการนําเข้าข้าวในปี 2567 ว่า มีประมาณ 4.52 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 3.06 ล้านตัน ในปี 2566 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 47.62 ซึ่งนำเข้าจาก 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย เวียดนาม เมียนมาร์ ปากีสถาน และอินเดีย โดยส่วนใหญ่นำเข้ามาจากไทยในปริมาณ 1.36 ล้านตัน มูลค่า 862 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (29,148 ล้านบาท) คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 30.19 รองลงมา ได้แก่ เวียดนามปริมาณ 1.25 ล้านตัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 27.62 เมียนมาปริมาณ 0.83 ล้านตัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 18.40 ปากีสถานปริมาณ 0.80 ล้านตัน และอินเดียปริมาณ 0.25 ล้านตัน นอกจากนี้ อินโดนีเซียยังนําเข้าข้าวจากประเทศอื่นๆ อีกประมาณ 0.03 ล้านตัน
ทั้งนี้ จากข้อมูลของ BPS ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา พบว่า การนำเข้าข้าวในปี 2567 มีปริมาณสูงที่สุด ที่ 4.52 ล้านตัน โดยในปี 2563 มีการนำเข้าข้าวประมาณ 0.36 ล้านตัน ปี 2564 มีประมาณ 0.41 ล้านตัน ปี 2565 มีประมาณ 0.43 ล้านตัน และในปี 2566 การนําเข้าข้าวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นปริมาณ 3.06 ล้านตัน
ที่มา สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย
หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 33.8147 บาท

 


ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์


1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
ราคาข้าวโพดในประเทศช่วงสัปดาห์นี้ มีดังนี้
ราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นไม่เกิน 14.5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 8.64 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 8.60 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.47 และราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นเกิน 14.5%
สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 6.62 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 6.60 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.30
ราคาข้าวโพดขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ ที่โรงงานอาหารสัตว์รับซื้อ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ  10.73 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 10.74 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.09
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี. สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในต่างประเทศ
กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ คาดคะเนความต้องการใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของโลก ปี 2567/68
มีปริมาณ 1,238.47 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 1,217.22 ล้านตัน ในปี 2566/67 ร้อยละ 1.75 โดย จีน บราซิล เม็กซิโก อินเดีย อาร์เจนตินา ญี่ปุ่น เวียดนาม อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ และรัสเซีย มีความต้องการใช้เพิ่มขึ้น สำหรับการค้าของโลกมี 189.72 ล้านตัน ลดลงจาก 197.85 ล้านตัน ในปี 2566/67 ร้อยละ 4.11            
โดย บราซิล ยูเครน รัสเซีย ปารากวัย สหภาพยุโรป เมียนมา แคนาดา และเซอร์เบีย ส่งออกลดลงประกอบกับผู้นำเข้า เช่น สหรัฐอเมริกา เม็กซิโก สหภาพยุโรป จีน เกาหลีใต้ อิหร่าน โคลอมเบีย ซาอุดีอาระเบีย เปรู มาเลเซีย โมร็อกโก อังกฤษ ตุรกี แคนาดา ชิลี กัวเตมาลา ไทย ฟิลิปปินส์ สาธารณรัฐโดมินิกัน และบราซิล มีการนำเข้าลดลง
ราคาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดชิคาโกเดือนมีนาคม 2568 ข้าวโพดเมล็ดเหลืองอเมริกันชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 488.00 เซนต์ (6,568.00 บาท/ตัน) สูงขึ้นจากบุชเชลละ 478.00 เซนต์ (6,545.00 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.09 และสูงขึ้นในรูปของเงินบาทตันละ 23.00 บาท




มันสำปะหลัง

สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
การผลิต
ผลผลิตมันสำปะหลังปี 2568 (เริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 – กันยายน 2568) คาดว่ามีพื้นที่เก็บเกี่ยว 8.629 ล้านไร่ ผลผลิต 27.196 ล้านตัน และผลผลิตต่อไร่ 3,152 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับปี 2567
ที่มีพื้นที่เก็บเกี่ยว 8.421 ล้านไร่ ผลผลิต 26.783 ล้านตัน และผลผลิตต่อไร่ 3,181 กิโลกรัม พบว่า พื้นที่เก็บเกี่ยว    และผลผลิต เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.47 และร้อยละ 1.54 ตามลำดับ แต่ผลผลิตต่อไร่ ลดลงร้อยละ 0.91 โดยเดือน
มกราคม 2568 คาดว่าจะมีผลผลิตออกสู่ตลาด 4.69 ล้านตัน (ร้อยละ 17.24 ของผลผลิตทั้งหมด)
ทั้งนี้ผลผลิตมันสำปะหลังปี 2568 จะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนมกราคม – มีนาคม 2568 ปริมาณ 15.56 ล้านตัน (ร้อยละ 57.23 ของผลผลิตทั้งหมด)
ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศประจำสัปดาห์ สรุปได้ดังนี้
ราคาหัวมันสำปะหลังสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1.80 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 1.81 บาท         ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.55
ราคามันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 5.63 บาท ราคาเพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 5.62 บาท         ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.18
ราคาขายส่งในประเทศ
ราคาขายส่งมันเส้น (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต จ.ชลบุรี และ จ.อยุธยา) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ5.70 บาท ราคาเพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 5.67 บาท ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.53
ราคาขายส่งแป้งมันสำปะหลังชั้นพิเศษ (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขตกรุงเทพ และปริมณฑล) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 13.96 บาท ราคาเพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 13.90 บาท ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.43
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ราคาส่งออกมันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 185.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (6,320 บาทต่อตัน) ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน ตันละ 185.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (6,420 บาทต่อตัน)
ราคาส่งออกแป้งมันสำปะหลัง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 413.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,100 บาทต่อตัน)  ราคาเพิ่มขึ้นจากตันละ 410.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,220 บาทต่อตัน)  ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.73


 


ปาล์มน้ำมัน

1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ  
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร คาดว่าปี 2568 ผลผลิตปาล์มน้ำมันเดือนมกราคมจะมีประมาณ 1.235 ล้านตัน คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.222 ล้านตัน สูงขึ้นจากผลผลิตปาล์มทะลาย 1.007 ล้านตัน
คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.181 ล้านตันของเดือนธันวาคม 2567 คิดเป็นร้อยละ 22.64 และร้อยละ 22.65 ตามลำดับ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาผลปาล์มทะลาย สัปดาห์นี้ เฉลี่ย กก.ละ 8.42 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 8.05 บาท ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 4.60  
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาน้ำมันปาล์มดิบ สัปดาห์นี้เฉลี่ย กก.ละ 47.08 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 45.25 บาท ในกับสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 4.04  
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
สถานการณ์ในต่างประเทศ
ราคาในตลาดต่างประเทศ

ตลาดมาเลเซีย ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 4,479.35 ริงกิตมาเลเซีย (34.70 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 4,503.30 ริงกิตมาเลเซีย (35.17 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 0.53  
ตลาดรอตเตอร์ดัม ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,190.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (40.72 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 1,211.25 ดอลลาร์สหรัฐฯ (42.16 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 1.75
หมายเหตุ  :  ราคาในตลาดต่างประเทศเฉลี่ย 5 วัน


 


อ้อยและน้ำตาล
 
  1. สรุปภาวะการผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
          - นายใบน้อย สุวรรณชาตรี เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ได้ทำหนังสือขอความร่วมมือไปยังโรงงานน้ำตาลทั้ง 58 แห่ง ให้รับเฉพาะอ้อยสดเข้าหีบ โดยชะลอ ระงับ ยับยั้ง และยุติการเผาไร่อ้อย พร้อมทั้งยุติการรับซื้ออ้อยไฟไหม้เข้าหีบ ระหว่างวันที่ 3 มกราคม 2568 เวลา 00.01 น. จนถึงวันที่ 12 มกราคม 2568 เวลา 23.59 น. เพื่อเป็นของขวัญวันเด็กสำหรับเยาวชนไทยทั้งประเทศ ทั้งนี้ โดยข้อมูลภาพรวมเฉลี่ย ณ ปัจจุบัน (5 มกราคม 2568) มีปริมาณอ้อยเข้าหีบทั้งหมดประมาณ 18 ล้านตัน โดยเป็นอ้อยไฟไหม้ประมาณ 4 ล้านตัน คิดเป็นร้อยละ 21.80 ของปริมาณอ้อยเข้าหีบทั้งหมด (ที่มา: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์)
2. สรุปภาวะการผลิต การตลาดและราคาในต่างประเทศ
          - กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทย เปิดเผยว่า หน่วยงานความปลอดภัยด้านอาหารส่งออก-นำเข้าของจีน
หรือ The Food Safety Bureau of The General Administration of Customs of The People’s Republic of China (GACC) ได้ระงับการนำเข้าสินค้าประเภทน้ำตาลจากประเทศไทย 2 รายการ ได้แก่ น้ำเชื่อม (Syrup) พิกัด 170290110 และน้ำตาลผสมล่วงหน้า (Pre-mixed powder) พิกัด 1702901200 เนื่องจากตรวจพบความเสี่ยงทางด้านความปลอดภัยของอาหาร และความไม่สอดคล้องกับข้อบังคับและกฎระเบียบของจีน ทั้งนี้ คำสั่งของ GACC มีผลบังคับใช้ 2 ประการคือ 1) จีนจะระงับการยื่นเรื่องขอขึ้นทะเบียนโรงงานผู้ผลิตส่งออกน้ำเชื่อม/น้ำตาลผสม
รายใหม่จากประเทศไทย และ 2) โรงงานผู้ส่งออกไทยที่ขึ้นทะเบียนกับทาง GACC ไว้ก่อนหน้านี้ และมีการส่งออกสินค้าน้ำเชื่อม/น้ำตาลผสมออกจากประเทศไทยก่อนวันที่ 10 ธันวาคม 2567 จะได้รับการผ่อนผันให้นำเข้าได้ สำหรับส่วนที่ส่งออกจากประเทศไทยหลังวันที่ 10 ธันวาคม 2567 จะถูกระงับการนำเข้า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) อยู่ระหว่างเร่งจัดทำข้อมูลเพื่อเสนอขอยกเลิกการระงับนำเข้า โดยจะจัดส่งแนวทางการควบคุมความปลอดภัยอาหารในระบบการผลิตอาหารของไทย ซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนดในประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับ 420 ที่กำกับดูแลโดย อย. พร้อมทั้งส่งรายชื่อผู้ประกอบการที่ได้รับการรับรองจาก อย. แล้ว เพื่อขอให้จีนพิจารณายกเลิกระงับนำเข้าต่อไป (ที่มา: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์, The Standard)
- รัฐบาลจีนระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 เป็นต้นไป อัตราอากรขาเข้าตามกรอบทั่วไปของชาติที่ได้รับความอนุเคราะห์ยิ่ง (Most Favored Nation, MFN) สำหรับน้ำเชื่อม และน้ำตาลผสมบางประเภทจะเพิ่มขึ้นจาก
ร้อยละ 12 เป็นร้อยละ 20 ด้านนักวิเคราะห์กล่าวว่า มาตรการนี้จะช่วยลดการนำเข้าน้ำเชื่อมและน้ำตาลผสม
จากประเทศไทย เวียดนาม และประเทศอื่นๆ ได้ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้ราคาน้ำตาลในประเทศจีนสูงขึ้น (ที่มา: บริษัท อ้อยและน้ำตาลไทย จำกัด)
          - Wilmar กล่าวว่า ปริมาณผลผลิตอ้อยบริเวณภาคกลาง - ใต้ของบราซิลในปีการผลิต 2568/69
ยังคงคาดการณ์ได้ยาก เนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวน ทั้งความแห้งแล้งและฝนที่ตกหนักตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 ทำให้เกิดความกังวลว่า อ้อยโรงงานจะไม่สามารถฟื้นตัวได้ ซึ่งจะส่งผลต่อการผลิตน้ำตาลโดยรวม ด้านบริษัท
ที่ปรึกษา BTG คาดการณ์ว่า สภาพอากาศที่ดีขึ้นจะช่วยให้ปริมาณผลผลิตอ้อยของบริษัท Jalles Machado
ในปีการผลิต 2568/69 เพิ่มขึ้น โดยสัดส่วนการนำอ้อยไปผลิตน้ำตาลจะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 53 - 55  หรืออาจสูงกว่าที่คาดการณ์ ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายการหีบอ้อยเพิ่มขึ้นจาก 7.90 ล้านตันในปีการผลิต 2567/68 เป็น 9 ล้านตันภายในปีการผลิต 2569/70 (ที่มา: บริษัท อ้อยและน้ำตาลไทย จำกัด)




 

 
ถั่วเหลือง

1. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาถั่วเหลืองชนิดคละสัปดาห์นี้กิโลกรัมละ 17.14 บาท ราคาทรงตัวจากสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
สัปดาห์นี้ไม่มีการรายงานราคาขายส่งถั่วเหลืองสกัดน้ำมัน
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
ราคาในตลาดต่างประเท (ตลาดชิคาโก)
ราคาซื้อขายล่วงหน้าเมล็ดถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 1,061.05 เซนต์ (13.34 บาท/กก.) สูงขึ้นจากบุชเชลละ 1,036.00 เซนต์ (13.03 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 2.42
ราคาซื้อขายล่วงหน้ากากถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 311.75 ดอลลาร์สหรัฐฯ (10.67 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 298.44 ดอลลาร์สหรัฐฯ (10.21 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 4.46
ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันถั่วเหลืองสัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 44.36 เซนต์ (33.46 บาท/กก.) ลดลงจากปอนด์ละ 45.64 เซนต์ (34.42 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 2.80


 

 
ยางพารา
 
 

 
ถั่วเขียว

สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดใหญ่คละ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 22.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำคละ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 23.75 บาท
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดเล็กคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 34.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 28.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 50.00 บาท บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 32.00 บาท บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 34.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1036.20 ดอลลาร์สหรัฐ (35.04 บาท/กก.) เพิ่มขึ้นจากตันละ 1019.00 ดอลลาร์สหรัฐ (35.06 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.69 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.02 บาท
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 857.40 ดอลลาร์สหรัฐ (28.99 บาท/กก.) เพิ่มขึ้นจากตันละ 843.20 ดอลลาร์สหรัฐ (29.01 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.68 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.02 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,512.40 ดอลลาร์สหรัฐ (51.14 บาท/กก.) เพิ่มขึ้นจากตันละ ละ 1,487.40 ดอลลาร์สหรัฐ (51.18 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.68 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.03 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 976.80 ดอลลาร์สหรัฐ (33.03 บาท/กก.) เพิ่มขึ้นจากตันละ 960.40 ดอลลาร์สหรัฐ (33.04 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.71 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.01 บาท
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1030.20 ดอลลาร์สหรัฐ (34.84 บาท/กก.) เพิ่มขึ้นจากตันละ 1013.00 ดอลลาร์สหรัฐ (34.85 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.70 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.02 บาท


 

 
ถั่วลิสง

สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ความเคลื่อนไหวของราคาประจำสัปดาห์ มีดังนี้
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกแห้ง สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 37.02 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 37.87 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.24
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดพิเศษ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 77.50 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดธรรมดา สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 67.50 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา


 

 
ฝ้าย

 

 
ไหม

ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 2,071 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,471 บาท ลดลงสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 1,481 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.68 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 3 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 973 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา


 

 
ปศุสัตว์

สุกร
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
 
ภาวะตลาดสุกรสัปดาห์นี้ ราคาสุกรมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดสอดรับกับความต้องการบริโภค แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะสูงขึ้น        
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
สุกรมีชีวิตพันธุ์ผสมน้ำหนัก 100 กิโลกรัมขึ้นไป ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ  71.89 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 71.38 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.71 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 65.10 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 66.29 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 75.31 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 73.29 บาท ส่วนราคาลูกสุกรตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้  ตัวละ 2,300 บาท สูงขึ้นจากตัวละ 2,200 บาท คิดเป็นร้อยละ 4.55 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งสุกรมีชีวิต ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 77.30 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 76.10 บาท คิดเป็นร้อยละ 1.58 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา

ไก่เนื้อ
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ

สัปดาห์นี้ราคาไก่เนื้อมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคสอดรับกับผลผลิตที่ออกสู่ตลาด แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย    
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 41.05 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 41.00 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.12 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 42.00 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 40.75 บาท ภาคใต้ กิโลกรัมละ 43.00 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่เนื้อตามประกาศของบริษัท ซี.พี ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 18.50 บาท ทรงตัวเท่าสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไก่มีชีวิตหน้าโรงฆ่า จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 41.50 บาท  และราคาขายส่งไก่สดทั้งตัวรวมเครื่องใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 59.00 บาท ทรงตัวเท่าสัปดาห์ที่ผ่านมา

ไข่ไก่
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
   
สถานการณ์ตลาดไข่ไก่สัปดาห์นี้ ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ลดลงจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภค  ยังคงชะลอตัว แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 357 บาท  บาท ลดลงจากร้อยฟองละ 358  บาท คิดเป็นร้อยละ 0.28 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 342 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 352 บาท  ภาคกลางร้อยฟองละ 364 บาท และภาคใต้ไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่ไข่ตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 28.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา 
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่ไก่ (เฉลี่ยเบอร์ 0 - 4) ในตลาดกรุงเทพฯจากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 392 บาททรงตัวเท่าสัปดาห์ที่ผ่านมา

ไข่เป็ด
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ

ราคาไข่เป็ดที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 421  บาท สูงขึ้นจากร้อยฟองละ 418  บาท คิดเป็นร้อยละ 0.72 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 439 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 427 บาท  ภาคกลางร้อยฟองละ 392 บาท และภาคใต้ร้อยฟองละ 459 บาท
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่เป็ดคละ ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 480 บาท บาท ทรงตัวเท่าสัปดาห์ที่ผ่านมา

โคเนื้อ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
   
ราคาโคพันธุ์ลูกผสม (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 68.64 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 67.66 บาท คิดเป็นร้อยละ 1.45 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 76.61 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 63.18 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 59.22 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 89.76 บาท

กระบือ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ

ราคากระบือ (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 56.95 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 57.93 บาท คิดเป็นร้อยละ 1.69 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 87.08 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 51.14 บาท  ภาคกลางและภาคใต้ไม่มีรายงาน


 

 
 

 
ประมง

สถานการณ์การผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
1. การผลิต
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (ระหว่างวันที่ 20 – 26 มกราคม 2568) ไม่มีรายงานปริมาณจากองค์การสะพานปลากรุงเทพฯ
 2. การตลาด
ความเคลื่อนไหวของราคาสัตว์น้ำที่สำคัญประจำสัปดาห์นี้มีดังนี้
2.1 ปลาดุกบิ๊กอุย (ขนาด 3 - 4 ตัว/กก.)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 59.46 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 62.30 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 2.84 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคลดลง
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.2 ปลาช่อน (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 80.05 ราคาสูงขึ้นเล็กน้อยจากกิโลกรัมละ 80.04 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.01 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.3 กุ้งกุลาดำ
ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาด 60 ตัวต่อกิโลกรัมและราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาดกลาง (60 ตัว/กก.) ไม่มีรายงานราคา
2.4 กุ้งขาวแวนนาไม
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 160.52 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 154.73 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 5.79 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้น
สำหรับราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 166.67 ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 164.17 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 2.50 บาท
2.5 ปลาทู (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 71.62 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคคงที่
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.6 ปลาหมึกกระดอง (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.7 ปลาเป็ดและปลาป่น
ราคาปลาเป็ดที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 9.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับราคาปลาป่นขายส่งกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ปลาป่นชนิดโปรตีน 60% ขึ้นไป ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 29.00 บาท
ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา และปลาป่นชนิดโปรตีนต่ำกว่า 60% ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละบาท 24.00 ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา